นานี โรมา นักขับวัย 42 ปีชาวสเปน ของทีมมินิ แซง สเตฟาน ปีเตอร์อองเซล เจ้าของแชมป์เก่า 11 จากฝรั่งเศส ในสเตจสุดท้าย คว้าแชมป์ ดาการ์ประเภทรถยนต์สมัยแรก หลังจบสเตจสุดท้ายที่ประเทศชิลี เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่วน มาร์ค โกมา นักบิดชาวสเปนของทีม เคทีเอ็ม คว้าแชมป์จักรยานยนต์
ศึกแรลลีทะเลทรายสุดโหด ดาการ์ 2014 ที่ใช้เส้นทางแข่ง 3 ประเทศจาก อาร์เจนตินา ผ่านโบลิเวีย และไปจบที่ ชิลี โดยในวันเสาร์ที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา ดำเนินมาถึงการแข่งขันในสเตจสุดท้ายที่ 13 ของการแข่งขัน ใช้เส้นทางจาก ลา เซเรนา ถึง วาลพาไรโซ ระยะทางรวม 535 กิโลเมตร
สถานการณ์การลุ้นแชมป์ในสเตจสุดท้ายยังคงขับเคี่ยวกันสนุดระหว่าง นานี โรมา นักขับชาวสเปนของทีมมินิ และเพื่อนร่วมทีมอย่าง สเตฟาน ปีเตอร์อองเซล เจ้าของแชมป์เก่า 11 สมัยจากฝรั่งเศส โดย โรมา มีเวลารวมตามหลัง นักขับจากเมืองน้ำหมอเพียง 26 นาทีเท่านั้น ทว่าแชมป์ในสเตจสุกท้ายกลายเป็น กิเนียล เดอ วิเลียนส์ นักขับแอฟริกาใต้ ของทีมจากทีมโตโยตา
ขณะที่ นานี โรมา ควมรถมินิคู่ใจเข้าเส้นชัยมาก่อนเป็นอันดับที่ 3 และ ปีเตอร์อองเซล เข้ามาเป็นที่ 4 ทำให้ ขับขับวัย 42 ปี ชาวสเปน แซงกลับมานำเวลารวม ที่ 50 นาที 44.58 วินาที คว้าแชมป์ ดาการ์ ปี 2014 ไปครองเป็นสมัยแรกหลังเคยซิวแชมป์ในประเภทจักรยานยนต์ในปี 2004 ส่วน ตำนานและแชมป์เก่าเวลาไล่หลังถึง 5.38 นาที และ นาสเซอร์ อัล-อัตติยาห์ นักแข่งรถชาวกาตาร์อีกรายของทีมมินิซิวที่ 3 ไปครอง เวลาตามหลัง 56.52 นาที
"ผมคิดอยู่เสมอในหัวว่าผมต้องการจะเป็นผู้ชนะในประเภทรถยนต์หลังจากเคยได้แชมป์กับจักรยานยนต์มาแล้ว ผมไม่รู้หรอกว่ามนี่คือความเครียดที่สุดรึเปล่า แต่มันยากมากๆ ช่วงเวลา 2 สัปดาห์สุดหิน และในการแข่งที่ยาวนาน มันไม่ง่ายเลย แต่ 10 ปีที่รอคอยหลังจากเป็นแชมป์จักรยานยนต์มันเหมือนฝันที่เป็นจริงเลย" นาที โรมา กล่าว
ขณะที่ มาร์ค โกมา นักบิดชาวสเปนของทีม เคทีเอ็ม ตัวเต็งในปีนี้และผู้นำเวลารวมในสเตจที่ 12 คว้าแชมป์ประเภทจักรยานยนต์ไปครองตามคาดแม้ผลงานในสเตจสุดท้ายไม่ดีเข้าที่ 18 แต่ยังอาศัยเวลารวมที่ดีกว่า 54 ชั่วโมง 50 นาที ทิ้งที่ 2 อย่าง ฆอร์ดี วิลาดอมส์ เพื่อนร่วมชาติอละเพื่อนร่วมทีมถึง 1 ชั่วโมง 52 นาที โดยเป็นการคว้าแชมป์สมัยที่ 4 ของเจ้าตัวต่อจาก ปี 2006,2009 และ 2011
สำหรับการแข่ง แรลลี ดาการ์ ครั้งที่ 36 ในปี 2014 ถูกบันทึกว่าเป็นแรลลีหฤโหดที่ยากสุดอีกปี หลังบรรดานักแข่งต้องขับฝ่าทะเลทรายที่มีอุณหภูมิกว่า 47 องศาเซลเซียส และมี เอริค ปาล็องต์ นักบิดประสบการณ์สูงชาวเบลเจียนที่เสียชีวิตเช่นเคยในสเตจที่ 5 พร้อมกับนักข่าวชาวอาร์เจนไตน์อีก 2 รายที่สูญหาย