คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
ในขณะที่การแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ 2014 กำลังจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการหลังพิธีเปิดในวันศุกร์ที่ 19 กันยายนนี้ เราควรจะทราบกันก่อนว่านักกีฬาทีมชาติไทยจำนวน 517 คน ที่ลงชิงชัย 33 ชนิดกีฬานั้น เขาตั้งความหวังกันระหว่าง 11-14 เหรียญทอง หากว่าได้ 11 เหรียญทอง ก็เท่ากับเมื่อครั้ง 4 ปีก่อนที่ประเทศจีน โดยเป้าหมายที่เขาเล็งกันไว้ว่าเหรียญทองทั้งหลายน่าจะมาจากสมาคมกีฬาต่างๆ อาทิ เทควันโด, มวยสากลสมัครเล่น, ยิงปืน, กรีฑา, วอลเลย์บอล เป็นต้น
แต่ที่เป็นความหวังว่าจะได้กอบโกยเหรียญจำนวนมากคือ จากกีฬาเซปักตะกร้อ ที่มีให้ชิงกันถึง 6 เหรียญทอง โดยทีมชาติไทยหวังเก็บ 4 เหรียญทอง จากประเภททีมชาย, ทีมหญิง, ทีมชุดชาย และ ทีมชุดหญิง เหมือนที่เคยได้จากเอเชียนเกมส์ 2010 ซึ่งนับตั้งแต่กีฬาชนิดนี้ได้เข้าบรรจุในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ตั้งแต่ปี 1990 - 1994 เป็นทีม “เสือเหลือง” มาเลเซีย ที่ครองความยิ่งใหญ่บนแผ่นดินจีน และ ญี่ปุ่น เจ้าภาพใน 2 ครั้งนั้น ก่อนที่ทีมไทยจะทวงคืนความสำเร็จคืนมาได้ในปี 1998 และเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้ ทีมคู่แข่งที่มีผลงานน่าเกรงขามก็มักเป็นคู่ปรับร่วมอาเซียนอย่าง มาเลเซีย, พม่า หรือ เวียดนาม เสียเป็นส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งนี้ ทีมชาติไทยต้องเผชิญกับคู่ปรับหน้าใหม่จากนอกอาเซียน นั่นคือ เกาหลีใต้ ฟังไม่ผิดแน่นอน เกาหลีใต้ นี่แหละที่ว่ากันว่าจะมาเป็นคู่ปรับของทีมชาติไทย เท่าที่ได้ฟังจากเหล่าบรรดาผู้ฝึกสอนล้วนลงความเห็นว่า มาเลเซีย อาจเคยดูน่ากลัว และขับเคี่ยวกันมานานในอดีต แต่ด้วยความผิดพลาดบางประการทำให้วงการตะกร้อ มาเลเซีย หยุดชะงักจนไม่อาจมาเป็นคู่ต่อกรของเราได้อีกในประเภทชาย ส่วนประเภทหญิงคู่แข่งหน้าเดิมอย่าง เวียดนาม และ พม่า ต่างก็เจอกันมาจนคุ้นเคยจนแทบจะกลายเป็นญาติกันไปแล้ว
สำหรับความน่ากลัวของทีมเกาหลีใต้นั้น ว่ากันว่าทีมหวดลูกพลาสติกชุดนี้เขาใช้เวลาเก็บตัวนานถึง 4 ปี เพื่อรายการนี้โดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีน้อยคนที่จะได้เห็นฟอร์ม สำหรับใครที่ดูถูกว่าเหล่าบรรดาพลพรรคเซปักกิมจิจะสักเท่าไรนั้น อาจต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะขนาดสตาฟฟ์ทีมไทย ยังยอมรับว่าไม่ธรรมดา อาจเหนือกว่าคู่ปรับร่วมอาเซียนของเราเสียอีก นี่ยังไม่รวมถึงเสียงเชียร์ที่คงล้นปรี่ในวันแข่งขันแน่นอน (แม้จะมีรายงานว่าบัตรชมการแข่งขันขายได้น้อยมาก แต่เอาเข้าจริงอาจมีการเปิดให้เหล่าบรรดานักเรียน-นักศึกษาเข้าฟรี เพื่อความฮึกเหิมของนักกีฬา และสร้างสีสันการแข่งขัน)
ที่สำคัญ ความเก่งกาจของทีมเกาหลีใต้เกิดจากการลงแข่งขันในประเภทคู่ โดยในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่แล้ว ทีมชายคู่คว้าเหรียญเงิน แพ้พม่าที่ได้เหรียญทอง ขณะที่ทีมหญิงคู่ คว้าเหรียญทองแดง ส่วนประเภททีมชุดชายก็ได้เหรียญทองแดง ซึ่งการลงแข่งขันประเภทคู่นั้นถือว่าเป็นงานหนัก เนื่องจากนักกีฬาต้องมีความคล่องตัวสูง เพราะเล่นน้อยกว่าทีม 3 คนอยู่แล้ว ดังนั้นทักษะบางประการที่ทีมคู่มี หากนำมาปรับใช้ได้อย่างลงตัวในทีม 3 คน ไม่แน่ว่าทีมไทยอาจได้น้ำตาร่วงได้หากว่าประมาท
โลกทุกวันนี้เปลี่ยนไปมากแล้ว ขนาดกีฬาประจำชาติเกาหลีอย่าง เทควันโด คนไทยเอามาฝึกเตะ จนล่าสุดเรามีกลายเป็นชาติที่มีลุ้นทั้งระดับเอเชียนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์ ไปแล้ว นับประสาอะไรกับตะกร้อ ทำไมคนเกาหลีจะเก่งกันไม่ได้...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ในขณะที่การแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ 2014 กำลังจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการหลังพิธีเปิดในวันศุกร์ที่ 19 กันยายนนี้ เราควรจะทราบกันก่อนว่านักกีฬาทีมชาติไทยจำนวน 517 คน ที่ลงชิงชัย 33 ชนิดกีฬานั้น เขาตั้งความหวังกันระหว่าง 11-14 เหรียญทอง หากว่าได้ 11 เหรียญทอง ก็เท่ากับเมื่อครั้ง 4 ปีก่อนที่ประเทศจีน โดยเป้าหมายที่เขาเล็งกันไว้ว่าเหรียญทองทั้งหลายน่าจะมาจากสมาคมกีฬาต่างๆ อาทิ เทควันโด, มวยสากลสมัครเล่น, ยิงปืน, กรีฑา, วอลเลย์บอล เป็นต้น
แต่ที่เป็นความหวังว่าจะได้กอบโกยเหรียญจำนวนมากคือ จากกีฬาเซปักตะกร้อ ที่มีให้ชิงกันถึง 6 เหรียญทอง โดยทีมชาติไทยหวังเก็บ 4 เหรียญทอง จากประเภททีมชาย, ทีมหญิง, ทีมชุดชาย และ ทีมชุดหญิง เหมือนที่เคยได้จากเอเชียนเกมส์ 2010 ซึ่งนับตั้งแต่กีฬาชนิดนี้ได้เข้าบรรจุในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ตั้งแต่ปี 1990 - 1994 เป็นทีม “เสือเหลือง” มาเลเซีย ที่ครองความยิ่งใหญ่บนแผ่นดินจีน และ ญี่ปุ่น เจ้าภาพใน 2 ครั้งนั้น ก่อนที่ทีมไทยจะทวงคืนความสำเร็จคืนมาได้ในปี 1998 และเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้ ทีมคู่แข่งที่มีผลงานน่าเกรงขามก็มักเป็นคู่ปรับร่วมอาเซียนอย่าง มาเลเซีย, พม่า หรือ เวียดนาม เสียเป็นส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งนี้ ทีมชาติไทยต้องเผชิญกับคู่ปรับหน้าใหม่จากนอกอาเซียน นั่นคือ เกาหลีใต้ ฟังไม่ผิดแน่นอน เกาหลีใต้ นี่แหละที่ว่ากันว่าจะมาเป็นคู่ปรับของทีมชาติไทย เท่าที่ได้ฟังจากเหล่าบรรดาผู้ฝึกสอนล้วนลงความเห็นว่า มาเลเซีย อาจเคยดูน่ากลัว และขับเคี่ยวกันมานานในอดีต แต่ด้วยความผิดพลาดบางประการทำให้วงการตะกร้อ มาเลเซีย หยุดชะงักจนไม่อาจมาเป็นคู่ต่อกรของเราได้อีกในประเภทชาย ส่วนประเภทหญิงคู่แข่งหน้าเดิมอย่าง เวียดนาม และ พม่า ต่างก็เจอกันมาจนคุ้นเคยจนแทบจะกลายเป็นญาติกันไปแล้ว
สำหรับความน่ากลัวของทีมเกาหลีใต้นั้น ว่ากันว่าทีมหวดลูกพลาสติกชุดนี้เขาใช้เวลาเก็บตัวนานถึง 4 ปี เพื่อรายการนี้โดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีน้อยคนที่จะได้เห็นฟอร์ม สำหรับใครที่ดูถูกว่าเหล่าบรรดาพลพรรคเซปักกิมจิจะสักเท่าไรนั้น อาจต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะขนาดสตาฟฟ์ทีมไทย ยังยอมรับว่าไม่ธรรมดา อาจเหนือกว่าคู่ปรับร่วมอาเซียนของเราเสียอีก นี่ยังไม่รวมถึงเสียงเชียร์ที่คงล้นปรี่ในวันแข่งขันแน่นอน (แม้จะมีรายงานว่าบัตรชมการแข่งขันขายได้น้อยมาก แต่เอาเข้าจริงอาจมีการเปิดให้เหล่าบรรดานักเรียน-นักศึกษาเข้าฟรี เพื่อความฮึกเหิมของนักกีฬา และสร้างสีสันการแข่งขัน)
ที่สำคัญ ความเก่งกาจของทีมเกาหลีใต้เกิดจากการลงแข่งขันในประเภทคู่ โดยในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่แล้ว ทีมชายคู่คว้าเหรียญเงิน แพ้พม่าที่ได้เหรียญทอง ขณะที่ทีมหญิงคู่ คว้าเหรียญทองแดง ส่วนประเภททีมชุดชายก็ได้เหรียญทองแดง ซึ่งการลงแข่งขันประเภทคู่นั้นถือว่าเป็นงานหนัก เนื่องจากนักกีฬาต้องมีความคล่องตัวสูง เพราะเล่นน้อยกว่าทีม 3 คนอยู่แล้ว ดังนั้นทักษะบางประการที่ทีมคู่มี หากนำมาปรับใช้ได้อย่างลงตัวในทีม 3 คน ไม่แน่ว่าทีมไทยอาจได้น้ำตาร่วงได้หากว่าประมาท
โลกทุกวันนี้เปลี่ยนไปมากแล้ว ขนาดกีฬาประจำชาติเกาหลีอย่าง เทควันโด คนไทยเอามาฝึกเตะ จนล่าสุดเรามีกลายเป็นชาติที่มีลุ้นทั้งระดับเอเชียนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์ ไปแล้ว นับประสาอะไรกับตะกร้อ ทำไมคนเกาหลีจะเก่งกันไม่ได้...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
