คอลัมน์ “Final Quarter” โดย “ลุงแซม”
“ComeHomeLebron” นี่เป็นข้อความรณรงค์ที่แฟนๆ “แคฟส์แมน” สกรีนบนเสื้อใส่เชียร์ในศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ที่ควิกเคนโลนส์ อารีนา เมื่อปลายเดือนก่อน เพื่อส่งสัญญาณไปยัง เลอบรอน เจมส์ อีกครั้งทำนอง ทางบ้านให้อภัยแล้ว กลับมาเป็นฮีโร่ความหวังให้ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ด้วยเถิด
ย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อนครั้ง เลอบรอน เจมส์ ตัดสินใจเป็นฟรีเอเยนต์สลัดยูนิฟอร์ม คาวาเลียร์ส ผนึกกำลัง คริส บอช ไปเป็น “บิ๊กทรี” ร่วมกับ ดีเวย์น เหว็ด ที่ไมอามี ฮีต เล่นเอา แดน กิลเบิร์ต เจ้าของทีมคลีฟแลนด์ ถึงกับตราหน้า “แอลบีเจ” ว่าเป็นคนทรยศ ทีมอุตส่าห์ใช้สิทธิ์ดราฟท์รอบแรกของปี 2003 ดึงขึ้นมาจากไฮสคูล เพื่อโกยเงินในลีกยัดห่วงอาชีพ ขณะเดียวกันสาวก “แคฟส์” พากันนำเสื้อหมายเลข 23 มาเผาทิ้งแบบไม่เสียดายกันเลย
แต่ความแค้นสุมอก 3 ปี เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว เลอบรอน นำแชมป์เก่า ฮีต กลับมาเยือนถิ่นเก่าอย่างสบายใจเฉิบ เก็บชัยชนะออกไปไม่ยาก แถมยังมีเสียงเชียร์ต้อนรับ อยากเห็นฟอร์เวิร์ดซูเปอร์สตาร์ ใช้สิทธิ์เป็น “ฟรีเอเยนต์” คืนสู่คลีฟแลนด์ หลังจบฤดูกาล 2013/14 หากถามว่าโอกาสที่ “มนุษย์ทองคำ” จะกลับมาสวมยูนิฟอร์ม “แคฟส์” หรือไม่ ถ้าตอบว่าเป็นศูนย์คงใช่กระไร แต่มันยังไม่ใช่ ณ เวลานี้
ด้วยอายุเพียง 28 ปี เลอบรอน ซึ่งกำลังถึงจุดพีคสุดของอาชีพยังสามารถโกยความสำเร็จ พ่วงด้วยรายได้มหาศาลในอีก 4-5 ปีจากนี้ ด้วยสัญญาเต็มมูลค่าที่สามารถเซ็นอยู่โยงกับ ฮีต หรือแม้แต่แชมป์ให้มีโอกาสเทียบเคียงครั้ง ไมเคิล จอร์แดน นำเกียรติยศ “แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี” มาสู่ตู้โชว์ ชิคาโก บูลส์ ถึง 6 สมัย โดยตอนนี้ “คิงเจมส์” มีแหวนแชมป์กับไมอามี อยู่แล้ว 2 วง และคงไม่หยุดอยู่แค่นี้
อย่างไรก็ตาม หลังจบซีซันนี้ ไมอามี ถึงยุคเปลี่ยนถ่ายครั้งใหญ่ “บิ๊กทรี” มีโอกาสแยกไปคนละทิศละทาง เชื่อว่าเป้าหมายแรกของ มิคกี อาริสัน เจ้าของทีม และ แพท ไรลีย์ ประธานทีม คือการเหนี่ยวรั้ง เลอบรอน ไว้ให้ได้ ซึ่งก็เชื่อเหลือเกินว่า “ผู้เล่นทรงคุณค่า” (MVP) ลีก 4 สมัย ยังไม่มีความคิดเดินออกจากถิ่นอเมริกัน แอร์ไลน์ อารีนา ขณะที่ คริส บอช มีออปชันใช้สิทธิ์เป็น “ฟรีเอเยนต์” มีข่าวไปช่วยงาน เดิร์ก โนวิตซกี ที่ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ โดยที่ ฮีต อาจไม่ต้องขวางลำเอาไว้ เช่นเดียวกับ “ดี-เหว็ด” ซึ่งกำลังอ่วมจากอาการบาดเจ็บเข่าในช่วงบั้นปลายอาชีพ ส่วนพวกที่เคยช่วยล่าความสำเร็จกันมาอย่าง เรย์ อัลเลน, คริส แอนเดอร์เซน, เชน แบ็ตติเยร์, อูโดนิส ฮาสเลม, มาริโอ ชาลเมอร์ส หรือแม้แต่ โจเอล แอนโธนีย์ ยอดทีมแห่งฟลอริดา คงเลือกเก็บไว้แค่บางคน
ด้วยกึ๋นและมันสมองระดับ ไรลีย์ แผนการต่อยอดความสำเร็จไม่ใช่ปัญหา ฮีต สามารถล้างไพ่ใหม่ แล้วไปนำส่วนผสมอื่นจากตลาดฟรีเอเยนต์มากวนให้เข้ากับ เลอบรอน ได้ไม่ยาก ทว่าก็เชื่อลึกๆ ว่า “คิงเจมส์” ย่อมมีความคิดรีเทิร์นไปสวมยูนิฟอร์ม คาวาเลียร์ส หากหมดสัญญากับ ฮีต ในคราวหน้า
ถึงตอนนั้นบรรดาดาวรุ่ง ณ ตอนนี้อย่าง คายรี เออร์วิง, ตริสตัน ธอมป์สัน, ดิออน ไวเตอร์ส, ทายเลอร์ เซลเลอร์, แอนโธนีย์ บาร์เน็ตต์ รวมถึง เซอร์เก คาราเซฟ คงเติบใหญ่พร้อมเป็นลูกมือช่วยพลิกหน้าประวัติศาสตร์นำแชมป์แรกมาสู่แฟรนไชส์ แม้นั่นยังเป็นเรื่องของอนาคต แต่มิได้ไกลเกินฝัน
อย่างไรก็ดี คริส แกรนท์ หากตอนนั้นยังดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป คงต้องบริหาร “เพดานเงินเดือน” ให้ดี เพราะค่าจ้างขุนพลย่อมแพงขึ้นเป็นลำดับ การผ่องถ่ายเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ถ้าต้องการได้ เลอบรอน กลับมา ถึงวันนั้น “ไนกี้” สปอนเซอร์หลักคงไม่จำเป็นต้องขวางฮีโร่คืนถิ่นมาสู่ “ตลาดที่เล็กลง” ในทางตรงกันข้าม การทำแคมเปญ “LeBron Coming Home” น่าจะทำให้เม็ดเงินมหาศาลไหลมาเทมา เรียกได้ว่า “วิน-วิน” ด้วยกันทุกฝ่าย
“ComeHomeLebron” นี่เป็นข้อความรณรงค์ที่แฟนๆ “แคฟส์แมน” สกรีนบนเสื้อใส่เชียร์ในศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ที่ควิกเคนโลนส์ อารีนา เมื่อปลายเดือนก่อน เพื่อส่งสัญญาณไปยัง เลอบรอน เจมส์ อีกครั้งทำนอง ทางบ้านให้อภัยแล้ว กลับมาเป็นฮีโร่ความหวังให้ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ด้วยเถิด
ย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อนครั้ง เลอบรอน เจมส์ ตัดสินใจเป็นฟรีเอเยนต์สลัดยูนิฟอร์ม คาวาเลียร์ส ผนึกกำลัง คริส บอช ไปเป็น “บิ๊กทรี” ร่วมกับ ดีเวย์น เหว็ด ที่ไมอามี ฮีต เล่นเอา แดน กิลเบิร์ต เจ้าของทีมคลีฟแลนด์ ถึงกับตราหน้า “แอลบีเจ” ว่าเป็นคนทรยศ ทีมอุตส่าห์ใช้สิทธิ์ดราฟท์รอบแรกของปี 2003 ดึงขึ้นมาจากไฮสคูล เพื่อโกยเงินในลีกยัดห่วงอาชีพ ขณะเดียวกันสาวก “แคฟส์” พากันนำเสื้อหมายเลข 23 มาเผาทิ้งแบบไม่เสียดายกันเลย
แต่ความแค้นสุมอก 3 ปี เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว เลอบรอน นำแชมป์เก่า ฮีต กลับมาเยือนถิ่นเก่าอย่างสบายใจเฉิบ เก็บชัยชนะออกไปไม่ยาก แถมยังมีเสียงเชียร์ต้อนรับ อยากเห็นฟอร์เวิร์ดซูเปอร์สตาร์ ใช้สิทธิ์เป็น “ฟรีเอเยนต์” คืนสู่คลีฟแลนด์ หลังจบฤดูกาล 2013/14 หากถามว่าโอกาสที่ “มนุษย์ทองคำ” จะกลับมาสวมยูนิฟอร์ม “แคฟส์” หรือไม่ ถ้าตอบว่าเป็นศูนย์คงใช่กระไร แต่มันยังไม่ใช่ ณ เวลานี้
ด้วยอายุเพียง 28 ปี เลอบรอน ซึ่งกำลังถึงจุดพีคสุดของอาชีพยังสามารถโกยความสำเร็จ พ่วงด้วยรายได้มหาศาลในอีก 4-5 ปีจากนี้ ด้วยสัญญาเต็มมูลค่าที่สามารถเซ็นอยู่โยงกับ ฮีต หรือแม้แต่แชมป์ให้มีโอกาสเทียบเคียงครั้ง ไมเคิล จอร์แดน นำเกียรติยศ “แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี” มาสู่ตู้โชว์ ชิคาโก บูลส์ ถึง 6 สมัย โดยตอนนี้ “คิงเจมส์” มีแหวนแชมป์กับไมอามี อยู่แล้ว 2 วง และคงไม่หยุดอยู่แค่นี้
อย่างไรก็ตาม หลังจบซีซันนี้ ไมอามี ถึงยุคเปลี่ยนถ่ายครั้งใหญ่ “บิ๊กทรี” มีโอกาสแยกไปคนละทิศละทาง เชื่อว่าเป้าหมายแรกของ มิคกี อาริสัน เจ้าของทีม และ แพท ไรลีย์ ประธานทีม คือการเหนี่ยวรั้ง เลอบรอน ไว้ให้ได้ ซึ่งก็เชื่อเหลือเกินว่า “ผู้เล่นทรงคุณค่า” (MVP) ลีก 4 สมัย ยังไม่มีความคิดเดินออกจากถิ่นอเมริกัน แอร์ไลน์ อารีนา ขณะที่ คริส บอช มีออปชันใช้สิทธิ์เป็น “ฟรีเอเยนต์” มีข่าวไปช่วยงาน เดิร์ก โนวิตซกี ที่ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ โดยที่ ฮีต อาจไม่ต้องขวางลำเอาไว้ เช่นเดียวกับ “ดี-เหว็ด” ซึ่งกำลังอ่วมจากอาการบาดเจ็บเข่าในช่วงบั้นปลายอาชีพ ส่วนพวกที่เคยช่วยล่าความสำเร็จกันมาอย่าง เรย์ อัลเลน, คริส แอนเดอร์เซน, เชน แบ็ตติเยร์, อูโดนิส ฮาสเลม, มาริโอ ชาลเมอร์ส หรือแม้แต่ โจเอล แอนโธนีย์ ยอดทีมแห่งฟลอริดา คงเลือกเก็บไว้แค่บางคน
ด้วยกึ๋นและมันสมองระดับ ไรลีย์ แผนการต่อยอดความสำเร็จไม่ใช่ปัญหา ฮีต สามารถล้างไพ่ใหม่ แล้วไปนำส่วนผสมอื่นจากตลาดฟรีเอเยนต์มากวนให้เข้ากับ เลอบรอน ได้ไม่ยาก ทว่าก็เชื่อลึกๆ ว่า “คิงเจมส์” ย่อมมีความคิดรีเทิร์นไปสวมยูนิฟอร์ม คาวาเลียร์ส หากหมดสัญญากับ ฮีต ในคราวหน้า
ถึงตอนนั้นบรรดาดาวรุ่ง ณ ตอนนี้อย่าง คายรี เออร์วิง, ตริสตัน ธอมป์สัน, ดิออน ไวเตอร์ส, ทายเลอร์ เซลเลอร์, แอนโธนีย์ บาร์เน็ตต์ รวมถึง เซอร์เก คาราเซฟ คงเติบใหญ่พร้อมเป็นลูกมือช่วยพลิกหน้าประวัติศาสตร์นำแชมป์แรกมาสู่แฟรนไชส์ แม้นั่นยังเป็นเรื่องของอนาคต แต่มิได้ไกลเกินฝัน
อย่างไรก็ดี คริส แกรนท์ หากตอนนั้นยังดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป คงต้องบริหาร “เพดานเงินเดือน” ให้ดี เพราะค่าจ้างขุนพลย่อมแพงขึ้นเป็นลำดับ การผ่องถ่ายเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ถ้าต้องการได้ เลอบรอน กลับมา ถึงวันนั้น “ไนกี้” สปอนเซอร์หลักคงไม่จำเป็นต้องขวางฮีโร่คืนถิ่นมาสู่ “ตลาดที่เล็กลง” ในทางตรงกันข้าม การทำแคมเปญ “LeBron Coming Home” น่าจะทำให้เม็ดเงินมหาศาลไหลมาเทมา เรียกได้ว่า “วิน-วิน” ด้วยกันทุกฝ่าย