เอเยนซี - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลุ้นยากแล้วกับการคว้า “ท็อปโฟร์” ไปลุยศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า จากการตามอันดับ 4 อาร์เซนอล 11 แต้ม แต่ถึงกระนั้นก็ตามวันอังคารที่ 25 มีนาคมนี้มีเกมแห่งศักดิ์ศรีต้องเปิด โอลด์ แทรฟฟอร์ด รับมือ แมนเชสเตอร์ ซิตี อริร่วมเมืองที่กำลังคั่วแชมป์อยู่ ดังนั้นจะต้องพยายามขัดขวางทุกวิถีทางไม่ให้ขบวนแห่งถ้วยหัวมงกุฎเกิดขึ้นที่เมืองนี้ แม้ “ผีแดง” ยกระดับการเล่นขึ้นมาได้ดีกับ 2 นัดหลังสุด อย่างไรก็ตามยังเป็นรองผู้มาเยือน ดังนั้น “การ์เดียน” สื่อดังจึงวิเคราะห์ 5 ปัจจัยที่จะชี้โฉมหน้าผู้ชนะในเกมนี้มาฝากกัน
ฟิล โจนส์ หัวใจเกมรับผี
เกมบุกชนะ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด 2-0 แมนฯยู ต้องถอย ไมเคิล คาร์ริค ไปยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟ ดังนั้นงานหนักจึงอยู่ที่ ฟิล โจนส์ กับการประกบ อัลบาโร เนเกรโด หรือ เอดิน เซโก ที่แต่ละคนล้วนหาตัวจับยากทั้งสิ้น โดยอาจจะต้องพึ่ง มารูยาน เฟลไลนี ที่รูปร่างได้เปรียบลงไปยืนเกะกะ เหมือนตอนช่วยป้องกัน แอนดี คาร์โรลล์ หอก “ขุนค้อน” ถือเป็นการเตรียมความพร้อมที่ดีสำหรับ เดวิด มอยส์ กุนซือ แมนฯยู ในปีหน้า เนื่องจากกองหลังตัวกลางเป็นตำแหน่งดีที่สุดของแข้งทีมชาติอังกฤษ หลังย้ายจาก แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส เมื่อปี 2011 ซึ่งดูจากการได้เล่นแทน เนมานยา วิดิช ที่โดนแบนถือว่ามีความมุ่งมั่นและทุ่มเทต้องการพิสูจน์ตัวเองให้ได้ ดังนั้นการรับมือ แมนฯซิตี ก็ถือเป็นอีกหนึ่งบททดสอบที่จะต้องฝ่าไปให้ได้
ฆวน มาตา ต้องพาพื้นที่
การที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี หอกเลือดดัตช์ บาดเจ็บ ทำให้ มาตา ได้รับบทบาทเพลย์เมกเกอร์แทน เวย์น รูนีย์ ที่ถูกดันไปยืนเป็นหน้าเป้าเต็มตัวเกมกับ เวสต์ แฮม ซึ่งถือเป็นการเปิดพื้นที่ให้ปีกทีมชาติสเปนงัดศักยภาพครั้งอยู่กับ เชลซี ออกมา เกมที่ อัพตัน ปาร์ค ดูจะประสานงานกับ ชินจิ คากาวะ กองกลางทีมชาติญี่ปุ่นได้ดียิ่งขึ้นมองตารู้ใจช่วยกันขับเคลื่อนเกม อย่างไรก็ตามทั้งคู่จะต้องสลัด ยายา ตูเร กับ เฟอร์นานดินโญ คู่มิดฟิลด์ แมนฯซิตี ที่กำลังลงตัวให้หลุด เพราะชื่อชั้นดูแล้วทีมเยือนเหนือกว่ามากทั้งยิงและจ่ายเกมที่เปิด เอติฮัด สเตเดียม ถล่ม ฟูแลม 5-0 ซึ่ง แมนฯยู ก็ต้องอาศัยการปั้นเกมและจ่ายบอลที่แม่นยำ มิเช่นนั้นทางด้านกองหน้าทีมชาติอังกฤษจะทำงานหนักเกินไป ซึ่งหากถอยลงมาก็จะไม่มีตัวเก็บบอล
ช่องโหว่แนวรับ แมนฯซิตี
แวงซองต์ กอมปานี กองหลัง แมนฯซิตี โดนไล่ออกเกมบุกชนะ ฮัลล์ ซิตี 2-0 ด้าน มาร์ติน เดมิเคลิส ก็ผิดพลาดง่ายๆ บ่อยครั้ง ดังนั้นจึงน่าสนใจมากว่าใครจะหยุด เวย์น รูนีย์ หอก แมนฯยู ที่กำลังเข้าฝักและเคลื่อนที่ตลอดเวลา แถมกำลังมั่นใจเพิ่งตะบันเกือบครึ่งสนามใส่เกมเยือนชนะ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด 2-0 ไม่หมดแค่นั้นแบ็กของ “เรือใบสีฟ้า” ต้องทำงานหนักไม่น้อย เนื่องจากเจ้าถิ่นมีปีกที่ปั้นเกมได้ รวมถึงกองหน้าที่อาจจะได้รับโอกาสลงมาสนับสนุนอย่าง แดนนี เวลเบ็ค และ ฮาเวียร์ เฮร์นานเดซ ที่ถือว่ามีความเร็วจัดจ้านทั้งคู่
แมนฯซิตี ริมเส้นสุดอันตราย
ปัจจัยสำคัญที่ แมนฯซิตี บุกชนะที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ด้วยสกอร์ถล่มทลาย 6-1 เมื่อปี 2011-12 ก็คือการเดินเกมริมเส้นของ ดาบิด ซิลบา กับ เจมส์ มิลเนอร์ โจมตีจนแบ็กโฟร์ แมนฯยู เสียกระบวนไปหมด ซึ่ง มานูเอล เปเยกรินี นายใหญ่ “เรือใบสีฟ้า” มีนักเตะสไตล์นี้ให้เลือกใช้งานอีกคือ ซาเมียร์ นาสรี ดังนั้นฟูลแบ็กของเจ้าถิ่นที่มีปัญหาขึ้นและลงไม่ทันอย่าง ปาทริซ เอฟรา และ ราฟาเอล ดา ซิลวา น่าจะปวดหัวอย่างแน่นอน ถ้าเจอแผนนี้อีกครั้ง โดยเกมที่ “ผีแดง” แพ้ ลิเวอร์พูล คาถิ่น 0-3 ก็แสดงให้เห็นแล้วว่านักเตะแต่ละคนมีปัญหาเรื่องประกบผู้เล่นที่มีความเร็วสูง ยิ่ง เนเกรโด ที่เล่นฉลาดและไม่หวงบอลด้วยแล้ว อาการของเจ้าถิ่นดูจะน่าเป็นห่วงไม่น้อยถ้าหากว่าถูกแผนนี้โจมตีเข้า
ใครจะหยุด ยายา ตูเร?
บ่อยครั้งที่ ยายา ตูเร ช่วยพลิกสถานการณ์ให้ แมนฯซิตี กับการเติมขึ้นมาพังประตูสำคัญๆ อย่างเช่นการซัดประตูชัยรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ที่ เวมบลีย์ เอาชนะ แมนฯยู 1-0 เมื่อปี 2011 และล่าสุดก็ยิงแฮตทริกใส่ ฮัลล์ ซิตี ถือเป็นกองกลางแห่งฤดูกาลอย่างแท้จริงครบเครื่องมีทั้งพลังกำลังและเทคนิคดูแล้วเหนือกว่ามิดฟิลด์ของ “ผีแดง” หลายช่วงตัว นอกจากนี้ยังพัฒนาเรื่องยิงฟรีคิกทำให้ตอนนี้ซัดไปแล้ว 16 ประตูพุ่งนำดาวซัลโวประจำถิ่น เอติฮัด สเตเดียม นับเฉพาะในลีก คล้ายกับตอนที่ เชลซี มี แฟรงค์ แลมพาร์ด สมัยรุ่งๆ ดังนั้นปัญหาของ เดวิด มอยส์ นายใหญ่เจ้าถิ่นคือทำอย่างไรเพื่อที่จะหยุดจอมทัพทีมชาติไอวอรี โคสต์ เพราะดูจากรายชื่อแล้วทั้ง คาร์ริค, ดาร์เรน เฟลตเชอร์ และ เฟลไลนี ยังห่างกันหลายระดับทั้งประสบการณ์และชั้นเชิง
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *