คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ ชลบุรี เอฟซี สองทีมสโมสรตัวแทนของไทยที่ได้สิทธิ์ลงแข่งฟุตบอลชิงแช้มพ์สโมสรเอเชียถ้วยใหญ่ประจำฤดูกาลนี้ ซึ่งต้องไปคัดเลือกในรอบ เพลย์-อ็อฟ ถึงสองรอบก่อนที่จะได้เข้าสู่รอบแบ่งกลุ่ม และในที่สุดต่างก็พับเสื่อจบเส้นทางเรียบร้อย ไม่สามารถตามไปสมทบกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
เมืองทอง ต้องเดินทางไปต่อสู้กับ เมลเบิร์น วิคทะรี ( Melbourne Victory ) ถึงถิ่นของเขาพร้อมกับปัญหาคาใจเรื่องโค้ช ซึ่งถือเป็นผู้นำทัพ เป็นผู้วางแผนการเล่น กุมชะตาความเป็นไปของทีม โดยที่ยังไม่กระจ่างชัดว่า แล้วตกลง สก็อทท์ คูเพ่อร์ จะอยู่กับสโมสรในฤดูกาล 2014 หรือไม่ หลังจากเกิดกระแสข่าวขึ้นเป็นลำดับ
เกมของ กิเลนผยอง ไม่เป็นรอง ซักเท่าไร มีทั้ง มาริโอ ยูร๊อฟสกี้ และ เจย์ โบธรอยด์ เป็นสองกองหน้าอันตราย พวกเขาออกนำก่อนเสียด้วยซ้ำ แถม เจ้าตาล วิษณุศักดิ์ แก้วเรือง ก็ยืนรักษาประตูได้ดีและช่วยเซฟลูกจุดโทษได้อีกในยามที่ ตอง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ยังมีอาการบาดเจ็บ
โชคไม่ได้อยู่ข้างนักเตะไทย ผู้ช่วยผู้ตัดสินเงียบเฉยไม่ยกธงในจังหวะล้ำหน้า เพราะมองไม่ทัน ทำให้ เมืองทอง ต้องสังเวยประตู แล้วเมื่อโดนเจาะอีกหนึ่งในช่วงท้ายเกมก็หมดโอกาสแก้ตัว ตกรอบพ้นจากฟุตบอลชิงถ้วยเอเชียไปอีกปีด้วยเวลาอันรวดเร็วเกินคาด
ในขณะที่ ชลบุรี เอฟซี นี่ก็ต้องลงแข่งใน กรุงเป่ยจิ๊ง ที่อากาศหนาวอย่างแสนสาหัส ผมไม่รู้ว่าติดลบเท่าไร แต่มันมีผลต่อฟอร์มของ ฉลามชล อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เรื่องฝีเท้าก็เป็นรองจริงๆ เกมวันนั้นแสดงให้เห็นว่า ชลบุรี ยังมีเรื่องต้องแก้ไขปรับปรุงอีกเยอะ โดยเฉพาะแผงกองหลัง เน้นไปชัดๆที่ตัวต่างชาติด้วยที่ฟอร์มยังห่างไกลจากที่ควรจะเป็น เพียงแค่ 20 นาทีแรก พวกเขาโดน เป่ยจิ๊ง กั๋วอัน ( Beijing Guoan ) กดไปสาม เรียกว่าหมดทางสู้จริงๆผมลองนึกเล่นๆว่า หากรอบเพลย์-อ็อฟ ไม่ได้มีเพียงนัดเดียว ในเลกสอง กิเลนเคี้ยว เมลเบิร์น ที่บ้านเราได้อย่างแน่นอน แต่สำหรับ ชลบุรี อันนี้กลับเข้าสู่เกมลำบาก เพราะโดนถล่มขาดไปแล้ว มันก็น่าเสียดายครับที่หลายเสียงเรียกร้องให้ เอเอฟซี เปลี่ยนแปลงระบบใน รอบเพลย์-อ็อฟ ให้มีมาตรฐานดีกว่าที่เป็นอยู่ ไม่เช่นนั้นก็จะพลาดทีมดีๆไปเรื่อย แต่ไม่เคยได้รับการตอบสนอง
เป็นอันว่า 16 ทีมในซีกตะวันออก ของ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2014 คือ ซีกของ เจ๊ก ไม่ใช่ซีกของ แขก นั้น มี 4 ญี่ปุ่น 4 เกาหลี 4 จีน 3 ออสตราเลีย และ ไทย 1 เดียว คือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งหลายคนมองว่า การที่ ปราสาทสายฟ้า โดดเดี่ยวในเวทีนานาชาตินั้น จะเกิดผลเสียหายอย่างแน่นอน ไหนจะต้องคอยแลกโปรแกรมแข่งกับทีมอื่นๆให้เหน็ดเหนื่อยแล้ว ยังต้องแบกภาระหนัก มีเกมการแข่งขันมากกว่าใคร ทำให้เสียเปรียบคู่แข่งในการแย่งแช้มพ์ภายในประเทศอีก 3 ถ้วย
ในขณะเดียวกัน ถ้ามองในแง่ดี ผมก็ว่า ทีมนักเตะปราสาทสายฟ้า นั้นมีคนดูแลทางด้านความฟิตได้ผลดีที่สุดทีมหนึ่ง พวกเขาไม่เคยแสดงความแผ่วในช่วงท้ายเกมให้เห็นอย่างน่าอับอาย ดังนั้น เกมที่มากกว่าไม่ใช่ปัญหา ยิ่งกลายเป็นตัวแทนหนึ่งเดียวของไทย โดยมีเป้าหมายเป็น ท็อพ ฟ้ายว์ ของ เอเชีย แต่ ณ ปลายทางมันไปได้ถึงแช้มพ์เอเชีย มันไปได้ถึงประตูเข้าสู่การชิงแช้มพ์สโมสรโลก หลายคนคงนึกออก เมื่อกลางปีที่แล้ว ตัวเลข กด LIKE ใน เฟสบุ๊ค ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังแค่ 1.2 แสนเท่านั้น มาถึงตอนนี้ไป 2.7 แสนแล้ว แล้วนับแต่นี้ไป ใครที่เคยเป็นแฟนทีมอื่นๆ มันก็ต้องมีปันใจมาบ้างแหละน่า
เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ ชลบุรี เอฟซี สองทีมสโมสรตัวแทนของไทยที่ได้สิทธิ์ลงแข่งฟุตบอลชิงแช้มพ์สโมสรเอเชียถ้วยใหญ่ประจำฤดูกาลนี้ ซึ่งต้องไปคัดเลือกในรอบ เพลย์-อ็อฟ ถึงสองรอบก่อนที่จะได้เข้าสู่รอบแบ่งกลุ่ม และในที่สุดต่างก็พับเสื่อจบเส้นทางเรียบร้อย ไม่สามารถตามไปสมทบกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
เมืองทอง ต้องเดินทางไปต่อสู้กับ เมลเบิร์น วิคทะรี ( Melbourne Victory ) ถึงถิ่นของเขาพร้อมกับปัญหาคาใจเรื่องโค้ช ซึ่งถือเป็นผู้นำทัพ เป็นผู้วางแผนการเล่น กุมชะตาความเป็นไปของทีม โดยที่ยังไม่กระจ่างชัดว่า แล้วตกลง สก็อทท์ คูเพ่อร์ จะอยู่กับสโมสรในฤดูกาล 2014 หรือไม่ หลังจากเกิดกระแสข่าวขึ้นเป็นลำดับ
เกมของ กิเลนผยอง ไม่เป็นรอง ซักเท่าไร มีทั้ง มาริโอ ยูร๊อฟสกี้ และ เจย์ โบธรอยด์ เป็นสองกองหน้าอันตราย พวกเขาออกนำก่อนเสียด้วยซ้ำ แถม เจ้าตาล วิษณุศักดิ์ แก้วเรือง ก็ยืนรักษาประตูได้ดีและช่วยเซฟลูกจุดโทษได้อีกในยามที่ ตอง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ยังมีอาการบาดเจ็บ
โชคไม่ได้อยู่ข้างนักเตะไทย ผู้ช่วยผู้ตัดสินเงียบเฉยไม่ยกธงในจังหวะล้ำหน้า เพราะมองไม่ทัน ทำให้ เมืองทอง ต้องสังเวยประตู แล้วเมื่อโดนเจาะอีกหนึ่งในช่วงท้ายเกมก็หมดโอกาสแก้ตัว ตกรอบพ้นจากฟุตบอลชิงถ้วยเอเชียไปอีกปีด้วยเวลาอันรวดเร็วเกินคาด
ในขณะที่ ชลบุรี เอฟซี นี่ก็ต้องลงแข่งใน กรุงเป่ยจิ๊ง ที่อากาศหนาวอย่างแสนสาหัส ผมไม่รู้ว่าติดลบเท่าไร แต่มันมีผลต่อฟอร์มของ ฉลามชล อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เรื่องฝีเท้าก็เป็นรองจริงๆ เกมวันนั้นแสดงให้เห็นว่า ชลบุรี ยังมีเรื่องต้องแก้ไขปรับปรุงอีกเยอะ โดยเฉพาะแผงกองหลัง เน้นไปชัดๆที่ตัวต่างชาติด้วยที่ฟอร์มยังห่างไกลจากที่ควรจะเป็น เพียงแค่ 20 นาทีแรก พวกเขาโดน เป่ยจิ๊ง กั๋วอัน ( Beijing Guoan ) กดไปสาม เรียกว่าหมดทางสู้จริงๆผมลองนึกเล่นๆว่า หากรอบเพลย์-อ็อฟ ไม่ได้มีเพียงนัดเดียว ในเลกสอง กิเลนเคี้ยว เมลเบิร์น ที่บ้านเราได้อย่างแน่นอน แต่สำหรับ ชลบุรี อันนี้กลับเข้าสู่เกมลำบาก เพราะโดนถล่มขาดไปแล้ว มันก็น่าเสียดายครับที่หลายเสียงเรียกร้องให้ เอเอฟซี เปลี่ยนแปลงระบบใน รอบเพลย์-อ็อฟ ให้มีมาตรฐานดีกว่าที่เป็นอยู่ ไม่เช่นนั้นก็จะพลาดทีมดีๆไปเรื่อย แต่ไม่เคยได้รับการตอบสนอง
เป็นอันว่า 16 ทีมในซีกตะวันออก ของ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2014 คือ ซีกของ เจ๊ก ไม่ใช่ซีกของ แขก นั้น มี 4 ญี่ปุ่น 4 เกาหลี 4 จีน 3 ออสตราเลีย และ ไทย 1 เดียว คือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งหลายคนมองว่า การที่ ปราสาทสายฟ้า โดดเดี่ยวในเวทีนานาชาตินั้น จะเกิดผลเสียหายอย่างแน่นอน ไหนจะต้องคอยแลกโปรแกรมแข่งกับทีมอื่นๆให้เหน็ดเหนื่อยแล้ว ยังต้องแบกภาระหนัก มีเกมการแข่งขันมากกว่าใคร ทำให้เสียเปรียบคู่แข่งในการแย่งแช้มพ์ภายในประเทศอีก 3 ถ้วย
ในขณะเดียวกัน ถ้ามองในแง่ดี ผมก็ว่า ทีมนักเตะปราสาทสายฟ้า นั้นมีคนดูแลทางด้านความฟิตได้ผลดีที่สุดทีมหนึ่ง พวกเขาไม่เคยแสดงความแผ่วในช่วงท้ายเกมให้เห็นอย่างน่าอับอาย ดังนั้น เกมที่มากกว่าไม่ใช่ปัญหา ยิ่งกลายเป็นตัวแทนหนึ่งเดียวของไทย โดยมีเป้าหมายเป็น ท็อพ ฟ้ายว์ ของ เอเชีย แต่ ณ ปลายทางมันไปได้ถึงแช้มพ์เอเชีย มันไปได้ถึงประตูเข้าสู่การชิงแช้มพ์สโมสรโลก หลายคนคงนึกออก เมื่อกลางปีที่แล้ว ตัวเลข กด LIKE ใน เฟสบุ๊ค ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังแค่ 1.2 แสนเท่านั้น มาถึงตอนนี้ไป 2.7 แสนแล้ว แล้วนับแต่นี้ไป ใครที่เคยเป็นแฟนทีมอื่นๆ มันก็ต้องมีปันใจมาบ้างแหละน่า