คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
คราวนี้มีการไล่เตะ ไล่ต่อย ไล่กระทืบกันกลางถนน โดยมีเสียงระเบิดตูมตามเป็นเสียงประกอบฉาก ไม่ว่ามันจะมาจากอะไรก็ตาม ผมถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจ คือกล้าทําความผิด กล้าละเมิดกันกลางถนนโดยไม่เกรงกลัว เหตุการณ์แฟนบอลตีกันหลังเกม เมืองทอง - สิงห์ท่าเรือ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น นับว่ารุนแรงกว่าหลายๆครั้งที่ผ่านมา
เสียหายกันไปหมด ทั้งเด็กเล็ก เยาวชน หรือสุภาพสตรีที่เดินทางไปเองหรือมีพ่อแม่พาไปชมการแข่งขันฟุตบอลเพื่อปลูกฝังให้เกิดความรัก ความนิยมในกีฬา มันเป็นการร่วมเสพความบันเทิงอย่างหนึ่งที่สร้างความแนบแน่นภายในครอบครัว แต่พวกเรากลับได้ซึมซับบรรยากาศที่ล้วนต่ำทราม เป็นแบบอย่างไม่ดี และยังเสี่ยงต่อการได้รับอันตราย โดนลูกหลงให้บาดเจ็บ พิกล พิการก่อนจะกลับถึงบ้าน นี่มัน ขยะ ต่อวงการฟุตบอลไทยแท้ๆ
เรื่องตีกัน มันยากที่จะค้นหาว่าใครเริ่มก่อน ไม่มีทางชี้ขาดได้อย่างชัดเจน ครั้นคนเราจะหาเรื่องกันนั้น เพียงแค่มองหน้ากันก็อาจถูกหมายหัวแล้ว แล้วอย่างนี้จะไปหาหลักฐาน ภาพถ่ายวีดิโอที่ไหนที่ชี้ชัดถึงต้นเหตุได้อย่างถูกต้องตรงกับความเป็นจริง นอกจากนั้น ในบางกรณีคนก่อเหตุที่กำลังไล่ชกเหยื่ออย่างเมามันกลับเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำบ้าง เพราะคนที่ถูกกระทำไม่อาจหนีรอดได้ทัน คราวนี้สัญชาตญาณของการป้องกันตัวเริ่มทำงาน เพื่อหยุดการกระทำที่ป่าเถื่อนอย่างเด็ดขาด มันคงเกิดความจำเป็นที่จะต้องเป็นฝ่ายกระทำบ้าง แต่เฉพาะจังหวะนี้ดันถูกจับภาพได้ แล้วถูกนำมาเป็นหลักฐาน มันจึงเกิดคำถามว่า ภาพดังกล่าวจะสามารถเอาผิดคนก่อเหตุได้อย่างถูกต้องตรงกับความเป็นจริงได้อย่างไร
สิ่งที่เป็นปัญหาของประเทศไทยในทุกๆด้านมาช้านานก็คือ ผู้มีหน้าที่บังคับใช้กฎละเลยการบังคับใช้ แถมดันเอาไปใช้เป็นประโยชน์กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เป็นพวกของตน เอ็งไม่ต้องไปปฏิรูปปฏิเริปอะไรหรอกครับ เพียงแค่บังคับใช้กฎอย่างเข้มงวด ทำให้เกิดความถูกต้อง เป็นธรรม เท่าเทียมกันทุกฝ่าย ทำให้บ้านเมืองมีกฎ ระเบียบที่ใครก็ไม่กล้าทำซี้ซั้ว เพราะไม่มีคนหนุนหลัง อำนาจ อิทธิพล หรือเงินก็ซื้อไม่ได้
ก่อนหน้านั้น 3 วันก็เพิ่งมีเหตุการณ์ความวุ่นวายระหว่างแฟนบอล แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่สนามธูปะเตมีย์ โดยคณะอนุกรรมการพิจารณามารยาท วินัย และ ข้อประท้วง มีมติลงโทษ อินทรีทัพฟ้า แบ่งเป็น 5 กรณี ประกอบด้วย สุนัขวิ่งลงสนาม ปรับ 10,000 บาท กองเชียร์ขว้างปาสิ่งของลงสนามหรือใส่กองเชียร์ทีมเยือน ปรับ 60,000 บาท ขัดขวาง รุมล้อมเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขันหรือกองเชียร์ทีมเยือน ปรับ 60,000 บาท ทำร้ายกองเชียร์ทีมเยือนจนได้รับบาดเจ็บ ปรับ 50,000 บาท บกพร่องเรื่องการรักษาความปลอดภัยในฐานะเจ้าบ้าน ปรับ 100,000 บาท รวมเป็นเงินค่าปรับ 280,000 บาท นอกจากนี้ แอร์ฟอร์ซ ยังต้องทำแผนรักษาความปลอดภัยส่งภายใน 48 ชั่วโมง ซึ่งหากไม่ผ่านการพิจารณาจะมีโทษแบนแฟนบอลห้ามเข้าสนาม 1 นัด และแบนห้ามจัดการแข่งขันในบ้าน 1 นัด
ผมจึงกำลังเฝ้าดูว่า ผู้มีหน้าที่พิจารณาลงโทษคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะถือมาตรฐานเดียวกันกับที่ผ่านมาสดๆร้อนๆหรือไม่ เนื่องจากเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นก็มีการพิจารณาโทษอย่างทันควัน หรือจะอ้างโน่นอ้างนี่ ประวิงเวลาข้ามไปฤดูกาลหน้า ไม่เกิดโทษต่อทั้ง 2 ทีม เดี๋ยวคนก็ลืม นอกจากนั้น จะถือว่าเป็นการก่อเหตุในสนาม ซึ่งทีมเหย้าต้องรับผิดชอบ หรือผลักให้เป็นเหตุนอกสนาม กลายเป็นเรื่องวัยรุ่นตีกัน ไม่เกี่ยวกับการแข่งขัน ทีมเหย้าไม่ต้องรับผิดชอบ หรือแม้เกิดเหตุนอกสนาม แต่เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องและยังถือว่าเป็นอาณาบริเวณในรัศมีของสนามที่เจ้าบ้านต้องรับผิดชอบ จะพิจารณาอย่างไรก็ขอเหตุผลที่ถูกต้องจริงๆเพื่อขจัดปัญหาในวงการฟุตบอลไทย ที่สำคัญอย่าลืมว่า แฟนบอลมีตัวเลข 280,000 บาท เป็นตัวตั้งอยู่นะครับ มันจะผิดกันก็ตรงที่หนนี้ คนล้วนๆ หมาไม่เกี่ยว เหลือ 270,000 บาทครับ ไม่ฝ่ายนี้ก็อีกฝ่ายหนึ่งต้องรับผิดชอบ ขอเพียงอย่าทำตัวเป็น ขยะ เสียเองก็แล้วกัน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
คราวนี้มีการไล่เตะ ไล่ต่อย ไล่กระทืบกันกลางถนน โดยมีเสียงระเบิดตูมตามเป็นเสียงประกอบฉาก ไม่ว่ามันจะมาจากอะไรก็ตาม ผมถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจ คือกล้าทําความผิด กล้าละเมิดกันกลางถนนโดยไม่เกรงกลัว เหตุการณ์แฟนบอลตีกันหลังเกม เมืองทอง - สิงห์ท่าเรือ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น นับว่ารุนแรงกว่าหลายๆครั้งที่ผ่านมา
เสียหายกันไปหมด ทั้งเด็กเล็ก เยาวชน หรือสุภาพสตรีที่เดินทางไปเองหรือมีพ่อแม่พาไปชมการแข่งขันฟุตบอลเพื่อปลูกฝังให้เกิดความรัก ความนิยมในกีฬา มันเป็นการร่วมเสพความบันเทิงอย่างหนึ่งที่สร้างความแนบแน่นภายในครอบครัว แต่พวกเรากลับได้ซึมซับบรรยากาศที่ล้วนต่ำทราม เป็นแบบอย่างไม่ดี และยังเสี่ยงต่อการได้รับอันตราย โดนลูกหลงให้บาดเจ็บ พิกล พิการก่อนจะกลับถึงบ้าน นี่มัน ขยะ ต่อวงการฟุตบอลไทยแท้ๆ
เรื่องตีกัน มันยากที่จะค้นหาว่าใครเริ่มก่อน ไม่มีทางชี้ขาดได้อย่างชัดเจน ครั้นคนเราจะหาเรื่องกันนั้น เพียงแค่มองหน้ากันก็อาจถูกหมายหัวแล้ว แล้วอย่างนี้จะไปหาหลักฐาน ภาพถ่ายวีดิโอที่ไหนที่ชี้ชัดถึงต้นเหตุได้อย่างถูกต้องตรงกับความเป็นจริง นอกจากนั้น ในบางกรณีคนก่อเหตุที่กำลังไล่ชกเหยื่ออย่างเมามันกลับเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำบ้าง เพราะคนที่ถูกกระทำไม่อาจหนีรอดได้ทัน คราวนี้สัญชาตญาณของการป้องกันตัวเริ่มทำงาน เพื่อหยุดการกระทำที่ป่าเถื่อนอย่างเด็ดขาด มันคงเกิดความจำเป็นที่จะต้องเป็นฝ่ายกระทำบ้าง แต่เฉพาะจังหวะนี้ดันถูกจับภาพได้ แล้วถูกนำมาเป็นหลักฐาน มันจึงเกิดคำถามว่า ภาพดังกล่าวจะสามารถเอาผิดคนก่อเหตุได้อย่างถูกต้องตรงกับความเป็นจริงได้อย่างไร
สิ่งที่เป็นปัญหาของประเทศไทยในทุกๆด้านมาช้านานก็คือ ผู้มีหน้าที่บังคับใช้กฎละเลยการบังคับใช้ แถมดันเอาไปใช้เป็นประโยชน์กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เป็นพวกของตน เอ็งไม่ต้องไปปฏิรูปปฏิเริปอะไรหรอกครับ เพียงแค่บังคับใช้กฎอย่างเข้มงวด ทำให้เกิดความถูกต้อง เป็นธรรม เท่าเทียมกันทุกฝ่าย ทำให้บ้านเมืองมีกฎ ระเบียบที่ใครก็ไม่กล้าทำซี้ซั้ว เพราะไม่มีคนหนุนหลัง อำนาจ อิทธิพล หรือเงินก็ซื้อไม่ได้
ก่อนหน้านั้น 3 วันก็เพิ่งมีเหตุการณ์ความวุ่นวายระหว่างแฟนบอล แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่สนามธูปะเตมีย์ โดยคณะอนุกรรมการพิจารณามารยาท วินัย และ ข้อประท้วง มีมติลงโทษ อินทรีทัพฟ้า แบ่งเป็น 5 กรณี ประกอบด้วย สุนัขวิ่งลงสนาม ปรับ 10,000 บาท กองเชียร์ขว้างปาสิ่งของลงสนามหรือใส่กองเชียร์ทีมเยือน ปรับ 60,000 บาท ขัดขวาง รุมล้อมเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขันหรือกองเชียร์ทีมเยือน ปรับ 60,000 บาท ทำร้ายกองเชียร์ทีมเยือนจนได้รับบาดเจ็บ ปรับ 50,000 บาท บกพร่องเรื่องการรักษาความปลอดภัยในฐานะเจ้าบ้าน ปรับ 100,000 บาท รวมเป็นเงินค่าปรับ 280,000 บาท นอกจากนี้ แอร์ฟอร์ซ ยังต้องทำแผนรักษาความปลอดภัยส่งภายใน 48 ชั่วโมง ซึ่งหากไม่ผ่านการพิจารณาจะมีโทษแบนแฟนบอลห้ามเข้าสนาม 1 นัด และแบนห้ามจัดการแข่งขันในบ้าน 1 นัด
ผมจึงกำลังเฝ้าดูว่า ผู้มีหน้าที่พิจารณาลงโทษคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะถือมาตรฐานเดียวกันกับที่ผ่านมาสดๆร้อนๆหรือไม่ เนื่องจากเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นก็มีการพิจารณาโทษอย่างทันควัน หรือจะอ้างโน่นอ้างนี่ ประวิงเวลาข้ามไปฤดูกาลหน้า ไม่เกิดโทษต่อทั้ง 2 ทีม เดี๋ยวคนก็ลืม นอกจากนั้น จะถือว่าเป็นการก่อเหตุในสนาม ซึ่งทีมเหย้าต้องรับผิดชอบ หรือผลักให้เป็นเหตุนอกสนาม กลายเป็นเรื่องวัยรุ่นตีกัน ไม่เกี่ยวกับการแข่งขัน ทีมเหย้าไม่ต้องรับผิดชอบ หรือแม้เกิดเหตุนอกสนาม แต่เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องและยังถือว่าเป็นอาณาบริเวณในรัศมีของสนามที่เจ้าบ้านต้องรับผิดชอบ จะพิจารณาอย่างไรก็ขอเหตุผลที่ถูกต้องจริงๆเพื่อขจัดปัญหาในวงการฟุตบอลไทย ที่สำคัญอย่าลืมว่า แฟนบอลมีตัวเลข 280,000 บาท เป็นตัวตั้งอยู่นะครับ มันจะผิดกันก็ตรงที่หนนี้ คนล้วนๆ หมาไม่เกี่ยว เหลือ 270,000 บาทครับ ไม่ฝ่ายนี้ก็อีกฝ่ายหนึ่งต้องรับผิดชอบ ขอเพียงอย่าทำตัวเป็น ขยะ เสียเองก็แล้วกัน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *