คอลัมน์ “BUZZER BEAT” โดย “MVP”
สำหรับแฟนๆ ศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ตั้งแต่ยุด 1990 น่าจะจดจำชื่อ เบร็ตต์ ฟาฟร์ ยอดควอเตอร์แบ็ก กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส ด้วยบุคลิกที่มีเลือดนักสู้พุ่งพล่าน ย่อมครองใจกองเชียร์ ณ ถิ่น แลมโบ ฟิลด์ อย่างง่ายดาย แต่บั้นปลายอาชีพ เจ้าตัวสร้างความผิดหวังแก่ผู้คนที่มอบความศรัทธา จนทุกวันนี้สถานะความเป็นตำนาน ดูจะไม่มีใครอยากจดจำสักเท่าไร
ฟาฟร์ เข้าสู่เส้นทางอาชีพ โดยถูก แอตแลนตา ฟอลคอนส์ ดราฟต์ รอบ 2 อันดับ 33 ปี 1991 ก่อนย้ายมาอยู่กับ แพ็คเกอร์ส อีก 1 ปีต่อมา ซึ่งเวลานั้นตำนานของหนุ่มจากมหาวิทยาลัย เซาเธิร์น มิสซิสซิปปี ก็เริ่มต้นขึ้น ด้วยการพาทีม ชนะ 6 เกมรวด ซึ่งเป็นสถิติยาวนานสุดของแฟรนไชส์ ตั้งแต่ปี 1965 เถลิงรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) 3 ปีซ้อน (1995-97) และแชมป์ “ซูเปอร์โบว์ล” (1996)
เข้าสู่ปี 2003 จอมทัพหัวใจสิงห์ ต้องพบฝันร้ายอันเนื่องมาจากโศกนาฏกรรมภายในครอบครัว ด้วยการลงเล่นกับ โอคแลนด์ เรดเดอร์ส หลังจากสูญเสียบิดา ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว แต่ก็กด 4 ทัชดาวน์ ถล่ม 41-7 ตามด้วยปี 2004 ก็ยังฝืนอาการกระเทือนทางสมอง ปาทัชดาวน์ระยะ 28 หลาให้ เจวอน วอล์คเกอร์ ดับ นิวยอร์ก ไจแอนท์ส 10-6 ดีแอนนา ฟาฟร์ ภรรยา เจอโรคมะเร็งเต้านมเล่นงาน
จากนั้น ปลายเดือนสิงหาคม 2005 บ้านเกิดรัฐมิสซิสซิปปี เจอพายุถล่มจนสมาชิกครอบครัวได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินเสียหาย แต่ ก็ยังกัดฟันสู้ต่อ และขว้างเกิน 3,000 หลา เป็นปีที่ 14 ติดต่อกัน ความยิ่งใหญ่ของ ฟาฟร์ ไม่หยุดลงเท่านั้น ปี 2007 ทุบสถิติทำทัชดาวน์สูงสุด 420 ครั้งของ แดน มาริโน ก่อนรีไทร์ครั้งแรก วันที่ 4 มีนาคม 2008
แต่แล้วก็มาถึงจุดพลิกผัน เมื่ออยู่ๆ ฟาฟร์ เกิดคันมือคันไม้อยากจะเล่นต่อ สุดท้าย แพ็คเกอร์ส ก็ขอฝากอนาคตกับเด็กหนุ่มอย่าง แอรอน ร็อดเจอร์ส ในที่สุดความสัมพันธ์ทั้งคู่ก็มาถึงจุดแตกหัก ก่อนย้ายไปเล่นให้ นิวยอร์ก เจ็ตส์ ปี 2008 และสิ่งที่ทำให้แฟน “แพ็คส์แมน” รับไม่ได้สุดๆ คือ การเห็นฮีโร่ของตัวเอง สวมยูนิฟอร์ม มินเนโซตา ไวกิงส์ คู่แค้นร่วมสาย เอ็นเอฟซี (NFC) เหนือ ก่อนจะปิดฉากอาชีพแบบจริงจัง ปี 2011
จวบจนทุกวันนี้ แม้ความบาดหมางระหว่าง ฟาฟร์ กับ แพ็คเกอร์ส จะสิ้นสุดลง ถึงขั้นเตรียมจะรีไทร์เสื้อเบอร์ 4 ในฤดูกาล 2014 เอาเข้าจริงๆ มาร์ค เมอร์ฟี ประธาน ก็ยังกลัวแฟนๆ เคียดแค้นไม่หาย จึงขอผลัดไปก่อน เชื่อกันว่า พิธีอันทรงเกียรติ น่าจะเริ่มก่อน ฟาฟร์ จะถูกประกาศเข้า “ฮอลล์ ออฟ เฟม” ปี 2016
ฟาร์ฟ อำลาสังเวียน ด้วยการครองสถิติของ NFL โดยเฉพาะการขว้าง 71,838 หลา 508 ทัชดาวน์ หากมองกันแค่นี้ แน่นอนว่า เขา คือ ตำนานคนหนึ่งของวงการ แต่ถ้าลองเป็นแฟนแพ็คเกอร์ส ต้องขึ้นอยู่กับว่า จะจดจำความสำเร็จและผลงานการเก็บกดความบอบช้ำทางร่างกายและจิตใจ นำชัยชนะมาสู่ถิ่น แลมโบ ฟิลด์ ตลอดระยะเวลา 16 ปี หรือ อดีตผู้เล่น ไวกิงส์ คงต้องลองชั่งน้ำหนักดูเสียก่อน
วลีเด็ดสำหรับเรื่องราวของตำนานอย่าง เบร็ตต์ ฟาฟร์ น่าจะบอกเลยว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แต่ถึงคราวที่ไฟในร่างกายปะทุขึ้นมาอีก ก็ย่อมสนองความต้องการของ การมองหาทีมที่ต้องการควอเตอร์แบ็กชั้นดี จึงเป็นทางออกสุดท้าย ถึงเป็น ไวกิงส์ ที่มาทาบทาม เจ้าตัว ก็ต้องจำยอม
สถานะความเป็น ไวกิงส์ กลายเป็นแค่อดีต อย่างน้อย ฟาฟร์ ก็เคยทำให้แฟนเปล่งเสียงเฮกับปาฎิหาริย์ และเลือดนักสู้อย่างเต็มร้อย สมัยรับใช้ แพ็คเกอร์ส ถ้าถูกลืมมันก็ออกจะน่าเสียดาย
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
สำหรับแฟนๆ ศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ตั้งแต่ยุด 1990 น่าจะจดจำชื่อ เบร็ตต์ ฟาฟร์ ยอดควอเตอร์แบ็ก กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส ด้วยบุคลิกที่มีเลือดนักสู้พุ่งพล่าน ย่อมครองใจกองเชียร์ ณ ถิ่น แลมโบ ฟิลด์ อย่างง่ายดาย แต่บั้นปลายอาชีพ เจ้าตัวสร้างความผิดหวังแก่ผู้คนที่มอบความศรัทธา จนทุกวันนี้สถานะความเป็นตำนาน ดูจะไม่มีใครอยากจดจำสักเท่าไร
ฟาฟร์ เข้าสู่เส้นทางอาชีพ โดยถูก แอตแลนตา ฟอลคอนส์ ดราฟต์ รอบ 2 อันดับ 33 ปี 1991 ก่อนย้ายมาอยู่กับ แพ็คเกอร์ส อีก 1 ปีต่อมา ซึ่งเวลานั้นตำนานของหนุ่มจากมหาวิทยาลัย เซาเธิร์น มิสซิสซิปปี ก็เริ่มต้นขึ้น ด้วยการพาทีม ชนะ 6 เกมรวด ซึ่งเป็นสถิติยาวนานสุดของแฟรนไชส์ ตั้งแต่ปี 1965 เถลิงรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) 3 ปีซ้อน (1995-97) และแชมป์ “ซูเปอร์โบว์ล” (1996)
เข้าสู่ปี 2003 จอมทัพหัวใจสิงห์ ต้องพบฝันร้ายอันเนื่องมาจากโศกนาฏกรรมภายในครอบครัว ด้วยการลงเล่นกับ โอคแลนด์ เรดเดอร์ส หลังจากสูญเสียบิดา ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว แต่ก็กด 4 ทัชดาวน์ ถล่ม 41-7 ตามด้วยปี 2004 ก็ยังฝืนอาการกระเทือนทางสมอง ปาทัชดาวน์ระยะ 28 หลาให้ เจวอน วอล์คเกอร์ ดับ นิวยอร์ก ไจแอนท์ส 10-6 ดีแอนนา ฟาฟร์ ภรรยา เจอโรคมะเร็งเต้านมเล่นงาน
จากนั้น ปลายเดือนสิงหาคม 2005 บ้านเกิดรัฐมิสซิสซิปปี เจอพายุถล่มจนสมาชิกครอบครัวได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินเสียหาย แต่ ก็ยังกัดฟันสู้ต่อ และขว้างเกิน 3,000 หลา เป็นปีที่ 14 ติดต่อกัน ความยิ่งใหญ่ของ ฟาฟร์ ไม่หยุดลงเท่านั้น ปี 2007 ทุบสถิติทำทัชดาวน์สูงสุด 420 ครั้งของ แดน มาริโน ก่อนรีไทร์ครั้งแรก วันที่ 4 มีนาคม 2008
แต่แล้วก็มาถึงจุดพลิกผัน เมื่ออยู่ๆ ฟาฟร์ เกิดคันมือคันไม้อยากจะเล่นต่อ สุดท้าย แพ็คเกอร์ส ก็ขอฝากอนาคตกับเด็กหนุ่มอย่าง แอรอน ร็อดเจอร์ส ในที่สุดความสัมพันธ์ทั้งคู่ก็มาถึงจุดแตกหัก ก่อนย้ายไปเล่นให้ นิวยอร์ก เจ็ตส์ ปี 2008 และสิ่งที่ทำให้แฟน “แพ็คส์แมน” รับไม่ได้สุดๆ คือ การเห็นฮีโร่ของตัวเอง สวมยูนิฟอร์ม มินเนโซตา ไวกิงส์ คู่แค้นร่วมสาย เอ็นเอฟซี (NFC) เหนือ ก่อนจะปิดฉากอาชีพแบบจริงจัง ปี 2011
จวบจนทุกวันนี้ แม้ความบาดหมางระหว่าง ฟาฟร์ กับ แพ็คเกอร์ส จะสิ้นสุดลง ถึงขั้นเตรียมจะรีไทร์เสื้อเบอร์ 4 ในฤดูกาล 2014 เอาเข้าจริงๆ มาร์ค เมอร์ฟี ประธาน ก็ยังกลัวแฟนๆ เคียดแค้นไม่หาย จึงขอผลัดไปก่อน เชื่อกันว่า พิธีอันทรงเกียรติ น่าจะเริ่มก่อน ฟาฟร์ จะถูกประกาศเข้า “ฮอลล์ ออฟ เฟม” ปี 2016
ฟาร์ฟ อำลาสังเวียน ด้วยการครองสถิติของ NFL โดยเฉพาะการขว้าง 71,838 หลา 508 ทัชดาวน์ หากมองกันแค่นี้ แน่นอนว่า เขา คือ ตำนานคนหนึ่งของวงการ แต่ถ้าลองเป็นแฟนแพ็คเกอร์ส ต้องขึ้นอยู่กับว่า จะจดจำความสำเร็จและผลงานการเก็บกดความบอบช้ำทางร่างกายและจิตใจ นำชัยชนะมาสู่ถิ่น แลมโบ ฟิลด์ ตลอดระยะเวลา 16 ปี หรือ อดีตผู้เล่น ไวกิงส์ คงต้องลองชั่งน้ำหนักดูเสียก่อน
วลีเด็ดสำหรับเรื่องราวของตำนานอย่าง เบร็ตต์ ฟาฟร์ น่าจะบอกเลยว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แต่ถึงคราวที่ไฟในร่างกายปะทุขึ้นมาอีก ก็ย่อมสนองความต้องการของ การมองหาทีมที่ต้องการควอเตอร์แบ็กชั้นดี จึงเป็นทางออกสุดท้าย ถึงเป็น ไวกิงส์ ที่มาทาบทาม เจ้าตัว ก็ต้องจำยอม
สถานะความเป็น ไวกิงส์ กลายเป็นแค่อดีต อย่างน้อย ฟาฟร์ ก็เคยทำให้แฟนเปล่งเสียงเฮกับปาฎิหาริย์ และเลือดนักสู้อย่างเต็มร้อย สมัยรับใช้ แพ็คเกอร์ส ถ้าถูกลืมมันก็ออกจะน่าเสียดาย
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
