คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
การแข่งขันคิกบ็อกซิ่งรายการ K-1 ในปีนี้ แฟนกีฬาศิลปะการต่อสู้ชาวไทยคงเฝ้าติดตามกันอย่างใจจดใจจ่อ เพราะยอดมวยของเราอย่าง “ดำดอทคอม” บัวขาว บัญชาเมฆ ได้รับเชิญเข้าร่วมสังฆกรรมด้วยและโชว์ฟอร์มสดเอาชนะน็อกยกแรกมวยดีความหวังที่จะปั้นของศึก K-1 อย่าง ดาบิด กาลโบ นักชกเจ้าถิ่นจากสเปน รอบ 16 คนสุดท้ายรุ่น 70 กก.ที่มายอร์กา เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และตอนนี้ก็รอผลการประกบคู่รอบ 8 คนสุดท้ายอยู่
แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี้ ทาง K-1 โดย เน็ด คุรุช ผู้อำนวยการด้านจัดหานักสู้และกิจกรรมทั่วโลก ได้ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการจัดศึกต่อจากนี้ไป ซึ่งจะเปลี่ยนรูปแบบที่เราคุ้นเคยกันไปเยอะเลยทีเดียว โดยท่าน ผอ.กล่าวว่า แฟนๆ ศึก K-1 ทั่วโลก อาจจะคุ้นเคยและสนุกกับรูปแบบการจัดการต่อสู้ในแบบทัวร์นาเมนต์ อย่างที่จัดๆ กันมานี้ แต่การจัดรูปแบบทัวร์นาเมนท์นี้มีข้อด้อย 2 ประการ
ประการแรก การจัดมวยรูปแบบทัวร์นาเมนต์ ทำให้มวยดังของรายการมีโอกาสที่จะ “แคล้วคลาด” ไม่ได้เจอกันสักทีได้ ซึ่งอาจเป็นเพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชิงตกรอบไปก่อน แบบนี้ก็ทำให้แฟนมวยอารมณ์ค้างกันได้ ส่วนประการที่สอง การจัดมวยรอบเป็นทัวร์นาเมนต์รายปี ทำให้ K-1 ไม่มี “แชมป์ตัวจริง” ของรายการ แชมป์ปีที่แล้ว ก็เป็นแชมป์ไป พอมาปีนี้ก็อาจจะมาป้องกันตำแหน่งหรือไม่มาก็ได้ ทำให้ปีต่อๆ ไปแชมป์ก็เปลี่ยนหน้าไปเรื่อย ไม่มีใครสามารถโปรโมทตัวเองได้อย่างจริงจังว่าเป็นแชมป์ตัวจริงของรายการ K-1
คิดแบบนี้แล้ว ทาง ผอ.เน็ด เลยบอกว่า ต่อไป K-1 จะจัดให้มีแชมป์ในแต่ละรุ่นของตัวเอง แล้วก็มีการจัดอันดับรองแชมป์กันไป แล้วใครอยากได้แชมป์ ก็มาท้าชิงจากเจ้าของตำแหน่งเป็นแต่ละไฟต์ไป พูดให้เข้าใจง่ายก็เหมือนตำแหน่งแชมป์โลกของมวยอาชีพสถาบันอย่าง WBA, WBC หรือสถาบันต่างๆ ที่เราคุ้นเคย ทั้งนี้ทั้งนั้น คนที่ได้แชมป์ในรายการ K-1 ปีนี้ ก็จะเป็นเจ้าของแชมป์ตัวจริงคนแรกไปเลย
ดูรูปการแล้ว เชื่อว่าทาง K-1 คงมองที่การโปรโมตศึกต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการวางรูปแบบแบบนี้มากกว่า เพราะต่อไปนี้ศึกทุกศึกก็กลายเป็นการชิงแชมป์โลก K-1 ไปเลย เหมือนการชิงแชมป์โลกต่างๆ ในมวยอาชีพ ต่างจากปัจจุบันที่เป็นแบบศึกโปรโมต ศึกรับเชิญ จนกว่าจะถึงรอบทัวร์นาเมนต์จริงๆ ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่ารูปแบบใหม่นี้จะประสบความสำเร็จแค่ไหน หรือจะวูบ เพราะพูดจริงๆ มวย K-1 การติดตามข่าวต่างๆ ก็ไม่กว้างขวางอย่างมวยอาชีพทั้งหลาย ตำแหน่งแชมป์โลก K-1 ชื่อชั้นจะขายได้ให้คนอยากมาท้าชิงตำแหน่งมากน้อยแค่ไหน มวยแม่เหล็กทั้งหลายจะเอาด้วยแค่ไหน ก็ต้องตามดูกันต่อไป
แต่ที่แน่ๆ มวยรอบ K-1 ปีนี้เลยคึกคักขึ้นมาอีกหลายเท่าอย่างช่วยไม่ได้ เพราะตอนนี้มีตำแหน่งแชมป์ตัวจริง K-1 คนแรก เป็นเดิมพันด้วยแล้ว แฟนมวยชาวไทยก็ต้องให้กำลังใจ “เจ้าดำ” บัวขาว บัญชาเมฆ ของเรา ให้คว้าแชมป์มาให้พวกเราได้ชื่นชมให้ได้ รวมทั้งเพื่อเปิดทางทำเงินในระยะยาวไปในตัวด้วยเลย แบบนี้ต้องลุย!
การแข่งขันคิกบ็อกซิ่งรายการ K-1 ในปีนี้ แฟนกีฬาศิลปะการต่อสู้ชาวไทยคงเฝ้าติดตามกันอย่างใจจดใจจ่อ เพราะยอดมวยของเราอย่าง “ดำดอทคอม” บัวขาว บัญชาเมฆ ได้รับเชิญเข้าร่วมสังฆกรรมด้วยและโชว์ฟอร์มสดเอาชนะน็อกยกแรกมวยดีความหวังที่จะปั้นของศึก K-1 อย่าง ดาบิด กาลโบ นักชกเจ้าถิ่นจากสเปน รอบ 16 คนสุดท้ายรุ่น 70 กก.ที่มายอร์กา เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และตอนนี้ก็รอผลการประกบคู่รอบ 8 คนสุดท้ายอยู่
แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี้ ทาง K-1 โดย เน็ด คุรุช ผู้อำนวยการด้านจัดหานักสู้และกิจกรรมทั่วโลก ได้ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการจัดศึกต่อจากนี้ไป ซึ่งจะเปลี่ยนรูปแบบที่เราคุ้นเคยกันไปเยอะเลยทีเดียว โดยท่าน ผอ.กล่าวว่า แฟนๆ ศึก K-1 ทั่วโลก อาจจะคุ้นเคยและสนุกกับรูปแบบการจัดการต่อสู้ในแบบทัวร์นาเมนต์ อย่างที่จัดๆ กันมานี้ แต่การจัดรูปแบบทัวร์นาเมนท์นี้มีข้อด้อย 2 ประการ
ประการแรก การจัดมวยรูปแบบทัวร์นาเมนต์ ทำให้มวยดังของรายการมีโอกาสที่จะ “แคล้วคลาด” ไม่ได้เจอกันสักทีได้ ซึ่งอาจเป็นเพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชิงตกรอบไปก่อน แบบนี้ก็ทำให้แฟนมวยอารมณ์ค้างกันได้ ส่วนประการที่สอง การจัดมวยรอบเป็นทัวร์นาเมนต์รายปี ทำให้ K-1 ไม่มี “แชมป์ตัวจริง” ของรายการ แชมป์ปีที่แล้ว ก็เป็นแชมป์ไป พอมาปีนี้ก็อาจจะมาป้องกันตำแหน่งหรือไม่มาก็ได้ ทำให้ปีต่อๆ ไปแชมป์ก็เปลี่ยนหน้าไปเรื่อย ไม่มีใครสามารถโปรโมทตัวเองได้อย่างจริงจังว่าเป็นแชมป์ตัวจริงของรายการ K-1
คิดแบบนี้แล้ว ทาง ผอ.เน็ด เลยบอกว่า ต่อไป K-1 จะจัดให้มีแชมป์ในแต่ละรุ่นของตัวเอง แล้วก็มีการจัดอันดับรองแชมป์กันไป แล้วใครอยากได้แชมป์ ก็มาท้าชิงจากเจ้าของตำแหน่งเป็นแต่ละไฟต์ไป พูดให้เข้าใจง่ายก็เหมือนตำแหน่งแชมป์โลกของมวยอาชีพสถาบันอย่าง WBA, WBC หรือสถาบันต่างๆ ที่เราคุ้นเคย ทั้งนี้ทั้งนั้น คนที่ได้แชมป์ในรายการ K-1 ปีนี้ ก็จะเป็นเจ้าของแชมป์ตัวจริงคนแรกไปเลย
ดูรูปการแล้ว เชื่อว่าทาง K-1 คงมองที่การโปรโมตศึกต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการวางรูปแบบแบบนี้มากกว่า เพราะต่อไปนี้ศึกทุกศึกก็กลายเป็นการชิงแชมป์โลก K-1 ไปเลย เหมือนการชิงแชมป์โลกต่างๆ ในมวยอาชีพ ต่างจากปัจจุบันที่เป็นแบบศึกโปรโมต ศึกรับเชิญ จนกว่าจะถึงรอบทัวร์นาเมนต์จริงๆ ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่ารูปแบบใหม่นี้จะประสบความสำเร็จแค่ไหน หรือจะวูบ เพราะพูดจริงๆ มวย K-1 การติดตามข่าวต่างๆ ก็ไม่กว้างขวางอย่างมวยอาชีพทั้งหลาย ตำแหน่งแชมป์โลก K-1 ชื่อชั้นจะขายได้ให้คนอยากมาท้าชิงตำแหน่งมากน้อยแค่ไหน มวยแม่เหล็กทั้งหลายจะเอาด้วยแค่ไหน ก็ต้องตามดูกันต่อไป
แต่ที่แน่ๆ มวยรอบ K-1 ปีนี้เลยคึกคักขึ้นมาอีกหลายเท่าอย่างช่วยไม่ได้ เพราะตอนนี้มีตำแหน่งแชมป์ตัวจริง K-1 คนแรก เป็นเดิมพันด้วยแล้ว แฟนมวยชาวไทยก็ต้องให้กำลังใจ “เจ้าดำ” บัวขาว บัญชาเมฆ ของเรา ให้คว้าแชมป์มาให้พวกเราได้ชื่นชมให้ได้ รวมทั้งเพื่อเปิดทางทำเงินในระยะยาวไปในตัวด้วยเลย แบบนี้ต้องลุย!