ไนกี้ ผู้นำนวัตกรรมผลิตภัณฑ์กีฬาระดับโลก เปิดตัว ไนกี้ มาจิสต้า สุดยอดนวัตกรรมรองเท้าฟุตบอลรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมเทคโนโลยีถักทอโครงสร้างไนกี้ฟลายนิต ที่มอบคุณสมบัติที่ลงตัวในด้านการควบคุมและการสัมผัสบอลที่แนบเท้าพร้อมกับรูปทรงรองเท้าโฉมใหม่ที่ฉีกกฎเกณฑ์การออกแบบจากแบบเดิม
อันเดรส อิเนียสตา เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่ง ของสโมสร บาร์เซโลนา อวดโฉมคู่กับรองเท้ารุ่นไนกี้ มาจิสต้า (NIKE MAGISTA)รองเท้าฟุตบอลคู่ใจรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมกับรูปทรงโฉมใหม่แลดูแตกต่างจากเดิม และโดดเด่นด้วยเทคโนโลยี ไนกี้ฟลายนิต สุดยอดเทคโนโลยีขั้นสูงที่มอบความกระชับเบาสบาย ตลอดจนการสัมผัสบอลที่แนบเท้าและควบคุมบอลอย่างแม่นยำ
นวัตกรรมใหม่ล่าสุดนี้ได้รับการรังสรรค์จากเส้นทางประวัติศาสตร์ที่ต้องได้รับการจารึกของไนกี้ในฐานะผู้นำนวัตกรรมผลิตภัณฑ์กีฬาระดับโลกและกีฬาฟุตบอลที่กล้าฉีกกฎเกณฑ์ในการออกแบบนวัตกรรมรองเท้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้รองเท้ามาจิสต้ากลายเป็นต้นแบบแห่งรองเท้าฟุตบอลที่มีศักยภาพที่ยอดเยี่ยมต่อวงการลูกหนังโลกต่อไปในอนาคต ซึ่งรองเท้ารุ่นดังกล่าวได้ทำการเปิดตัวไปพร้อมกับ อิเนียสตา นักฟุตบอลฝีเท้าฉกาจแห่งสโมสร บาร์เซโลนา ไปเมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ไนกี้ มาจิสต้า ได้รับการออกแบบเพื่อมอบความกระชับเท้า การสัมผัสบอลที่แนบชิด และการยึดเกาะพื้นสนามที่มั่นคงสำหรับผู้เล่นในตำแหน่งสร้างสรรค์เกม หรือเพลย์เมกเกอร์โดยเฉพาะโดยทีมออกแบบผลิตภัณฑ์ของไนกี้ได้นำเทคโนโลยีไนกี้ฟลายนิตที่ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่โดดเด่นของไนกี้มาปรับใช้เข้ากับรองเท้าฟุตบอลเป็นครั้งแรก ทั้งนี้เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้เล่นในการสัมผัสบอลได้อย่างแนบเท้า ตลอดจนการรับ-ส่งและควบคุมทิศทางของลูกฟุตบอลได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น
มาร์ค ปาร์คเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ไนกี้ กล่าวว่า “เจตนารมย์ของไนกี้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ คือการคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักกีฬาอย่างเเท้จริง ทั้งนี้เพื่อให้พวกเขาสามารถแสดงศักยภาพและโชว์ทักษะของตนเองได้ออกมาอย่างเต็มที่ ซึ่งมาจิสต้า ได้สืบทอดตำนาน ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการออกแบบและนวัตกรรม และทั้งหมดนี้ก็ได้มารวมอยู่ในรองเท้าคู่นี้แล้ว”
เป็นเวลากว่า 4 ปีที่แผนกการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากห้องปฏิบัติการไนกี้ สปอร์ต รีเสิร์ช แล็บ ได้ร่วมระดมมันสมองและนำข้อคิดเห็นจากผู้เล่นในตำแหน่งเกมรุกที่ดีที่สุดของโลกอย่างเช่น อิเนียสตา และ มาริโอ เกิทเซ ผู้เล่นในตำแหน่งตัวรุกของทีมชาติเยอรมัน ในการร่วมคิดค้นรองเท้ามาจิสต้าให้เป็นอาวุธที่สำคัญของนักเตะ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ผู้เล่นในตำแหน่งเกมรุกได้สามารถแสดงฝีเท้าและสร้างสรรค์เกมกลางสนามได้อย่างยอดเยี่ยมโดยเฉพาะในส่วนพื้นที่ว่างที่เป็นพื้นที่สำคัญของเกม
ฟิล แม็คคาร์ทนีย์ รองประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์รองเท้าฟุตบอลของไนกี้ กล่าวว่า “รองเท้าฟุตบอลมาจิสต้า ได้รับการออกแบบให้เปรียบเสมือนอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นรู้สึกได้ว่ามาจิสต้าไม่ใช่แค่เป็นรองเท้าสำหรับสวมใส่อยู่ที่เท้าเท่านั้น หากแต่มันเป็นรองเท้าที่สามารถผสานเป็นหนึ่งเดียวร่วมกับเท้าของนักเตะได้เป็นอย่างดี และเมื่อเราได้ขจัดปัญหาที่เป็นอุปสรรคสำหรับการเล่นฟุตบอลออกไปแล้ว นักเตะก็ย่อมปลดปล่อยศักยภาพและโชว์ความคิดสร้างสรรค์เกมของพวกเขาออกมาได้อย่างเต็มที่”
เทคโนโลยีฟลายนิตในรองเท้ามาจิสต้า ได้มอบความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมให้แก่นักเตะแบบไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกในการสวมใส่และการป้องกันดุจดั่งผิวหนังชั้นที่สอง อีกทั้งยังให้ความรู้สึกเหมือนกับสวมใส่ถุงเท้าด้วยการถักทอจากเส้นด้ายที่มีความคงทนแข็งแรงเข้ากับการเย็บติดโดยตรงเข้ากับตัวรองเท้า นอกจากนี้ มาจิสต้ายังมีช่วงตัดกลางเท้าแบบไดนามิค ฟิต คอลล่า ที่ทำให้นักเตะสามารถสวมใส่ได้พอดียิ่งขึ้น และทำให้การเคลื่อนไหวในสนามเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ
“ไดนามิค ฟิต คอลล่า คัต ของมาจิสต้า ไม่ได้เป็นเพียงแต่การสร้างนวัตกรรมที่น่าสนใจเท่านั้น แต่มันถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความรู้สึกให้เท้าสัมผัสลูกฟุตบอลได้อย่างแนบชิด และดีมากยิ่งขึ้น ส่วนการตัดตรงกลางจะช่วยทำให้เท้า ข้อเท้า และการทำงานของขานักเตะเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อช่วยให้นักกีฬาเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ” แม็คคาร์ทนีย์ กล่าวเพิ่มเติม
สร้างสรรค์เพื่อผู้เล่นในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ฝีเท้าฉกาจ
มาจิสต้าได้รับการออกแบบมาสำหรับผู้เล่นที่ต้องเคลื่อนที่ เติมเกมรุก หรือสร้างสรรค์เกมอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในเกมฟุตบอลที่ความแข็งแกร่งทั้งทางร่างกายและจิตใจเป็นสิ่งจำเป็น ความเร็วและพื้นที่สำหรับการสร้างสรรค์เกมบุกนั้นยิ่งสำคัญกว่า นักเตะที่สวมมาจิสต้าไม่เพียงแต่เป็นผู้สร้างโอกาสและจังหวะของเกมในสนามเพียงเท่านั้น แต่เขาจะเป็นผู้อ่านเกมการเล่นล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำและเห็นในสิ่งที่ผู้เล่นคนอื่นมองไม่เห็นดังนั้นมาจิสต้าจะเป็นตัวช่วยที่สำคัญที่จะให้ผู้เล่นสามารถปลดปล่อยศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่ และเป็นผู้กำหนดชะตาและจุดเปลี่ยนของเกมในช่วงวินาทีที่สำคัญ
“ความพอดีและแนบกระชับในการสวมใส่มาจิสต้าเป็นสิ่งพิเศษที่ทำให้ผมไม่คิดด้วยซ้ำว่าผมกำลังใส่มันอยู่ซึ่งมันช่วยทำให้ผมเคลื่อนที่ในสนามได้อย่างคล่องตัวและเป็นไปตามสัญชาตญาณของตนเอง อีกทั้งยังทำให้ผมมีความมั่นใจในการเล่นมากยิ่งขึ้น” อิเนียสตา กล่าว
ไนกี้ ฟลายนิต เทคโนโลยี
ไนกี้ ฟลายนิต ได้ถูกนำมาสร้างสรรค์เข้ากับรองเท้าวิ่งของไนกี้เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2012 และล่าสุดได้ถูกนำมาพัฒนาร่วมเข้ากับรองเท้าบาสเกตบอลรุ่น KOBE 9 ซึ่งถือได้ว่าเป็นการปฏิวัตกระบวนการผลิตรองเท้าแบบดั้งเดิม ด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรมของหน้าผ้ารองเท้าที่ทอจากเส้นด้ายชนิดพิเศษ
“เทคโนโลยีฟลายนิตช่วยให้เราปฏิวัติในการออกแบบรองเท้าให้มีความพอดีและสร้างความรู้สึกเหมือนกับสวมใส่ถุงเท้า สำหรับเทคโนโลยฟลายนิตในรองเท้าฟุตบอลจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้แก่นักเตะกลายเป็นผู้ชี้ชะตาของเกมฟุตบอล โดยมีผิวรองเท้าที่รู้สึกราวกับว่าเป็นชั้นที่สองจะทำให้ผู้เล่นรู้สึกสวมใส่รองเท้าได้อย่างกระชับและจับบอลได้แนบชิดเท้ามากยิ่งขึ้น” แม็คคาร์ทนีย์ กล่าวเพิ่มเติม
ด้วยการเลือกใช้เทคโนโลยีแบบเฉพาะตัวของไนกี้ เช่น ไนกี้ ฟลายนิต ได้ส่งผลให้มาจิสต้าได้มอบความกระชับเท้าอย่างลงตัวในส่วนโค้งของเท้า ส้นเท้า และหน้าเท้า อีกทั้งการเพิ่มองค์ประกอบของเทคโนโลยีไดนามิค ฟิต คอลล่า เพื่อช่วยโอบอุ้มข้อเท้าของผู้เล่นได้อย่างมั่นคงอีกด้วย
“ฟลายนิต ไดนามิก ฟิต คอลล่า เป็นแนวคิดที่โดดเด่นเมื่อเรานำมาทดสอบกับรองเท้าต้นแบบเป็นครั้งแรก มันเป็นประสบการณ์ใหม่อย่างแท้จริง เพราะมันเหมือนกับการสวมถุงมือ จุดสำคัญของถุงมือเริ่มจากบริเวณข้อมือ ไม่ใช่ฝ่ามือ ดังนั้นความกระชับที่เหมาะสมจะไม่รบกวนการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของร่างกาย” แมคคาร์ทนีย์ กล่าว
ขณะที่ทีมออกแบบของไนกี้ได้ทำงานกันอย่างขมักเขม้นและเต็มที่ พวกเขาได้รับข้อคิดเห็นเชิงบวกจากนักฟุตบอลว่า ไดนามิก ฟิต คอลล่า ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มความกระชับให้แก่เท้าเท่านั้น แต่มันยังทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจ และรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวที่คล่องตัวมากยิ่งขึ้น ตลอดจนมีความแข็งแรงทนทานและมีความกระชับเท้า ซึ่งเหมาะสำหรับการพลิกตัวและเคลื่อนที่หลายทิศทาง นักออกแบบผลิตภัณฑ์ของไนกี้ยังได้เพิ่มสายบริโอ้ ให้ถักทอตรงไปยังบริเวณส่วนหน้าผ้าและยึดติดเข้ากับรูตาไก่บริเวณใกล้กับส้นเท้า ซึ่งจะช่วยให้เพิ่มความแข็งแรงคล้ายกับสายเคเบิลที่ยึดเกาะกับสะพานแขวนอีกด้วย
ออกแบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมบอล
เพื่อเชื่อมต่อเข้ากับเกมการแข่งขันที่ต่อเนื่องและการควบคุมบอลที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มาจิสต้ามีการถักทอแบบสามมิติที่บริเวณหน้าผ้าด้านบน ซึ่งจะทำให้นักเตะที่สวมใส่รองเท้ารุ่นนี้สามารถเปิดเกมรุกหรือโต้กลับ ด้วยการลากเลี้ยงบอลหรือยิงได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น เพราะมีคุณสมบัติในการสร้างแรงเสียดทานเข้ากับลูกฟุตบอลที่เพิ่มขึ้น
“การผลิตรองเท้าฟุตบอลในอดีตนั้นจำเป็นต้องมีการเพิ่มชั้นด้านบนของรองเท้าเพื่อที่จะสร้างแรงเสียดทาน แต่การออกแบบเช่นนี้ทำให้เท้านั้นอยู่ห่างจากลูกฟุตบอลมากขึ้น แต่ไนกี้ ฟลายนิต ช่วยให้เราสามารถสร้างพื้นผิวลงบนตัวรองเท้าได้โดยตรง การสร้างพื้นผิวสามมิติแบบใหม่นี้ ไนกี้ได้ทดลองและแก้ไขเป็นหลายๆ ครั้งเพื่อให้ได้รูปแบบที่ถูกต้องที่สุด ซึ่งรองเท้ารุ่นนี้จึงถือได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกที่ช่วยให้ผู้เล่นจับบอลได้อย่างมั่นคงที่สุด ขณะที่ตัวรองเท้าใช้วัสดุน้อยที่สุด” แมคคาร์ทนีย์ กล่าว
เพื่อเป็นการปกป้องเท้าจากความเฉอะเเฉะของน้ำและความเยือกเย็น ทีมงานออกแบบผลิตภัณฑ์ของไนกี้ยังได้พัฒนาพื้นผิวไนกี้สกินแบบพิเศษที่เคลือบอยู่ด้านบนของเส้นด้ายฟลายนิต โดยพื้นผิวชนิดนี้มีขนาดบางเพียง 0.1 มม.หรือบางกว่าแผ่นกระดาษ และหลอมรวมลงไปในเส้นใยที่ถักทอเพื่อช่วยป้องกันการดูดซับน้ำ
สร้างขึ้นเพื่อแรงยึดเกาะที่ดีขึ้น
ผู้เล่นที่สวมใส่มาจิสต้า สามารถก้าวเท้าหยุด ชะลอความเร็วและเปลี่ยนทิศทางขณะควบคุมลูกฟุตบอลได้อย่างยอดเยี่ยม เนื่องจากทีมออกแบบผลิตภัณฑ์ของไนกี้ได้เสริมปุ่มสตั๊ดรูปทรงกรวยเพื่อให้นักเตะสามารถหมุนตัวได้ 360 องศา รวมไปถึงการมี Pebax ?และแผ่นไนลอนเพื่อช่วยในการยึดเกาะได้อย่างมั่นคง ซึ่งแผ่นไนลอนที่ได้รับการบีบอัดนี้จะช่วยให้พื้นรองเท้ามีระดับของการตอบสนองที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบาอีกด้วย และเมื่อผนึกประสิทธิภาพเข้ากับ Pebax แล้ว โครงสร้างนี้จะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหวของเท้าได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งยังช่วยลดจุดที่รองเท้าจะมีการหักงอซ้ำๆ หรือจุดใดจุดหนึ่งของรองเท้าที่ยืดหยุ่นในจุดเดียวกัน ซึ่งแผ่นไนลอนนี้จะขยายออกไปจรดถึงนิ้วหัวแม่เท้าและทำหน้าที่เป็นตัวรองรับเท้าให้แก่ผู้เล่นเมื่อเริ่มขยับเท้าและจะช่วยทำให้นักเตะสามารถสปริงเท้าจากพื้นสนามด้วยความเร็วยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ไนกี้ยังถอดเอาแผ่นรองรับแรงกระเเทกภายในรองเท้าออก เพื่อให้เท้าของผู้เล่นรู้สึกสัมผัสแนบชิดกับพื้นสนามมากยิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มจุดศูนย์ถ่วงและการยึดเกาะที่มั่นคง โดยมีโครงสร้างส่วนสุดท้าย คือปุ่มพื้นรองเท้าทรงกรวยอันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่จะทำให้ผู้สวมใส่มาจิสต้าสามารถพลิกรอบตัวได้ 360 องศา
สำหรับรองเท้า ไนกี้ มาจิสต้า จะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในราคา 10,000 บาทตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่ร้านไนกี้ สาขาสยามดิสคัฟเวอรี่ สาขาสยามสแควร์วัน (SQ1) ร้านซุปเปอร์สปอร์ต สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลชิดลม เซ็นทรัลลาดพร้าว ร้านอาริฟุตบอลคอนเซ็ปต์สโตร์ และร้านนกแก้ว หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ facebook.com\nikefootballTH
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *