คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
กลายเป็นประเด็นให้วิพากษ์วิจารณ์กันทันทีกับการไม่ปล่อยตัวผู้เล่นร่วมติดทัพทีมชาติไทย ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จ่าฝูง และแชมป์เก่าศึกโตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก ซึ่งมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยแบ่งเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน
กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย ชุดเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 ประกาศรายชื่อ 20 ขุนพลที่จะใช้บุกเมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 19 กันยายน ถึง 4 ตุลาคม นี้ ออกมาให้ได้เห็นโฉมหน้าค่าตากัน โดยส่วนใหญ่เป็นแข้งรู้ใจจากชุดแชมป์ซีเกมส์ ที่เมียนมาร์ พร้อมด้วย 3 ผู้เล่นโควตาอายุเกิน 23 ปี อย่าง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ นายด่านจากเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ ธีราทร บุญมาทัน กับ ประทุม ชูทอง สองกองหลังจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งโผที่ออกมาก็ถือเป็นชุดที่ดีที่สุดก็ว่าได้
แต่คล้อยหลังเพียงวันเดียวทางฝั่ง “ปราสาทสายฟ้า” ได้แจ้งขอถอนชื่อ ธีราทร กับ ประทุม ออก เหลือเพียง ชิติพัทธ์ แทนกลาง ตัวรับสารพัดประโยชน์ กับ อดิศักดิ์ ไกรษร หอกดาวรุ่ง ที่เป็นตัวแทนของทีมเพียง 2 ราย ซึ่งทาง เนวิน ชิดชอบ ประธานทีมบุรีรัมย์ ให้เหตุผลว่า ควรใช้โควตาอายุเกินในตำแหน่งอื่นมากกว่า เพราะตำแหน่งแบ็กซ้ายของ “เจ้าอุ้ม” นั้นมีนักเตะที่อยู่ในข่ายอายุไม่เกินหลายรายที่เล่นได้และโชว์ฟอร์มได้ดี ไม่ว่าจะเป็น พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา (บีอีซี เทโรศาสน) หรือ สุริยา สิงห์มุ้ย (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด) ขณะที่ปราการหลังตัวกลางของ “เจ้าทุม” นั้นก็มีมากมายเช่นกัน ดังนั้นควรจะเปิดโอกาสให้เด็กรุ่นใหม่ได้โชว์ฟอร์มมากกว่า
ทีนี้จึงกลายเป็นประเด็นให้แฟนบอลโต้ตอบกันไปมาว่าเหมาะสมหรือไม่ บางส่วนเห็นด้วย แต่อีกมากก็ค้านสายตา เนื่องด้วยทั้งคู่ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด จึงมองว่า บุรีรัมย์ ไม่ให้ความร่วมมือกับทีมชาติ และแอบรู้สึกลึกๆ ว่าสาเหตุที่แท้จริงน่าจะเป็นเพราะทีมกำลังลุ้นแชมป์อยู่ และหลังเอเชียนเกมส์ก็ต้องกลับมาหวดกันต่อจึงกลัวนักเตะล้าขณะที่แข้งตัวหลักของคู่แข่งได้พักเบรกกัน หนำซ้ำยังมีบางรายถึงขั้นซุบซิบนินทากันว่าเป็นแผนการของใครหรือเปล่าที่จะขัดขา “ปราสาทสายฟ้า” ที่กำลังคั่วแชมป์อยู่
ทางฝั่งของผู้เห็นด้วยนั้นส่วนใหญ่มองว่ารายการเอเชียนเกมส์ ควรจะเปิดโอกาสให้แข้งดาวรุ่งโชว์ฝีมือ ไม่ควรส่งผู้เล่นโควตาอายุเกินไป เพราะถือเป็นทัวร์นาเมนต์ที่จะได้พัฒนาและต่อยอดขึ้นสู่ชุดใหญ่ได้อย่างดีเยี่ยม เฉกเช่นที่ ญี่ปุ่น กับ ยูเออี แชมป์และรองแชมป์เก่าเมื่อครั้งที่แล้ว ปี 2010 ที่ประเทศจีน ที่ไม่มีโควตาอายุเกินติดทัพแม้แต่รายเดียว
ส่วนฝั่งไม่เห็นด้วยมองว่า สโมสรควรเคารพการตัดสินใจของเฮดโค้ชทีมชาติเป็นหลัก ไม่ควรกักตัวนักเตะหากไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆ การทำแบบนี้เสมือนป็นการเห็นแก่ตัว เพราะถือว่าการรับใช้ชาติเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งไม่ให้ความร่วมมือด้วยแล้วอนาคตก็ยากที่จะถูกเรียกกลับมาติดธงอีก
อย่างไรก็ตาม เหนือสิ่งอื่นใด ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของสมาคมฟุตบอลแต่ละประเทศว่าต้องการให้ออกมาอย่างไร อยากพัฒนานักเตะ หรือหวังเหรียญรางวัล แต่ก็อย่างว่าสมาคมฟุตบอลบ้านเราก็ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาเสียด้วย ช่วงเอเชียนเกมส์ บอลลีกประเทศอื่นก็ยังฟาดแข้งกันต่อเนื่อง แต่ของเรากลับปล่อยให้พัก เสียเวลาไปฟรีๆ ทีมชาติชุดใหญ่ก็ไม่มีโปรแกรม สุดท้ายนักเตะก็ไม่ได้ประโยชน์ เพราะต้องไปเร่งกรำศึกที่คิวอัดกันแน่นเอี้ยดช่วงเกมกลางสัปดาห์
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
กลายเป็นประเด็นให้วิพากษ์วิจารณ์กันทันทีกับการไม่ปล่อยตัวผู้เล่นร่วมติดทัพทีมชาติไทย ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จ่าฝูง และแชมป์เก่าศึกโตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก ซึ่งมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยแบ่งเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน
กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย ชุดเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 ประกาศรายชื่อ 20 ขุนพลที่จะใช้บุกเมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 19 กันยายน ถึง 4 ตุลาคม นี้ ออกมาให้ได้เห็นโฉมหน้าค่าตากัน โดยส่วนใหญ่เป็นแข้งรู้ใจจากชุดแชมป์ซีเกมส์ ที่เมียนมาร์ พร้อมด้วย 3 ผู้เล่นโควตาอายุเกิน 23 ปี อย่าง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ นายด่านจากเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ ธีราทร บุญมาทัน กับ ประทุม ชูทอง สองกองหลังจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งโผที่ออกมาก็ถือเป็นชุดที่ดีที่สุดก็ว่าได้
แต่คล้อยหลังเพียงวันเดียวทางฝั่ง “ปราสาทสายฟ้า” ได้แจ้งขอถอนชื่อ ธีราทร กับ ประทุม ออก เหลือเพียง ชิติพัทธ์ แทนกลาง ตัวรับสารพัดประโยชน์ กับ อดิศักดิ์ ไกรษร หอกดาวรุ่ง ที่เป็นตัวแทนของทีมเพียง 2 ราย ซึ่งทาง เนวิน ชิดชอบ ประธานทีมบุรีรัมย์ ให้เหตุผลว่า ควรใช้โควตาอายุเกินในตำแหน่งอื่นมากกว่า เพราะตำแหน่งแบ็กซ้ายของ “เจ้าอุ้ม” นั้นมีนักเตะที่อยู่ในข่ายอายุไม่เกินหลายรายที่เล่นได้และโชว์ฟอร์มได้ดี ไม่ว่าจะเป็น พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา (บีอีซี เทโรศาสน) หรือ สุริยา สิงห์มุ้ย (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด) ขณะที่ปราการหลังตัวกลางของ “เจ้าทุม” นั้นก็มีมากมายเช่นกัน ดังนั้นควรจะเปิดโอกาสให้เด็กรุ่นใหม่ได้โชว์ฟอร์มมากกว่า
ทีนี้จึงกลายเป็นประเด็นให้แฟนบอลโต้ตอบกันไปมาว่าเหมาะสมหรือไม่ บางส่วนเห็นด้วย แต่อีกมากก็ค้านสายตา เนื่องด้วยทั้งคู่ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด จึงมองว่า บุรีรัมย์ ไม่ให้ความร่วมมือกับทีมชาติ และแอบรู้สึกลึกๆ ว่าสาเหตุที่แท้จริงน่าจะเป็นเพราะทีมกำลังลุ้นแชมป์อยู่ และหลังเอเชียนเกมส์ก็ต้องกลับมาหวดกันต่อจึงกลัวนักเตะล้าขณะที่แข้งตัวหลักของคู่แข่งได้พักเบรกกัน หนำซ้ำยังมีบางรายถึงขั้นซุบซิบนินทากันว่าเป็นแผนการของใครหรือเปล่าที่จะขัดขา “ปราสาทสายฟ้า” ที่กำลังคั่วแชมป์อยู่
ทางฝั่งของผู้เห็นด้วยนั้นส่วนใหญ่มองว่ารายการเอเชียนเกมส์ ควรจะเปิดโอกาสให้แข้งดาวรุ่งโชว์ฝีมือ ไม่ควรส่งผู้เล่นโควตาอายุเกินไป เพราะถือเป็นทัวร์นาเมนต์ที่จะได้พัฒนาและต่อยอดขึ้นสู่ชุดใหญ่ได้อย่างดีเยี่ยม เฉกเช่นที่ ญี่ปุ่น กับ ยูเออี แชมป์และรองแชมป์เก่าเมื่อครั้งที่แล้ว ปี 2010 ที่ประเทศจีน ที่ไม่มีโควตาอายุเกินติดทัพแม้แต่รายเดียว
ส่วนฝั่งไม่เห็นด้วยมองว่า สโมสรควรเคารพการตัดสินใจของเฮดโค้ชทีมชาติเป็นหลัก ไม่ควรกักตัวนักเตะหากไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆ การทำแบบนี้เสมือนป็นการเห็นแก่ตัว เพราะถือว่าการรับใช้ชาติเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งไม่ให้ความร่วมมือด้วยแล้วอนาคตก็ยากที่จะถูกเรียกกลับมาติดธงอีก
อย่างไรก็ตาม เหนือสิ่งอื่นใด ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของสมาคมฟุตบอลแต่ละประเทศว่าต้องการให้ออกมาอย่างไร อยากพัฒนานักเตะ หรือหวังเหรียญรางวัล แต่ก็อย่างว่าสมาคมฟุตบอลบ้านเราก็ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาเสียด้วย ช่วงเอเชียนเกมส์ บอลลีกประเทศอื่นก็ยังฟาดแข้งกันต่อเนื่อง แต่ของเรากลับปล่อยให้พัก เสียเวลาไปฟรีๆ ทีมชาติชุดใหญ่ก็ไม่มีโปรแกรม สุดท้ายนักเตะก็ไม่ได้ประโยชน์ เพราะต้องไปเร่งกรำศึกที่คิวอัดกันแน่นเอี้ยดช่วงเกมกลางสัปดาห์
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *