ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - กอล์ฟกับเทนนิสจัดเป็นกีฬาที่ทำเงินมหาศาล ดังนั้นจึงไม่แปลกที่บรรดาพ่อและแม่จะสนับสนุนให้ลูกๆ เลือกจับก้านเหล็กหรือแร็กเก็ตเพื่อเอาดีด้านนี้
แต่จะเรียกว่าเป็นการเดิมพันก็ว่าได้ เนื่องจากทุกคนต้องยอมเสี่ยง โดยเฉพาะผู้เล่นดาวรุ่งที่ทิ้งการเรียนมุ่งมั่นเต็มตัวเพื่อเทิร์นโปร สุดท้ายก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป ซึ่งก็มีบางครอบครัวที่ยังหัวโบราณเชื่อว่าการศึกษาต้องมาก่อนเป็นลำดับแรก ไม่เห็นดีเห็นงามด้วยกับแนวทางดังกล่าว หนึ่งในนั้นก็คือ ฌอน กับ คริส พ่อ-แม่ของ จอร์แดน สปีธ โปรหนุ่มชาวอเมริกัน
สปีธ ถูกห้อมล้อมด้วยเพื่อนๆ ท่ามกลางชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัย สามารถที่จะเรียนจบคว้าเกียรตินิยมให้พ่อกับแม่ภาคภูมิใจ แต่กลับเลือกที่จะออกจากโรงเรียนเดินตามความฝันตนเอง
สปีธ คว้าแชมป์ ยูเอส จูเนียร์ อเมเจอร์ ปี 2009 กับ 2011 ก่อนจะตัดสินใจเทิร์นโปรเมื่อเดือนธันวาคมปี 2012 ตอนอายุ 19 ปี เพราะมองว่าที่ๆ ตนเองควรอยู่น่าจะเป็นสนามกอล์ฟมากกว่าสะพายเป้ไปมหาวิทยาลัย ซึ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมาก็น่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องพิสูจน์ หลังคว้าแชมป์ "ฮีโร เวิลด์ ชาลเลนจ์" ทัวร์นาเมนต์การกุศลที่จัดโดย ไทเกอร์ วูดส์ อดีตมือ 1 ของโลกชาวอเมริกัน ด้วยสกอร์ 26 อันเดอร์พาร์ ถือเป็นสถิติใหม่ของรายการทิ้ง เฮนริค สเตนสัน จากสวีเดน ถึง 10 สโตรก
ทำให้พ่อกับแม่ของ สปีธ ถูกถามถึงผลงานของลูกชาย เพราะเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาก็เพิ่งคว้าแชมป์ ออสเตรเลียน ทัวร์ รายการ "เอมิเรตส์ ออสเตรเลียน โอเพน" เอาชนะโปรดังทั้ง รอรีย์ แม็คอิลรอย มือ 1 ของโลกจากไอร์แลนด์เหนือ รวมถึง อดัม สกอตต์ ชาวออสซี แชมป์ เมเจอร์ เดอะ มาสเตอร์ส ปี 2013
แม่ของ สปีธ กล่าว หลังลูกชายคว้าแชมป์ระดับอาชีพ 2 รายการติดต่อกันว่า "ยากจะอธิบายว่าเรารู้สึกอย่างไร แถมจะอยากจะลองหยิกตัวเองดูว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ฝันไป"
การเดินทางของ สปีธ เริ่มจากมือสมัครเล่นระดับท็อปเท็นย้อนไปเมื่อ 101 สัปดาห์ก่อน ตอนตัดสินใจออกจากมหาวิทยาลัยเท็กซัสเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมปี 2012 โดยเรียนไปแค่ภาคการศึกษาเดียวกับอีกครึ่งหนึ่ง ระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือนหลังจากเทิร์นโปรก็้เข้าแข่งขันในรายการ เอที แอนด์ ที เพ็บเบิล บีช เนชันแนล โปร-แอม เนื่องจากได้รับอนุญาตจากสปอนเซอร์
ขณะที่เพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียนกำลังเริ่มดำเนินการใช้ชีวิตในโลกแห่งความจริง แต่ สปีธ มองว่าจุดที่เขายืนอยู่คือ "แดนมหัศจรรย์" เพราะตอนนี้รั้งมือ 9 ของโลกไปแล้ว จากการที่ได้แชมป์ระดับอาชีพถึง 3 รายการ แถมทำเงินได้มากกว่าเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันคือ 21 ปีจะหาได้
แต่ยังไงหัวอกของคนเป็นแม่ก็อดที่จะห่วงลูกไม่ได้ โดยกล่าวว่า "ก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้หรอกว่า จอร์แดน เข้าใจหรือไม่เกี่ยวกับการออกจากโรงเรียนแล้วมาหางานทำ เขาไม่มีงาน แต่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่จะทำ ซึ่งก็มีเด็กหลายคนที่ไม่รู้ว่าตนเองจะทำอะไรนานเป็น 10 ปีเลยทีเดียว"
อย่างไรก็ตามความกังวลนั้นก็ได้หายไป เมื่อ สปีธ ตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่ไล่ตามเป้าหมายของตนเอง โดยพ่อหัวเราะพร้อมกล่าวว่า "เหมือนฝัน คุณย่อมต้องเด็ดเดี่ยวพอสมควร เพราะลูกชายออกจากโรงเรียนในช่วงเวลาที่การศึกษาควรจะต้องเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่เขาก็ยืนยันจะทำเช่นนั้น สุดท้ายเขาได้เป็นรุคกี้แห่งปีถือว่าเกินความคาดหมายของเรามาก ถึงแม้ปีนี้หากไม่ได้แชมป์แต่ทุกสิ่งทุกกอย่างก็มีแนวโน้มดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว"
ถือว่าพ่อกับแม่ของ สปีธ ผ่านจุดที่สำคัญมาได้ เพราะการที่ลูกชายคนโตของบ้านตัดสินใจเลือกเดินทางนี้ ย่อมมีคำถามถาโถมเข้ามาจากบรรดาเพื่อนบ้านที่จะต้องไปหาคำตอบและอธิบายให้ฟัง
สำหรับวินาทีนับถอยหลังสู่การคว้าแชมป์ "ฮีโร เวิลด์ ชาลเลนจ์" ฌอน เผยว่า "ตอนนี้ผมคิดว่าจะส่งข้อความหาเขา บอกว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมมาก เรามีความสุขและภูมิใจในตัวลูกมาจริงๆ"
แน่นอนว่าทุกคนย่อมอยากรู้ว่า สปีธ จะพูดอย่างไร เพราะเขาเป็นคนตัดสินใจเลือกเดินเส้นทางนี้ก็ย่อมอยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าคิดไม่ผิด ถือว่าต้องต่อสู้กับความกดดันไม่น้อยและจากนี้คือคำตอบ "ผมรู้ดีว่าพ่อกับแม่ดูอยู่ ซึ่งผมก็เล่นเพื่อพวกเขา ผมคงไม่มาอยู่ที่นี่หากปราศจากการเสียสละอันยิ่งใหญ่ของทุกคนและรอไม่ไหวแล้วที่เราจะกลับบ้านพร้อมกัน"
เรื่อง สรเดช เพชรแสงใสกุล
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *