คอลัมน์ “BUZZER BEAT” โดย “MVP”
แอลเอ เลเกอร์ส แฟรนไชส์แห่งนี้ สร้างชื่อบนสังเวียนบาสเก็ตบอล เอ็นบีเอ (NBA) มาอย่างยาวนาน และไม่เคยขาดแคลนซูเปอร์สตาร์ระดับหัวแถว ไล่ตั้งแต่ วิลท์ แชมเบอร์เลน, เจอร์รี เวสต์, คารีม อับดุล-จับบาร์, ชาคิลล์ โอนีล จนมาถึงยุค โคบี ไบรอันท์ หากเปรียบกับวงการฟุตบอล ก็ดูไม่แตกต่างจาก รีล มาดริด หรือ บาร์เซโลนา ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าทีมบจะเฟื่องฟู หรือตกต่ำ ก็ไม่เคยหลุดจากโฟกัสของแฟนๆ
ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความยิ่งใหญ่ ภายใต้การนำของ ฟิล แจ็คสัน (1999-2004, 2005-2011) เลเกอร์ส นับวันก็ยิ่งตกลงไปเรื่อยๆ ล่าสุดก็เพิ่งชวดโควตาเพลย์ออฟครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2005 และเป็นครั้งที่ 6 ในประวัติศาสตร์แฟรนไชส์ สุดท้าย ไมค์ ดี แอนโทนี อดีตเฮดโค้ช ก็ขอลาออก หลังจากคุมทีมมานาน 2 ปี กินเงินชดเชยกว่า 2-3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 60-90 ล้านบาท)
หลังจากจัดการเสริมทัพ ช่วงเปิดตลาดฟรีเอเยนต์อยู่พักใหญ่ๆ คว้า เจเรมี หลิน (การ์ดจ่าย), คาร์ลอส บูเซอร์ (ฟอร์เวิร์ด) และ เอ็ด เดวิส (ฟอร์เวิร์ด) เลเกอร์ส ตั้งเจรจากับ แคนดิเดตทั้ง ไลโอเนล โฮลลินส์, อัลวิน เจนทรี, เคิร์ต แรมบิส, ไมค์ ดันเลวี และ จอร์จ คาร์ล สุดท้ายก็มาลงเอยกับ ไบรอน สกอตต์ ซึ่งเคยเป็นพี่เลี้ยงของ โคบี ครั้งเข้าสู่ลีก เมื่อปี 1996-97 และเชื่อกันว่านี่คือคนที่ใช่ของ “ม่วง-ทอง”
โฮลลินส์ เคยมีดีกรีแชมป์สมัยอยู่ ปอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์ส ยุค 1970 แต่ถ้ามีฝีมือ ทำไม เมมฟิส กริซซ์ลีส์ ถึงปล่อยหลุดมือ, อัลวิน เจนทรี มักจมอยู่กับตำแหน่งผู้ช่วย ถึงเคยพา ฟีนิกซ์ ซันส์ เข้ารอบชิงแชมป์สายตะวันตก ปี 2010 แต่บทบาทผู้นำเต็มตัว ยังน้อยเกินไป, แรมบิส กับ ดันเลวี ต่างก็เป็นลูกหม้อ เลเกอร์ส แต่ก็วางมือมานาน หรือ คาร์ล อีกหนึ่งปรมาจารย์ด้านเกมรุก ก็อาจซ้ำรอย “ไมค์ดี”
ส่วน สกอตต์ เริ่มต้นคุมทัพจริงๆ จังๆ กับ นิวเจอร์ซีย์ เน็ตส์ (บรูกลิน เน็ตส์ ปัจจุบัน) เข้ารอบชิงฯ NBA ปี 2002 และ 2003 แต่ก็ถูกปลดเนื่องจากไม่ถูกกับ เจสัน คิดด์ การ์ดจ่ายแม่ทัพสมัยนั้น ก่อนมาอยู่กับ นิวออร์ลีนส์ ฮอร์เน็ตส์ ยุค คริส พอล เป็นแกนหลัก ผลงานก็ไม่ดีพอในรอบเพลย์ออฟ และโชคร้ายสุดๆ ปี 2010 เมื่อถูกแต่งตั้งโดย คลีฟแลนด์ คาเลียร์ส แต่ไม่กี่วัน เลอบรอน เจมส์ ก็ชิ่งไป ไมอามี ฮีต
นอกเหนือจากอาชีพโค้ช สกอตต์ ยังคลุกคลีกับ เลเกอร์ส มาตลอดในฐานะนักวิเคราะห์วิจารณ์ “ไทม์ วอร์เนอร์ เคเบิล สปอร์ตเน็ตส์” สถานีโทรทัศน์ประจำทีม จึงน่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งใดที่เป็นจุดอ่อน นั่นคือ เกมรับอันเปื่อยยุ่ย เจอทะลวงไป 109.2 แต้ม น้อยกว่า ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส (109.9) แค่ทีมเดียว ประจวบเหมาะกับ นายใหญ่วัย 53 ปี ขึ้นชื่อด้านการป้องกันอยู่แล้ว
หากมองขุมกำลังชั่วโมงนี้ของ เลเกอร์ส ยังต้องฝากความหวังกับ โคบี ที่แก่ขึ้นอีก 1 ปี แถมเพิ่งฟื้นตัวจากการบาดเจ็บ คงไม่อาจแบกทีมดังเช่นสมัยหนุ่มแน่น ท่ามกลางการฟาดฟันอย่างดุเดือดของสายตะวันตก การแย่งตั๋วเพลย์ออฟคงไม่ง่ายอย่างแน่นอน เว้นแต่จะมีใครบางคน ระเบิดฟอร์มขึ้นมาเป็นอ็อปชันเสริม นอกจาก การ์ดดีกรีแชมป์ 5 สมัย
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
แอลเอ เลเกอร์ส แฟรนไชส์แห่งนี้ สร้างชื่อบนสังเวียนบาสเก็ตบอล เอ็นบีเอ (NBA) มาอย่างยาวนาน และไม่เคยขาดแคลนซูเปอร์สตาร์ระดับหัวแถว ไล่ตั้งแต่ วิลท์ แชมเบอร์เลน, เจอร์รี เวสต์, คารีม อับดุล-จับบาร์, ชาคิลล์ โอนีล จนมาถึงยุค โคบี ไบรอันท์ หากเปรียบกับวงการฟุตบอล ก็ดูไม่แตกต่างจาก รีล มาดริด หรือ บาร์เซโลนา ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าทีมบจะเฟื่องฟู หรือตกต่ำ ก็ไม่เคยหลุดจากโฟกัสของแฟนๆ
ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความยิ่งใหญ่ ภายใต้การนำของ ฟิล แจ็คสัน (1999-2004, 2005-2011) เลเกอร์ส นับวันก็ยิ่งตกลงไปเรื่อยๆ ล่าสุดก็เพิ่งชวดโควตาเพลย์ออฟครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2005 และเป็นครั้งที่ 6 ในประวัติศาสตร์แฟรนไชส์ สุดท้าย ไมค์ ดี แอนโทนี อดีตเฮดโค้ช ก็ขอลาออก หลังจากคุมทีมมานาน 2 ปี กินเงินชดเชยกว่า 2-3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 60-90 ล้านบาท)
หลังจากจัดการเสริมทัพ ช่วงเปิดตลาดฟรีเอเยนต์อยู่พักใหญ่ๆ คว้า เจเรมี หลิน (การ์ดจ่าย), คาร์ลอส บูเซอร์ (ฟอร์เวิร์ด) และ เอ็ด เดวิส (ฟอร์เวิร์ด) เลเกอร์ส ตั้งเจรจากับ แคนดิเดตทั้ง ไลโอเนล โฮลลินส์, อัลวิน เจนทรี, เคิร์ต แรมบิส, ไมค์ ดันเลวี และ จอร์จ คาร์ล สุดท้ายก็มาลงเอยกับ ไบรอน สกอตต์ ซึ่งเคยเป็นพี่เลี้ยงของ โคบี ครั้งเข้าสู่ลีก เมื่อปี 1996-97 และเชื่อกันว่านี่คือคนที่ใช่ของ “ม่วง-ทอง”
โฮลลินส์ เคยมีดีกรีแชมป์สมัยอยู่ ปอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์ส ยุค 1970 แต่ถ้ามีฝีมือ ทำไม เมมฟิส กริซซ์ลีส์ ถึงปล่อยหลุดมือ, อัลวิน เจนทรี มักจมอยู่กับตำแหน่งผู้ช่วย ถึงเคยพา ฟีนิกซ์ ซันส์ เข้ารอบชิงแชมป์สายตะวันตก ปี 2010 แต่บทบาทผู้นำเต็มตัว ยังน้อยเกินไป, แรมบิส กับ ดันเลวี ต่างก็เป็นลูกหม้อ เลเกอร์ส แต่ก็วางมือมานาน หรือ คาร์ล อีกหนึ่งปรมาจารย์ด้านเกมรุก ก็อาจซ้ำรอย “ไมค์ดี”
ส่วน สกอตต์ เริ่มต้นคุมทัพจริงๆ จังๆ กับ นิวเจอร์ซีย์ เน็ตส์ (บรูกลิน เน็ตส์ ปัจจุบัน) เข้ารอบชิงฯ NBA ปี 2002 และ 2003 แต่ก็ถูกปลดเนื่องจากไม่ถูกกับ เจสัน คิดด์ การ์ดจ่ายแม่ทัพสมัยนั้น ก่อนมาอยู่กับ นิวออร์ลีนส์ ฮอร์เน็ตส์ ยุค คริส พอล เป็นแกนหลัก ผลงานก็ไม่ดีพอในรอบเพลย์ออฟ และโชคร้ายสุดๆ ปี 2010 เมื่อถูกแต่งตั้งโดย คลีฟแลนด์ คาเลียร์ส แต่ไม่กี่วัน เลอบรอน เจมส์ ก็ชิ่งไป ไมอามี ฮีต
นอกเหนือจากอาชีพโค้ช สกอตต์ ยังคลุกคลีกับ เลเกอร์ส มาตลอดในฐานะนักวิเคราะห์วิจารณ์ “ไทม์ วอร์เนอร์ เคเบิล สปอร์ตเน็ตส์” สถานีโทรทัศน์ประจำทีม จึงน่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งใดที่เป็นจุดอ่อน นั่นคือ เกมรับอันเปื่อยยุ่ย เจอทะลวงไป 109.2 แต้ม น้อยกว่า ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส (109.9) แค่ทีมเดียว ประจวบเหมาะกับ นายใหญ่วัย 53 ปี ขึ้นชื่อด้านการป้องกันอยู่แล้ว
หากมองขุมกำลังชั่วโมงนี้ของ เลเกอร์ส ยังต้องฝากความหวังกับ โคบี ที่แก่ขึ้นอีก 1 ปี แถมเพิ่งฟื้นตัวจากการบาดเจ็บ คงไม่อาจแบกทีมดังเช่นสมัยหนุ่มแน่น ท่ามกลางการฟาดฟันอย่างดุเดือดของสายตะวันตก การแย่งตั๋วเพลย์ออฟคงไม่ง่ายอย่างแน่นอน เว้นแต่จะมีใครบางคน ระเบิดฟอร์มขึ้นมาเป็นอ็อปชันเสริม นอกจาก การ์ดดีกรีแชมป์ 5 สมัย
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *