“ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำได้เพียงเสมอ เคมบริดจ์ ยูไนเต็ด คู่แข่งจาก ลีก ทู แบบไร้สกอร์ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา ต้องไปลุ้นกันต่อนัดรีเพลย์ ในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 4
ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบ 4
เคมบริดจ์ 0-0 แมนฯ ยูไนเต็ด
หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จัดทัพระบบ 4-4-2 ดร็อป เวย์น รูนีย์ ออกจากทีม ส่ง ราดาเมล ฟัลเกา จับคู่ เจมส์ วิลสัน ล่าตาข่าย โดยมี อังเคล ดิ มาเรีย กับ อัดนาน ยานูซาจ์ ปั้นเกมรุก และ มารูยาน เฟลไลนี กับ ไมเคิล คาร์ริค ซึ่งรับบทกัปตันทีม คุมเกมแดนกลาง บุกรังอาร์ คอสติง แอ็บบีย์ รับมือ เคมบริดจ์ ยูไนเต็ด
เสียงนกหวีดดังขึ้น ทั้งคู่ยังตั้งเกมกันไม่ถนัดช่วงต้นจนถึงนาทีที่ 10 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทักทายน่ากลัว เดลีย์ บลินด์ สอดมารับบอลทะลุช่องทางซ้าย ดึงหลอกตัวประกบแล้วเปิดเข้ากลางติดบล็อกกลับมาทางเดิม ก่อนซัดมุมแคบติดเซฟ คริส ดันน์ นายทวาร รูปเกมก้ำกึ่งสูสี นาที 23 ทีมเยือน ได้เสียว อันโตนิโอ วาเลนเซีย โยนจากขวา ไมเคิล เนลสัน โหม่งมาเข้าทาง อัดนาน ยานูซาจ์ แปสวนตรงหัวกะโหลกเข้ามือ ดันน์
ทีมของ ริชาร์ด มันนี น่าขึ้นนำแบบสุดๆ นาที 31 ไรอัน โดนัลด์สัน เปิดเตะมุมกราบซ้าย ทอม แชมเปียน กัปตันทีม โหม่งติดขา จอช คูลสัน บอลชุลมุนอยู่หน้าประตู กระดอนมาถึงศีรษะ คูลสัน โหม่งสะบัดจ่อๆ ข้ามคานนิดเดียว ถัดมา ยูไนเต็ด เริ่มครองบอลบุกอย่างต่อเนื่อง นาที 44 อังเคล ดิ มาเรีย ปั่นฟรีคิกหน้าเขตโทษด้านขวา ระยะประมาณ 30 หลา ข้ามคาน ครบ 45 นาที เสมอกัน 0-0
ลุยต่อครึ่งหลัง “ปิศาจแดง” แทบพับสนามบุกแต่ยังรับ - ส่งบอลกันขาดๆ เกินๆ ก่อนมาพลาดโอกาสทองนาที 62 ไมเคิล คาร์ริค จ่ายเจาะตรงกลางให้ ราดาเมล ฟัลเกา แต่งออกขวาแล้วล้มตัวยิง คริส ดันน์ ล้มตัวปัดบอลย้อยข้ามคานอย่างน่าเสียดาย นาที 71 อังเคล ดิ มาเรีย ตักเข้าเขตโทษด้านซ้าย โรบิน ฟาน เพอร์ซี ตัวสำรอง วอลเลย์ข้ามคานนิดเดียว จบเกม เสมอกัน 0-0 ต้องย้ายไปดวลกันใหม่ ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
รายชื่อ 11 ตัวจริง
เคมบริดจ์ : คริส ดันน์ , ริชาร์ด เทต , เกร็ก เทย์เลอร์ , จอช คูลสัน , ไมเคิล เนลสัน , ไรอัน โดนัลด์สัน , ทอม แชมเปียน , เลียม ฮิวจ์ส , คาเมรอน แม็คกีแฮน , ซัลเลย์ ไกไก , ทอม เอลเลียตต์
แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา , ฟิล โจนส์ , มาร์คอส โรโฮ , เดลีย์ บลินด์ , อันโตนิโอ วาเลนเซีย , อังเคล ดิ มาเรีย , อัดนาน ยานูซาจ์ , ไมเคิล คาร์ริค , มารูยาน เฟลไลนี , ราดาเมล ฟัลเกา , เจมส์ วิลสัน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบ 4
เคมบริดจ์ 0-0 แมนฯ ยูไนเต็ด
หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จัดทัพระบบ 4-4-2 ดร็อป เวย์น รูนีย์ ออกจากทีม ส่ง ราดาเมล ฟัลเกา จับคู่ เจมส์ วิลสัน ล่าตาข่าย โดยมี อังเคล ดิ มาเรีย กับ อัดนาน ยานูซาจ์ ปั้นเกมรุก และ มารูยาน เฟลไลนี กับ ไมเคิล คาร์ริค ซึ่งรับบทกัปตันทีม คุมเกมแดนกลาง บุกรังอาร์ คอสติง แอ็บบีย์ รับมือ เคมบริดจ์ ยูไนเต็ด
เสียงนกหวีดดังขึ้น ทั้งคู่ยังตั้งเกมกันไม่ถนัดช่วงต้นจนถึงนาทีที่ 10 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทักทายน่ากลัว เดลีย์ บลินด์ สอดมารับบอลทะลุช่องทางซ้าย ดึงหลอกตัวประกบแล้วเปิดเข้ากลางติดบล็อกกลับมาทางเดิม ก่อนซัดมุมแคบติดเซฟ คริส ดันน์ นายทวาร รูปเกมก้ำกึ่งสูสี นาที 23 ทีมเยือน ได้เสียว อันโตนิโอ วาเลนเซีย โยนจากขวา ไมเคิล เนลสัน โหม่งมาเข้าทาง อัดนาน ยานูซาจ์ แปสวนตรงหัวกะโหลกเข้ามือ ดันน์
ทีมของ ริชาร์ด มันนี น่าขึ้นนำแบบสุดๆ นาที 31 ไรอัน โดนัลด์สัน เปิดเตะมุมกราบซ้าย ทอม แชมเปียน กัปตันทีม โหม่งติดขา จอช คูลสัน บอลชุลมุนอยู่หน้าประตู กระดอนมาถึงศีรษะ คูลสัน โหม่งสะบัดจ่อๆ ข้ามคานนิดเดียว ถัดมา ยูไนเต็ด เริ่มครองบอลบุกอย่างต่อเนื่อง นาที 44 อังเคล ดิ มาเรีย ปั่นฟรีคิกหน้าเขตโทษด้านขวา ระยะประมาณ 30 หลา ข้ามคาน ครบ 45 นาที เสมอกัน 0-0
ลุยต่อครึ่งหลัง “ปิศาจแดง” แทบพับสนามบุกแต่ยังรับ - ส่งบอลกันขาดๆ เกินๆ ก่อนมาพลาดโอกาสทองนาที 62 ไมเคิล คาร์ริค จ่ายเจาะตรงกลางให้ ราดาเมล ฟัลเกา แต่งออกขวาแล้วล้มตัวยิง คริส ดันน์ ล้มตัวปัดบอลย้อยข้ามคานอย่างน่าเสียดาย นาที 71 อังเคล ดิ มาเรีย ตักเข้าเขตโทษด้านซ้าย โรบิน ฟาน เพอร์ซี ตัวสำรอง วอลเลย์ข้ามคานนิดเดียว จบเกม เสมอกัน 0-0 ต้องย้ายไปดวลกันใหม่ ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
รายชื่อ 11 ตัวจริง
เคมบริดจ์ : คริส ดันน์ , ริชาร์ด เทต , เกร็ก เทย์เลอร์ , จอช คูลสัน , ไมเคิล เนลสัน , ไรอัน โดนัลด์สัน , ทอม แชมเปียน , เลียม ฮิวจ์ส , คาเมรอน แม็คกีแฮน , ซัลเลย์ ไกไก , ทอม เอลเลียตต์
แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา , ฟิล โจนส์ , มาร์คอส โรโฮ , เดลีย์ บลินด์ , อันโตนิโอ วาเลนเซีย , อังเคล ดิ มาเรีย , อัดนาน ยานูซาจ์ , ไมเคิล คาร์ริค , มารูยาน เฟลไลนี , ราดาเมล ฟัลเกา , เจมส์ วิลสัน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *