ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส ปิดจ็อบคว้าแชมป์ ศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ฤดูกาล 2013-14 หลังเอาชนะ ไมอามี ฮีต 104-87 ในรอบชิงชนะเลิศ เกม 5 เมื่อวันจันทร์ที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา โดย คาไว เลียวนาร์ด ฟอร์เวิร์ดดาวรุ่ง คว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) อายุน้อยสุด
ที่ซาน อันโตนิโอ : ทีมของ เอริก สโปเอลสตรา ทำท่าจะเผยอฝาโลง เรย์ อัลเลน จอมแม่นประสบการณ์สูง ยิง 3 คะแนน ทิ้งห่าง 22-6 ช่วง 5:03 นาทีสุดท้ายของควอเตอร์แรก ทว่านับตั้งแต่เปิดฉากควอเตอร์ 2 มาจนถึงครึ่งทางของควอเตอร์ 3 สเปอร์ส รันชุดใหญ่ 37-11 ปลุกบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองภายในรังเหย้าของตัวเอง ก่อนเช็กบิลคู่แข่ง 4-1 เกม ถอนแค้นจากซีซันที่แล้วสำเร็จ (แพ้ 3-4 เกม)
เหล่า “บิ๊กทรี” ไม่สามารถต่ออายุ ฮีต ถึงเกม 6 ซึ่งจะกลับมาเล่นที่ อเมริกัน แอร์ไลน์ส อารีนา แม้ เลอบรอน เจมส์ ฟอร์เวิร์ดแม่ทัพ แบกทีม 31 แต้ม 10 รีบาวน์ด 5 แอสซิสต์ แต่ ดีเวย์น เหว็ด การ์ดคู่หู ฟอร์มต่ำหว่ามาตรฐาน ยิงฟิลด์โกลเข้าเป้า 4 จาก 12 ครั้ง (คิดเป็น 33 เปอร์เซ็นต์) เก็บเพียง 11 แต้ม 3 รีบาวน์ด และ “อวตาร” คริส บอช ช่วย 13 แต้ม 7 รีบาวน์ด
หลังจบเกม “คิงเจมส์” กล่าว “เราเล่นควอเตอร์แรกอย่างยอดเยี่ยม แต่จากนั้น พวกเขาเป็นทีมที่ดีกว่า นี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกเขา (สเปอร์ส) จึงสมควรคว้าแชมป์ ปี 2014”
ส่วน สเปอร์ส อาศัย คาไว เลียวนาร์ด ส่อง 22 แต้ม 10 รีบาวน์ด ก่อนเสียฟาล์ว บุคคลครบ 6 ครั้ง จนต้องออกจากสนามท้ายเกม โทนี พาร์เกอร์ การ์ดจ่ายชาวฝรั่งเศส บวกเพิ่ม 16 แต้ม ทิม ดันแคน ฟอร์เวิร์ดจอมเก๋า ทะลวง 14 แต้ม 8 รีบาวน์ด มานู จิโนบิลี การ์ดสำรอง ลงมาซัดอีก 19 แต้ม 4 แอสซิสต์ เถลิงโทรฟี “แลร์รี โอ ไบรอัน” สมัย 5 ต่อจากปี 1999, 2003, 2005 และ 2007
โดย เลียวนาร์ด วัย 22 ปี กลายเป็นผู้เล่นคนที่ 6 ที่ซิว MVP รอบชิงฯ ซึ่งไม่ติด “ออล-สตาร์” ต่อจาก วิลลิส รีด นิวยอร์ก นิกส์ (1973), เวส อันเซลด์ วอชิงตัน บุลเล็ตส์ (1978), เซดริค แม็กซ์เวลล์ บอสตัน เซลติกส์ (1981), โจ ดูมาร์ส ดีทรอยต์ พิสตันส์ (1989) และ ชอนซีย์ บิลล์อัพส์ ดีทรอยต์ พิสตันส์ (2004) รวมถึงสร้างสถิติคว้ารางวัลด้วยอายุน้อยสุด นับตั้งแต่ ทิม ดันแคน เมื่อปี 1999 (23 ปี)
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ที่ซาน อันโตนิโอ : ทีมของ เอริก สโปเอลสตรา ทำท่าจะเผยอฝาโลง เรย์ อัลเลน จอมแม่นประสบการณ์สูง ยิง 3 คะแนน ทิ้งห่าง 22-6 ช่วง 5:03 นาทีสุดท้ายของควอเตอร์แรก ทว่านับตั้งแต่เปิดฉากควอเตอร์ 2 มาจนถึงครึ่งทางของควอเตอร์ 3 สเปอร์ส รันชุดใหญ่ 37-11 ปลุกบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองภายในรังเหย้าของตัวเอง ก่อนเช็กบิลคู่แข่ง 4-1 เกม ถอนแค้นจากซีซันที่แล้วสำเร็จ (แพ้ 3-4 เกม)
เหล่า “บิ๊กทรี” ไม่สามารถต่ออายุ ฮีต ถึงเกม 6 ซึ่งจะกลับมาเล่นที่ อเมริกัน แอร์ไลน์ส อารีนา แม้ เลอบรอน เจมส์ ฟอร์เวิร์ดแม่ทัพ แบกทีม 31 แต้ม 10 รีบาวน์ด 5 แอสซิสต์ แต่ ดีเวย์น เหว็ด การ์ดคู่หู ฟอร์มต่ำหว่ามาตรฐาน ยิงฟิลด์โกลเข้าเป้า 4 จาก 12 ครั้ง (คิดเป็น 33 เปอร์เซ็นต์) เก็บเพียง 11 แต้ม 3 รีบาวน์ด และ “อวตาร” คริส บอช ช่วย 13 แต้ม 7 รีบาวน์ด
หลังจบเกม “คิงเจมส์” กล่าว “เราเล่นควอเตอร์แรกอย่างยอดเยี่ยม แต่จากนั้น พวกเขาเป็นทีมที่ดีกว่า นี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกเขา (สเปอร์ส) จึงสมควรคว้าแชมป์ ปี 2014”
ส่วน สเปอร์ส อาศัย คาไว เลียวนาร์ด ส่อง 22 แต้ม 10 รีบาวน์ด ก่อนเสียฟาล์ว บุคคลครบ 6 ครั้ง จนต้องออกจากสนามท้ายเกม โทนี พาร์เกอร์ การ์ดจ่ายชาวฝรั่งเศส บวกเพิ่ม 16 แต้ม ทิม ดันแคน ฟอร์เวิร์ดจอมเก๋า ทะลวง 14 แต้ม 8 รีบาวน์ด มานู จิโนบิลี การ์ดสำรอง ลงมาซัดอีก 19 แต้ม 4 แอสซิสต์ เถลิงโทรฟี “แลร์รี โอ ไบรอัน” สมัย 5 ต่อจากปี 1999, 2003, 2005 และ 2007
โดย เลียวนาร์ด วัย 22 ปี กลายเป็นผู้เล่นคนที่ 6 ที่ซิว MVP รอบชิงฯ ซึ่งไม่ติด “ออล-สตาร์” ต่อจาก วิลลิส รีด นิวยอร์ก นิกส์ (1973), เวส อันเซลด์ วอชิงตัน บุลเล็ตส์ (1978), เซดริค แม็กซ์เวลล์ บอสตัน เซลติกส์ (1981), โจ ดูมาร์ส ดีทรอยต์ พิสตันส์ (1989) และ ชอนซีย์ บิลล์อัพส์ ดีทรอยต์ พิสตันส์ (2004) รวมถึงสร้างสถิติคว้ารางวัลด้วยอายุน้อยสุด นับตั้งแต่ ทิม ดันแคน เมื่อปี 1999 (23 ปี)
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *