คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
เป็นที่แน่นอนแล้วว่า “คิงส์ คัพ ครั้งที่ 43” แฟนชาวโคราชจะได้ยลฝีเท้าของแข้งชุดแชมป์อาเซียน ดวลเกือกกับ เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ และอีกหนึ่งทีมที่กำลังคัดเลือก ระหว่างวันที่ 1 - 7 กุมภาพันธ์ นี้ ที่สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.นครราชสีมา หลังจากที่ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ประกาศรายชื่อ 20 ผู้เล่นที่จะใช้สู้ศึกออกมา
หลายคนคงถูกใจเพราะนี่ถือเป็นชุดใหญ่ที่มีผลงานดีที่สุด ณ เวลานี้ สมเกียรติกับถ้วยพระราชทานที่มีความสำคัญที่สุดเหนือทุกถ้วยในประเทศ (แม้คู่แข่งจะไม่ส่งชุดใหญ่มาก็ตาม) แต่ส่วนตัวผมเองกลับรู้สึกเหนื่อยแทนนักฟุตบอลที่แทบจะไม่ได้พักมากว่า 2 ปีติด
แข้งสตาร์อย่าง “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ชาริล ชัปปุยส์ อดิศักดิ์ ไกรษร และอีกหลายๆ คน ลงเล่นติดต่อกันทั้งในทีมชาติและสโมสร ไล่ตั้งแต่เล่นให้กับต้นสังกัดตลอดปี 2013 ก่อนจะรับใช้ชาติในศึก ซีเกมส์ ที่เมียนมาร์ แล้วกลับมาเล่นให้สโมสรต่อในปี 2014 ส่วนช่วงกลางปีที่คนอื่นเขาพักเบรกกัน ตัวเองก็ต้องไปลุยศึก เอเชียนเกมส์ ที่เกาหลีใต้ แล้วกลับมาช่วยทีมในช่วงท้ายฤดูกาล ต่อด้วยศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ
หลังจากผงาดครองเจ้าอาเซียน ก็ต้องเดินสายขอบคุณสปอนเซอร์และรับเงินสนับสนุนเป็นพัลวัน บางคนไม่ได้กลับบ้านกลับช่องอีกเกือบเป็นอาทิตย์ ก่อนจะได้หยุดพักเล็กน้อยช่วงปีใหม่ พอพ้นเทศกาลวันที่ 5 มกราคม 2015 ก็ต้องเข้าฝึกซ้อมกับสโมสรทันที
นกกระจอกยังไม่ทันกินน้ำ วันที่ 24 มกราคม นี้ ก็ต้องแพ็กกระเป๋าไปเข้าแคมป์เก็บตัวทีมชาติ เพื่อเตรียมลุย คิงส์ คัพ ที่ จ.นครราชสีมา อีกแล้ว กว่าจะเสร็จภารกิจก็วันที่ 7 กุมภาพันธ์ โดยแข้งจาก ชลบุรี เอฟซี ก็ต้องเร่งกลับมาเป็นกำลังสำคัญช่วยสโมสรในศึก เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก 2015 รอบคัดเลือก วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ส่วนรายอื่นก็แทบจะไม่ได้พักต้องกลับมาซ้อมเตรียมเปิดลีกวันที่ 14 - 15 กุมภาพันธ์ ทันทีเช่นกัน
จากนั้นกลางปีระหว่างวันที่ 5 - 16 มิถุนายน ก็ต้องไปเล่นซีเกมส์ ที่สิงคโปร์ รวมถึงยังมีโปรแกรมคัดเลือก ฟุตบอลโลก เข้ามาซ้อนอีก พอเสร็จศึกก็ต้องช่วยต้นสังกัดลุ้นอับดับในลีก เรียกได้ว่าหัวหมุนกันเลยทีเดียว
ยิ่งเมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกับเหล่าคนทำทีมด้วยแล้วก็ยิ่งสงสารและเห็นใจเข้าไปใหญ่ หลายคนอยากปล่อยตัวนักเตะให้ เพราะถือเป็นการทำเพื่อชาติ และชาติต้องมาก่อน อีกทั้งยังเป็นความภาคภูมิใจของตัวนักเตะเองด้วย หากกั๊กตัวไว้โดยไม่มีเหตุผลอันควรก็มีสิทธิ์จะโดนแฟนบอลบางกลุ่มครหา หาว่าไม่รักชาติบ้าง เห็นแก่ตัวบ้าง
แต่อย่างที่บอกเมื่อยอมปล่อยตัวให้ สโมสรก็ไม่เหลือผู้เล่นที่จะใช้งาน โค้ชก็ไม่รู้จะซ้อมแท็กติกอย่างไร กว่าจะกลับมาสู่อ้อมอกก็ต้องเร่งปรับจูนให้เข้ากับระบบในเวลาเพียงไม่กี่วัน ยังไม่นับกรณีเกิดมีผู้เล่นได้รับบาดเจ็บติดตัวกลับมา สโมสรไม่ได้ใช้งานแถมยังต้องควักกระเป๋าออกค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการรักษาเองอีก
ผมเชื่อว่าการจัดการทีมชาติไทยยุค “ซิโก้” นั้นมาถูกทางแล้ว และไม่ปฏิเสธว่าการมีเวลาฝึกซ้อมร่วมกันยาวนานทำให้ประสบความสำเร็จอย่างที่เห็นผลออกมา แต่เมื่อเราไม่ได้มีแค่ฟุตบอลทีมชาติเพียงอย่างเดียวก็คงต้องค่อยๆ ปรับจูนเข้าหากัน เมื่อแข้งชุดนี้ประสบความสำเร็จจนปีกกล้าพอที่จะก้าวขึ้นสู่ชุดใหญ่แล้ว บางรายการอาจไม่จำเป็นต้องเก็บตัวนานเป็นสัปดาห์ หรือหลีกทางให้รายอื่นติดธงในทัวร์นาเมนท์ระดับรองลงมาบ้าง
มิเช่นนั้น สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา คงไม่ระบุเป็นกฎออกมาว่า สโมสรมีสิทธิ์ที่จะปล่อยตัวนักเตะเข้าแคมป์ทีมชาติก่อนแข่งได้เพียง 4 วัน เพื่อให้ทั้งสองอย่างเดินคู่ขนานกันไปได้เป็นแน่
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
เป็นที่แน่นอนแล้วว่า “คิงส์ คัพ ครั้งที่ 43” แฟนชาวโคราชจะได้ยลฝีเท้าของแข้งชุดแชมป์อาเซียน ดวลเกือกกับ เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ และอีกหนึ่งทีมที่กำลังคัดเลือก ระหว่างวันที่ 1 - 7 กุมภาพันธ์ นี้ ที่สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.นครราชสีมา หลังจากที่ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ประกาศรายชื่อ 20 ผู้เล่นที่จะใช้สู้ศึกออกมา
หลายคนคงถูกใจเพราะนี่ถือเป็นชุดใหญ่ที่มีผลงานดีที่สุด ณ เวลานี้ สมเกียรติกับถ้วยพระราชทานที่มีความสำคัญที่สุดเหนือทุกถ้วยในประเทศ (แม้คู่แข่งจะไม่ส่งชุดใหญ่มาก็ตาม) แต่ส่วนตัวผมเองกลับรู้สึกเหนื่อยแทนนักฟุตบอลที่แทบจะไม่ได้พักมากว่า 2 ปีติด
แข้งสตาร์อย่าง “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ชาริล ชัปปุยส์ อดิศักดิ์ ไกรษร และอีกหลายๆ คน ลงเล่นติดต่อกันทั้งในทีมชาติและสโมสร ไล่ตั้งแต่เล่นให้กับต้นสังกัดตลอดปี 2013 ก่อนจะรับใช้ชาติในศึก ซีเกมส์ ที่เมียนมาร์ แล้วกลับมาเล่นให้สโมสรต่อในปี 2014 ส่วนช่วงกลางปีที่คนอื่นเขาพักเบรกกัน ตัวเองก็ต้องไปลุยศึก เอเชียนเกมส์ ที่เกาหลีใต้ แล้วกลับมาช่วยทีมในช่วงท้ายฤดูกาล ต่อด้วยศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ
หลังจากผงาดครองเจ้าอาเซียน ก็ต้องเดินสายขอบคุณสปอนเซอร์และรับเงินสนับสนุนเป็นพัลวัน บางคนไม่ได้กลับบ้านกลับช่องอีกเกือบเป็นอาทิตย์ ก่อนจะได้หยุดพักเล็กน้อยช่วงปีใหม่ พอพ้นเทศกาลวันที่ 5 มกราคม 2015 ก็ต้องเข้าฝึกซ้อมกับสโมสรทันที
นกกระจอกยังไม่ทันกินน้ำ วันที่ 24 มกราคม นี้ ก็ต้องแพ็กกระเป๋าไปเข้าแคมป์เก็บตัวทีมชาติ เพื่อเตรียมลุย คิงส์ คัพ ที่ จ.นครราชสีมา อีกแล้ว กว่าจะเสร็จภารกิจก็วันที่ 7 กุมภาพันธ์ โดยแข้งจาก ชลบุรี เอฟซี ก็ต้องเร่งกลับมาเป็นกำลังสำคัญช่วยสโมสรในศึก เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก 2015 รอบคัดเลือก วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ส่วนรายอื่นก็แทบจะไม่ได้พักต้องกลับมาซ้อมเตรียมเปิดลีกวันที่ 14 - 15 กุมภาพันธ์ ทันทีเช่นกัน
จากนั้นกลางปีระหว่างวันที่ 5 - 16 มิถุนายน ก็ต้องไปเล่นซีเกมส์ ที่สิงคโปร์ รวมถึงยังมีโปรแกรมคัดเลือก ฟุตบอลโลก เข้ามาซ้อนอีก พอเสร็จศึกก็ต้องช่วยต้นสังกัดลุ้นอับดับในลีก เรียกได้ว่าหัวหมุนกันเลยทีเดียว
ยิ่งเมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกับเหล่าคนทำทีมด้วยแล้วก็ยิ่งสงสารและเห็นใจเข้าไปใหญ่ หลายคนอยากปล่อยตัวนักเตะให้ เพราะถือเป็นการทำเพื่อชาติ และชาติต้องมาก่อน อีกทั้งยังเป็นความภาคภูมิใจของตัวนักเตะเองด้วย หากกั๊กตัวไว้โดยไม่มีเหตุผลอันควรก็มีสิทธิ์จะโดนแฟนบอลบางกลุ่มครหา หาว่าไม่รักชาติบ้าง เห็นแก่ตัวบ้าง
แต่อย่างที่บอกเมื่อยอมปล่อยตัวให้ สโมสรก็ไม่เหลือผู้เล่นที่จะใช้งาน โค้ชก็ไม่รู้จะซ้อมแท็กติกอย่างไร กว่าจะกลับมาสู่อ้อมอกก็ต้องเร่งปรับจูนให้เข้ากับระบบในเวลาเพียงไม่กี่วัน ยังไม่นับกรณีเกิดมีผู้เล่นได้รับบาดเจ็บติดตัวกลับมา สโมสรไม่ได้ใช้งานแถมยังต้องควักกระเป๋าออกค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการรักษาเองอีก
ผมเชื่อว่าการจัดการทีมชาติไทยยุค “ซิโก้” นั้นมาถูกทางแล้ว และไม่ปฏิเสธว่าการมีเวลาฝึกซ้อมร่วมกันยาวนานทำให้ประสบความสำเร็จอย่างที่เห็นผลออกมา แต่เมื่อเราไม่ได้มีแค่ฟุตบอลทีมชาติเพียงอย่างเดียวก็คงต้องค่อยๆ ปรับจูนเข้าหากัน เมื่อแข้งชุดนี้ประสบความสำเร็จจนปีกกล้าพอที่จะก้าวขึ้นสู่ชุดใหญ่แล้ว บางรายการอาจไม่จำเป็นต้องเก็บตัวนานเป็นสัปดาห์ หรือหลีกทางให้รายอื่นติดธงในทัวร์นาเมนท์ระดับรองลงมาบ้าง
มิเช่นนั้น สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา คงไม่ระบุเป็นกฎออกมาว่า สโมสรมีสิทธิ์ที่จะปล่อยตัวนักเตะเข้าแคมป์ทีมชาติก่อนแข่งได้เพียง 4 วัน เพื่อให้ทั้งสองอย่างเดินคู่ขนานกันไปได้เป็นแน่
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *