ASTV ผู้จัดการรายวัน – นาทีนี้ความแรงของ รัชนก อินทนนท์ สาวน้อยนักแบดมินตันวัย 18 ปี กระแสยังคงมีต่อเนื่อง หลังสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์โลกที่จีนได้สำเร็จ แน่นอนว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้น นอกเหนือจากความมุ่งมั่นขยันฝึกซ้อมอย่างหนัก ส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้แก่ เซียะ จือหัว โค้ชผู้เปรียบเสมือน “พ่อพิมพ์” ผู้อยู่เบื้องหลังชัยชนะอันยิ่งใหญ่บนแผ่นดินมังกร ถือเป็นเทรนเนอร์คู่ใจของ “น้องเมย์” มาตลอด 12 ปี ที่ผ่านมา
โดยทีมข่าว MGR Sport มีโอกาสไปนั่งจับเข่าคุยกับอดีตนักตบลูกขนไก่ทีมชาติจีน วัย 47 ปี ผู้รับหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนให้แก่โรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2534 ซึ่งกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการค้นพบ รัชนก ว่า “ผมได้เห็น น้องเมย์ ตั้งแต่เขาเกิด เคยมีโอกาสเลี้ยงดูอยู่พักหนึ่งช่วงที่พ่อแม่ของเขาติดงานที่โรงงานทำขนมทองหยอด ตอนนั้น เมย์ เป็นเด็กที่ตัวเล็ก ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง พ่อแม่จึงให้มาเล่นแบดมินตัน และผมก็ได้รับหน้าที่ดูแลการซ้อมให้ เมย์ ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ มาจนถึงทุกวันนี้”
โค้ช เซียะ เล่าให้ฟังต่อว่า หลังจากสอนได้สักพักจึงส่งให้ รัชนก ลงแข่งขันรายการแรกที่จังหวัดอุดรธานี ปรากฏว่าสาวน้อยวัย 7 ขวบ ณ เวลานั้น คว้าแชมป์มาครองได้ทันที จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ผู้ฝึกสอนจากแดนมังกร เข้าไปคุยกับ คุณกมลา ทองกร ผู้อำนวยการประจำบ้านทองหยอด เพื่อดึงตัว รัชนก มาซ้อมแบบเต็มเวลา โดยหมายมั่นที่จะปั้นสาวน้อยคนนี้ไปสู่ความสำเร็จ ภายหลังได้รับอนุญาตจาก “แม่ปุก” และครอบครัว “น้องเมย์” ก็ได้กลายเป็นลูกศิษย์ประจำ ร่วมออกเดินทางไปล่ารางวัลด้วยกันในหลายรายการทั่วโลก
เมื่อถามถึงเรื่องวิธีการฝึกซ้อม เซียะ จือหัว แจกแจงถึงโปรแกรมของ น้องเมย์ และนักกีฬาคนอื่นๆ ในบ้านทองหยอดให้ฟังอย่างละเอียดว่า “ผมใช้วิธีสอนแบบเดียวกับจีน แต่คงไม่โหดเท่า โดยทุกวันต้องตื่นนอนตั้งแต่ตี 5 เพื่อออกกำลังและวิดพื้นเสริมสร้างกำลังแขน แล้วปล่อยให้แยกย้ายไปโรงเรียน พอเลิกเรียนก็ต้องกลับมาซ้อมในคอร์ตอีก ซึ่งวันธรรมดาจะซ้อมกัน 5 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย แต่ถ้าเสาร์-อาทิตย์ ซ้อมหนัก 7 ชั่วโมง เรียกได้ว่า 365 วัน ซ้อมไม่มีวันหยุด ขณะเดียวกันก็ต้องควบคุมอาหารเพื่อรักษารูปร่างให้พร้อมสำหรับแข่งขันอยู่ตลอด”
“การซ้อมของผมแตกต่างจากสมาคมแบดมินตันฯ เท่าที่ทราบโค้ชที่สมาคมจะเน้นเรื่องพละกำลังมากกว่า ส่วนผมเน้นเรื่องเทคนิคและการอ่านเกมแบบเดียวกับโค้ชที่เมืองจีนสอน ซึ่งก็ได้ผลเพราะที่ผ่านมามีนักแบดมินตันของเราออกไปแข่งแล้วได้แชมป์กลับมาหลายรายการ ขณะที่ น้องเมย์ เป็นเด็กที่สอนง่าย และเรียนรู้เทคนิคต่างๆ ได้เร็ว มีวินัยสูงมาก ไม่เคยงอแงหรือออกลูกดื้อให้เห็น” โค้ชเล่าอย่างอารมณ์ดี
ทั้งนี้ ผู้ฝึกสอนชาวจีน กล่าวเสริมถึงวิธีสอนนักกีฬาให้รับมือกับความกดดันยามลงสนามด้วยว่า “เป็นเรื่องธรรมดาที่นักกีฬาต้องเผชิญกับความกดดันไม่ว่าลงแข่งที่บ้าน หรือต่างประเทศ ผมก็ได้ย้ำเตือนเสมอว่าเวลาแข่งให้มุ่งสมาธิไปที่คู่แข่งเพียงอย่างเดียว อย่าสนใจสิ่งรอบข้าง แมตช์ชิงแชมป์โลกกับ หลี่ เสวี่ยรุ่ย มือ 1 ของโลกที่จีน น้องเมย์ ตามอยู่ 12-19 ในเซตแรก ผมสังเกตเห็นว่าเขาดูอ่อนล้าพอสมควรจึงเข้าไปกระตุ้นว่าต้องสู้นะ อีกก้าวเดียวก็จะถึงเส้นชัยแล้ว ซึ่งก็ได้ผล เมย์ ฮึดกลับมาสู้จนในที่สุดก็มาตามตีเสมอและชนะคู่แข่งจนได้แชมป์ในที่สุด”
นอกจากนี้ โค้ชเซียะ ยังเผยถึงประสบการณ์ที่ได้ออกทัวร์นาเมนต์ร่วมกับ รัชนก ในฐานะโค้ชประจำตัวว่า คอกีฬาแบดมินตันที่จีนชื่นชอบ รัชนก เป็นอย่างมาก ด้วยกิริยามารยาทที่น่ารัก ยกมือไหว้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ตัดสินหรือเจ้าหน้าที่เช็ดพื้นสนาม ด้วยความที่เป็นนักกีฬาที่ลงเล่นด้วยอารมณ์ยิ้มแย้มแจ่มใส บวกกับผลงานอันยอดเยี่ยม ทำให้แฟนๆ ต้อนรับอบอุ่น และยังตั้งฉายาให้ด้วยว่า “เทียน ฉาย เส้า หลุ่ย” (แปลว่า สาวน้อยมหัศจรรย์)
เซียะ จือหัว แสดงความเห็นว่า ปัจจุบัน รัชนก มีศักยภาพที่แข็งแกร่งไม่แพ้นักตบลูกขนไก่ของจีนแล้ว ไม่ว่าจะเป็น หลี่ เสวี่ยรุ่ย หรือ หวัง ยี ฮาน เป็นรองแค่เรื่องเดียวเท่านั้นคือ สภาพร่างกายและพละกำลังที่ยังสู้คู่แข่งจากจีนไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวก็มั่นใจว่าเมื่อนักกีฬาในความดูแลมีอายุเพิ่มขึ้น ศักยภาพของ น้องเมย์ จะเปล่งประกายและกวาดความสำเร็จได้มากกว่านี้อีก ไม่ว่าจะเป็นรายการชิงแชมป์โลกที่ต้องกลับไปป้องกัน รวมถึงมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ โอลิมปิกเกมส์ อีก 4 ปีข้างหน้าที่สาวน้อยวัย 18 ปี ตั้งใจกลับไปแก้ตัวที่บราซิล
“สำหรับผม แบดมินตัน คือกีฬาที่ไม่มีวันสิ้นสุด คุณได้แชมป์โลกก็จริง แต่ก็ต้องซ้อมให้หนักขึ้น ประพฤติตัวให้เหมือนอย่างที่เคยเป็น เพื่อกลับไปป้องกันแชมป์อีกหลายสมัย จนกว่าจะไม่มีใครสู้คุณได้ ดังนั้นคุณต้องพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง อย่าหยุดอยู่กับที่ หาก น้องเมย์ ยังรักษามาตรฐานไว้ได้ทั้งเรื่องผลงาน วินัยในสนาม โอลิมปิกครั้งหน้าผมเชื่อมั่นว่าจะมีเหรียญติดมือกลับมา ส่วนผมก็จะอยู่เคียงข้าง เมย์ ตอ่ไปเช่นกัน” โค้ชชาวจีนทิ้งท้าย