ASTV ผู้จัดการรายวัน – ชูถ้วยแชมป์ฟุตบอล ยามาฮ่า ลีก วัน ฤดูกาล 2013 อย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2556 สำหรับ แอร์ฟอร์ซ เอวิเอ เอฟซี หลังเปิดสนาม ธูปะเตมีย์ เสมอ ขอนแก่น เอฟซี 1-1 พร้อมสิทธิ์คืนสู่ลีกสูงสุดของประเทศรอบ 10 ปี ซึ่งถือเป็นการเตือนบรรดาสโมสรน้อยใหญ่ของ โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก ปีหน้า เพราะเหล่าผู้บริหารออกมาประกาศ 5 ปีจากนี้ “อินทรีทัพฟ้า” จะเขย่าบรรดาทีมหัวแถวให้สั่นสะเทือน
แอร์ฟอร์ซ เอวิเอ เอฟซี หรือ แอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด หรือชื่อเดิม “สโมสรทหารอากาศ” อดีตเต้ยลูกหนังเมืองไทย หากย้อนกลับไปเมื่อ 40-50 ปีที่แล้ว ต้องถือว่าคือเบอร์ 1 ของลูกหนังเมืองไทยอย่างแท้จริง การันตีด้วยแชมป์ไทยลีก 2 สมัย, แชมป์ถ้วย ก 14 สมัย, แชมป์ เอฟเอ คัพ 3 ครั้ง และแชมป์ ลีก คัพ อีก 2 ครั้ง อีกทั้งยังปลุกปั้นเหล่าแข้งฝีเท้าดีมาประดับวงการฟุตบอลไทยมากมาย อาทิ “เดอะ ตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน, ประทีป ปานขาว, ชลอ หงษ์ขจร, ส่งเสริม มาเพิ่ม, กัปนาท อั้งสูงเนิน ฯลฯ แต่หลังจากเลยจุดอิ่มตัว หลายทีมต่างทยอยเปลี่ยนรูปแบบการจัดการจากระบบราชการให้เป็นอาชีพมากขึ้น แต่กลับชะล่าใจจึงส่งผลให้ฤดูกาล 2003/2004 ต้องพบกับฝันร้ายจบซีซันด้วยตำแหน่งรองบ๊วยร่วงตกชั้นไปสู่ ดิวิชัน 1
หลังจากล้มลุกคลุกคลานในลีกรองถึงทศวรรษ รวมถึงได้ปรับโครงสร้างของทีมให้เป็นนิติบุคคลพร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น สโมสรแอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2010 ก่อนที่ฤดูกาลล่าสุดจะจับมือกับบริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด (AVIA) เปลี่ยนโฉมใหม่อีกครั้งเป็น แอร์ฟอร์ซ เอวิเอ เอฟซี โดยมีเม็ดเงินสนับสนุนกว่า 35 ล้านบาท ในที่สุดก็ได้กลับมาผงาดในลีกสูงสุดอีกครั้งในฐานะแชมเปียนส์ลีกวัน
นายศรัณย์ สันติพัฒนาชัย ประธานสโมสรผู้ที่เข้ามายกเครื่องทัพฟ้าใหม่จนกลับมาบินฉิวอีกครั้งได้กล่าวถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่าเป็นเพียงการค่อยๆ ก้าวเดินของทีม “ก่อนหน้านี้เราได้ศึกษาทุกทีมที่เปลี่ยนจากรูปแบบราชการไปเป็นทีมอาชีพก่อน เช่น ทหารบก, ทหารอากาศ, ราชนาวี, ท่าเรือ, ทหารบก จนรู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป กระทั่ง 4 ฤดกาลหลังสุดก็ได้ทำแบบจริงๆ จังๆ ซึ่งทุกอย่างก็ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศอย่างดี ผู้ใหญ่ทุกท่านเข้าใจ สามารถออกจากกรอบราชการมาทำทีมได้แบบอิสระ จึงทำให้หาสปอนเซอร์ง่ายขึ้น อย่างปีที่ผ่านมาก็มีงบให้ใช้ 36 ล้านบาท ทั้งหมดเป็นการก้าวอย่างช้าๆ เพราะเรารู้ดีว่าจู่ๆ จะมาทุ่มงบเพื่อหวังเปลี่ยนแปลงทันทีนั้นคงยาก ส่วนซีซันหน้าในลีกสูงสุดเป้าแรกขอแค่ไม่ต้องหนีตกชั้นเป็นพอ เพราะยังห่างไกลจากทีมใหญ่ๆ อยู่มาก”
“โดยจากนี้ฝ่ายบริหารจะเป็นคนกำหนดทิศทาง อาจเชิญผู้ที่มีความพร้อมและบารมีเข้ามาปรับปรุงในเรื่องการบริหารด้านสิทธิประโยชน์และการตลาด ส่วนตัวผู้เล่นจะให้ โค้ชเกลี้ยง นราศักดิ์ บุญเกลี้ยง ที่เพิ่งได้รับสัญญาใหม่เป็นผู้ดูแลทั้งหมด ดังนั้นเรื่องงบประมาณจึงผันแปรตามความต้องการของเฮดโค้ชว่าจะต้องใช้เท่าไหร่ และเมื่อผลงานในสนามออกมาดีสิ่งอื่นๆก็จะตามมา เห็นได้จากกองเชียร์ที่มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 3 พัน เป็น 5 พันคนต่อนัด และในอนาคตอาจเต็มความจุ 2.5 หมื่นคนของสนามกีฬาธูปะเตมีย์ ซึ่งหากทำได้เราก็จะมีแผนอื่นๆ ตามมาทีละขั้น เราจะค่อยๆ เดิน ผมเชื่อว่าขอเวลาอย่างน้อย 5 ปีจะต่อกรกับทีมใหญ่ได้แน่นอน” ประธาน แอร์ฟอร์ซ มั่นใจ
ด้าน พล.อ.ต.ณพล ฤาไชยคาม ผู้จัดการทีมกล่าวในแนวทางเดียวกันว่า “จากนี้ต้องทำโครงสร้างของนักเตะที่จะใช้ในฤดูกาลหน้า ดูว่ากองหน้าเรากับกองหลังทีมอื่นเป็นอย่างไร กองกลางเราสู้เขาได้ไหม ซึ่งตอนนี้เชื่อว่าผู้เล่นชุดปัจจุบันกว่า 90 เปอร์เซ็นต์จะอยู่กับทีมต่อไป จากนั้นเราต้องหาบิ๊กเนมที่ผ่านประสบการณ์ในไทยลีกมาเสริม บวกด้วยผู้เล่นดาวรุ่ง โดยคาดว่าจะมีงบราว 60 ล้านบาทให้ใช้สอย แต่ต้องบอกว่าการจะกลับไปประสบความสำเร็จเหมือนอดีตนั้นยาก เวลา 1-2 ปีคงทำไม่ได้ แต่สิ่งที่เราได้เปรียบคือได้ศึกษาการปรับเปลี่ยนของทุกทีมอย่างรอบคอบ เชื่อว่าหากมีประสบการณ์เพิ่มขึ้นไม่เกิน 5 ปีเราจะเทียบเคียงทีมใหญ่ได้แน่นอน”
ขณะที่ขุมกำลังภายใต้การคุมบังเหียนของ “โค้ชเกลี้ยง” นราศักดิ์ กุนซือใหญ่ เป็นการเปิดเกมรุกตามสไตล์ถนัด โดยมี คูอัสซี เยา แอร์กมันน์ ดาวซัลโวประจำทีม 16 ประตู ชาวไอวอรีโคสต์ เป็นตัวชูโรง ร่วมกับ เดวิด บายิฮา หอกแคเมอรูน และ เซซินันโด มิดฟิลด์โปรตุเกส ผนึกกำลังกับแข้งไทยอย่าง ศุภกร รามกุหลาบสุข ที่ยิงไป 7 ประตู, รังสรรค์ รูปเหมาะ, สันติภาพ ศิริ, กิตติพล ปาภูงา โดยมี รุ่งโรจน์ สว่างศรี คอยคุมหลังบ้าน และ แซมมวล ป.คันนิงแฮม เฝ้าเสา
จากนี้ต้องจับตาดูว่านกหลับจะกลับมาโบยบินและต่อกรกับเหล่าเสือ สิงห์ กระทิง แรด ในศึก ไทย พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2014 ได้ดีขนาดไหน รวมถึงจะสามารถบรรเลงเพลงแข้งสมกับ “ตำนาน” ลูกหนังไทยให้แฟนบอลรุ่นใหม่ต้องมนต์เหมือนครั้งอดีตได้หรือไม่
