"สิงโตคำราม" อังกฤษ จ่อเข้ารอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล หลังเปิดบ้านถล่ม มอนเตเนโกร 4-1 จาก เวย์น รูนีย์ , บรังโก บอสโควิช สกัดเข้าประตูตัวเอง , แอนดรอส ทาวน์เซนด์ และ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา
ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก กลุ่มเอช
อังกฤษ 4-1 มอนเตเนโกร
รอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือทีมชาติอังกฤษ เซอร์ไพรส์แฟนๆ ณ สนามเวมบลีย์ ส่ง อันดรอส ทาวน์เซนด์ ดาวรุ่งจาก ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ลงเป็นตัวจริง พร้อมจัด เวย์น รูนีย์ จับคู่ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ และ แดนนี เวลเบ็ค ล่าตาข่าย หวังเก็บ 3 แต้มเหนือ มอนเตเนโกร ที่นำมาโดย สเตฟาน โยเวติช ศูนย์หน้าจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี เพื่อโอกาสเข้ารอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2014
เสียงนกหวีดดังขึ้น อังกฤษ พับสนามบุกตั้งแต่ต้นเกม ก่อนได้ลุ้นนาที 23 เลห์ตัน เบนส์ ลุยขึ้นมาถึงสุดเส้นหลังด้านซ้าย แล้วจ่ายย้องมาให้ แดนนี เวลเบ็ค เลี้ยวมาทางมุมแคบ ก่อนแปยัดเสาแรกติดเซฟ วูคาซิน โพเล็คซิช ต่อมานาที 33 สตีเวน เจอร์ราร์ด ปั่นไซด์จากหัวกะโหลกด้านซ้าย บอลโค้งมาเสาสอง วูคาซิน โพเล็คซิช พุ่งปัดออกหลัง
เจ้าถิ่น บดต่อเนื่องและน่าได้ประตูขึ้นนำแบบสุดๆ นาที 40 อันดรอส ทาวน์เซนด์ หระชากจากกลางสนมมาถึงหน้าเขตโทษด้านขวา แล้วกดเรียดยัดเสาแรก โพเล็คซิช ล้มตัวปัดบอลมาเข้าทาง เวย์น รูนีย์ ทางเขตโทษด้านขวา แปซ้ำเข้าหน้าต่าง ต่อมา 4 นาที เจอร์ราร์ด เปิดเตะมุมฝั่งซ้ายล้นมาเสาสอง แดเนียล สเตอร์ริดจ์ จับหนึ่งจังหวะแล้วยิงแบบเน้นๆ ออกหลัง จบครึ่งแรก เสมอกัน 0-0
ครึ่งหลังเปิดฉากเพียง 4 นาที พลพรรค "สิงโตคำราม" ได้เฮ ทาวน์เซนด์ กระชากจากกลางสนามขึ้นมาทางริมเส้นด้านขวา แล้วเปิดเข้ากลาง แนวรับคู่แข่ง สกัดมาเข้าทาง เวลเบ็ค วิ่งมาแปเรียดบนเส้นเขตโทษด้านซ้าย โพเล็คซิช ล้มตัวปัดมาเข้าทาง รูนีย์ ซ้ำจ่อๆ ลอดแขนนายทวาร มอนเตเนโกร ซุกก้นตาข่าย
เข้าสู่นาที 55 มอนเตเนโกร หวิดตีเสมอ นิโคลา ดรินซิช เปิดฟรีคิกจากซ้ายมากลางประตู เดยัน ดามยาโนวิช โหม่งเสยบอลพุ่งมาทางเสาสอง โจ ฮาร์ท พุ่งปัดออกมาได้ ต่อมา 7 นาที แชมป์โลก 1 สมัย โขยกหนี 2-0 สเตอร์ริดจ์ พักบอลทางริมเส้นด้านซ้าย แล้วตอกส้นมาให้ แดนนี เวลเบ็ค หลุดเข้าเขตโทษ ก่อนเปิดเรียดเข้ากลาง บรังโก บอสโควิช สกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเอง
นาที 63 ทีมเยือน น่าได้ประตูตีไข่แตกแบบสุดๆ สเตฟาน โยเวติช ตะบันเต็มแรงระยะประมาณ 20 หลา บอลพุ่งชนสามเหลี่ยมขวามือ จากนั้น 6 นาที "เดอะ ทรี ไลออนส์" เกือบได้ลูก 3 สเตอร์ริดจ์ แทงทะลุช่องให้ รูนีย์ หลุดเข้าเขตโทษด้านซ้าย แล้วหักเรียดย้อนมาให้ เจอร์ราร์ด วิ่งมายิงไม่เต็มเท้า หลุดกรอบอย่างน่าเสียดาย
แม้ แข้งเมืองผู้ดี ดูคึกคักและคุมสถานการณ์ไว้ทั้งหมด แต่กลับมาพลาดถูกตีตื้นนาที 71 ฟาตอส เบคิราจ์ ตัวสำรอง กึ่งยิงกึ่งผ่านจากนอกเขตโทษด้านขวา ดามยาโนวิช เช็กไลน์อย่างแม่นยำ สอดมาสะกิดเปลี่ยนทางบอลผ่านมือ ฮาร์ท เสียบมุมเสาไกล จากนั้น นาที ทีมของ รอย ฮ็อดจ์สัน ทิ้งห่าง ทาวน์เซนด์ ตัดบอลจากกลางสนาม ก่อนเลี้ยงมาถึงหน้าหัวกะโหลก แล้วอัดเต็มแรงด้วยขวา บอลติดไซด์ก้อยชนเสาขวามือตุงตาข่าย
ช่วงเวลาที่เหลือ ทีมของ รอย ฮ็อดจ์สัน ถอยลงมาแพ็กเกมรับ ปล่อยให้ มอนเตเนโกร ครองบอลบุกอย่างต่อเนื่อง ก่อนมาเสียจุดโทษช่วงทดเจ็บ สเตอร์ริดจ์ หลุดมาถึงสุดเส้นหลังฝั่งซ้าย ก่อนโดนสักด้านหลังล้มลง ผู้ตัดสินเป่าจุดโทษ ดาวยิงจาก ลิเวอร์พูล แปด้วยซ้ายเสียบมุมขวามือ จบเกม อังกฤษ เอาชนะไป 4-1 เก็บเพิ่มเป็น 19 แต้ม จาก 9 นัด ยึดจ่าฝูงกลุ่มเอช ไว้ได้ ทิ้งห่าง ยูเครน ที่พิชิต โปแลนด์ 1-0 จากประตูชัยของ อังเดร ยาร์โมเลนโก นาที 64 เพียง 1 แต้ม
รายชื่อ 11 ตัวจริง
อังกฤษ : โจ ฮาร์ท , คายล์ วอล์คเกอร์ , เลห์ตัน เบนส์ , แกรี เคฮิลล์ , ฟิล จากิลกา , สตีเวน เจอร์ราร์ด , แฟรงค์ แลมพาร์ด , อันดรอส ทาวน์เซนด์ , แดนนี เวลเบ็ค , แดเนียล สเตอร์ริดจ์ , เวย์น รูนีย์
มอนเตเนโกร : วูคาซิน โพเล็คซิช , ซาโว พาวิเซวิช , มิลาน โบวาโนวิช , อิวาน เคโคเยวิช , สเตฟาน ซาวิช , วลาดิเมียร์ โวลคอฟ , สเตฟาน โยเวติช , เอลซาด ซเวโรติช , นิโคลา ดรินซิช , บรังโก บอสโควิช , เดยัน ดามยาโนวิช
ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก กลุ่มเอช
อังกฤษ 4-1 มอนเตเนโกร
รอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือทีมชาติอังกฤษ เซอร์ไพรส์แฟนๆ ณ สนามเวมบลีย์ ส่ง อันดรอส ทาวน์เซนด์ ดาวรุ่งจาก ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ลงเป็นตัวจริง พร้อมจัด เวย์น รูนีย์ จับคู่ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ และ แดนนี เวลเบ็ค ล่าตาข่าย หวังเก็บ 3 แต้มเหนือ มอนเตเนโกร ที่นำมาโดย สเตฟาน โยเวติช ศูนย์หน้าจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี เพื่อโอกาสเข้ารอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2014
เสียงนกหวีดดังขึ้น อังกฤษ พับสนามบุกตั้งแต่ต้นเกม ก่อนได้ลุ้นนาที 23 เลห์ตัน เบนส์ ลุยขึ้นมาถึงสุดเส้นหลังด้านซ้าย แล้วจ่ายย้องมาให้ แดนนี เวลเบ็ค เลี้ยวมาทางมุมแคบ ก่อนแปยัดเสาแรกติดเซฟ วูคาซิน โพเล็คซิช ต่อมานาที 33 สตีเวน เจอร์ราร์ด ปั่นไซด์จากหัวกะโหลกด้านซ้าย บอลโค้งมาเสาสอง วูคาซิน โพเล็คซิช พุ่งปัดออกหลัง
เจ้าถิ่น บดต่อเนื่องและน่าได้ประตูขึ้นนำแบบสุดๆ นาที 40 อันดรอส ทาวน์เซนด์ หระชากจากกลางสนมมาถึงหน้าเขตโทษด้านขวา แล้วกดเรียดยัดเสาแรก โพเล็คซิช ล้มตัวปัดบอลมาเข้าทาง เวย์น รูนีย์ ทางเขตโทษด้านขวา แปซ้ำเข้าหน้าต่าง ต่อมา 4 นาที เจอร์ราร์ด เปิดเตะมุมฝั่งซ้ายล้นมาเสาสอง แดเนียล สเตอร์ริดจ์ จับหนึ่งจังหวะแล้วยิงแบบเน้นๆ ออกหลัง จบครึ่งแรก เสมอกัน 0-0
ครึ่งหลังเปิดฉากเพียง 4 นาที พลพรรค "สิงโตคำราม" ได้เฮ ทาวน์เซนด์ กระชากจากกลางสนามขึ้นมาทางริมเส้นด้านขวา แล้วเปิดเข้ากลาง แนวรับคู่แข่ง สกัดมาเข้าทาง เวลเบ็ค วิ่งมาแปเรียดบนเส้นเขตโทษด้านซ้าย โพเล็คซิช ล้มตัวปัดมาเข้าทาง รูนีย์ ซ้ำจ่อๆ ลอดแขนนายทวาร มอนเตเนโกร ซุกก้นตาข่าย
เข้าสู่นาที 55 มอนเตเนโกร หวิดตีเสมอ นิโคลา ดรินซิช เปิดฟรีคิกจากซ้ายมากลางประตู เดยัน ดามยาโนวิช โหม่งเสยบอลพุ่งมาทางเสาสอง โจ ฮาร์ท พุ่งปัดออกมาได้ ต่อมา 7 นาที แชมป์โลก 1 สมัย โขยกหนี 2-0 สเตอร์ริดจ์ พักบอลทางริมเส้นด้านซ้าย แล้วตอกส้นมาให้ แดนนี เวลเบ็ค หลุดเข้าเขตโทษ ก่อนเปิดเรียดเข้ากลาง บรังโก บอสโควิช สกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเอง
นาที 63 ทีมเยือน น่าได้ประตูตีไข่แตกแบบสุดๆ สเตฟาน โยเวติช ตะบันเต็มแรงระยะประมาณ 20 หลา บอลพุ่งชนสามเหลี่ยมขวามือ จากนั้น 6 นาที "เดอะ ทรี ไลออนส์" เกือบได้ลูก 3 สเตอร์ริดจ์ แทงทะลุช่องให้ รูนีย์ หลุดเข้าเขตโทษด้านซ้าย แล้วหักเรียดย้อนมาให้ เจอร์ราร์ด วิ่งมายิงไม่เต็มเท้า หลุดกรอบอย่างน่าเสียดาย
แม้ แข้งเมืองผู้ดี ดูคึกคักและคุมสถานการณ์ไว้ทั้งหมด แต่กลับมาพลาดถูกตีตื้นนาที 71 ฟาตอส เบคิราจ์ ตัวสำรอง กึ่งยิงกึ่งผ่านจากนอกเขตโทษด้านขวา ดามยาโนวิช เช็กไลน์อย่างแม่นยำ สอดมาสะกิดเปลี่ยนทางบอลผ่านมือ ฮาร์ท เสียบมุมเสาไกล จากนั้น นาที ทีมของ รอย ฮ็อดจ์สัน ทิ้งห่าง ทาวน์เซนด์ ตัดบอลจากกลางสนาม ก่อนเลี้ยงมาถึงหน้าหัวกะโหลก แล้วอัดเต็มแรงด้วยขวา บอลติดไซด์ก้อยชนเสาขวามือตุงตาข่าย
ช่วงเวลาที่เหลือ ทีมของ รอย ฮ็อดจ์สัน ถอยลงมาแพ็กเกมรับ ปล่อยให้ มอนเตเนโกร ครองบอลบุกอย่างต่อเนื่อง ก่อนมาเสียจุดโทษช่วงทดเจ็บ สเตอร์ริดจ์ หลุดมาถึงสุดเส้นหลังฝั่งซ้าย ก่อนโดนสักด้านหลังล้มลง ผู้ตัดสินเป่าจุดโทษ ดาวยิงจาก ลิเวอร์พูล แปด้วยซ้ายเสียบมุมขวามือ จบเกม อังกฤษ เอาชนะไป 4-1 เก็บเพิ่มเป็น 19 แต้ม จาก 9 นัด ยึดจ่าฝูงกลุ่มเอช ไว้ได้ ทิ้งห่าง ยูเครน ที่พิชิต โปแลนด์ 1-0 จากประตูชัยของ อังเดร ยาร์โมเลนโก นาที 64 เพียง 1 แต้ม
รายชื่อ 11 ตัวจริง
อังกฤษ : โจ ฮาร์ท , คายล์ วอล์คเกอร์ , เลห์ตัน เบนส์ , แกรี เคฮิลล์ , ฟิล จากิลกา , สตีเวน เจอร์ราร์ด , แฟรงค์ แลมพาร์ด , อันดรอส ทาวน์เซนด์ , แดนนี เวลเบ็ค , แดเนียล สเตอร์ริดจ์ , เวย์น รูนีย์
มอนเตเนโกร : วูคาซิน โพเล็คซิช , ซาโว พาวิเซวิช , มิลาน โบวาโนวิช , อิวาน เคโคเยวิช , สเตฟาน ซาวิช , วลาดิเมียร์ โวลคอฟ , สเตฟาน โยเวติช , เอลซาด ซเวโรติช , นิโคลา ดรินซิช , บรังโก บอสโควิช , เดยัน ดามยาโนวิช
