คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
แฟนชาวไทยคงยังจำชื่อยอดนักชกแดนมังกรอย่าง ซู ซิหมิง ได้ดีนะครับ เพราะเป็นคนที่หักอกนักมวยไทยบ่อยที่สุดแล้วในบรรดามวยสากลสมัครเล่นรุ่นเล็กๆ ทั้งหลาย โดยเฉพาะล่าสุด โอลิมปิก ลอนดอน เกมส์ 2012 ที่เอาชนะ แก้ว พงษ์ประยูร รอบชิงเหรียญทองรุ่นฟลายเวต ชนิดคาใจทุกคนที่ได้ดูการชกในวันนั้น
ล่าสุด ซู ซิหมิง ที่ขยับไปชกอาชีพและชนะคะแนนในการชก 4 ยกประเดิมมาได้แล้วในไฟต์แรกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีกำหนดขึ้นเวทีในแบบอาชีพเป็นไฟต์ที่ 2 วันเสาร์นี้ (28 ก.ค.) ที่สังเวียน เวเนเชียน โคตัย อารีนา เขตปกครองพิเศษมาเก๊า โดยจะพบกับมวยสร้างเหมือนกันชาวเม็กซิกัน เฮซุส ออร์เตกา เจ้าของสถิติชนะ 3 แพ้ 1 โดยที่ชนะมานั้นเป็นการชนะน็อกถึง 2 ไฟต์ทีเดียว เรียกว่าบอกเซอร์ชาวจีนจะเผลอไม่ได้ ไฟต์นี้กำหนดชกกัน 6 ยก
งานนี้ ซู ซิหมิงที่ได้เซ็นสัญญาชกอาชีพภายใต้สังกัดท็อปแรงค์ โดยการจัดของโปรโมเตอร์ระดับโลกอย่าง บ๊อบ อารัม และมีเทรนเนอร์แนวหน้าอย่าง เฟร็ดดี โรช รู้ตัวดีว่าต้องโชว์ฟอร์มให้เตะตาแฟนมวยมากกว่าที่ผ่านมา และคงจะรู้แล้วว่าสไตล์ต่อยแล้วหนีอย่างที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วในมวยสากลสมัครเล่นนั้น ใช้ไม่ได้กับมวยสากลอาชีพ
เพราะหลังการชกไฟต์แรก มวยดังแดนมังกรรายนี้โดนโจมตีมากพอสมควรถึงสไตล์การชกที่ไม่ประทับใจ และชัยชนะที่ได้มาแบบไม่สวยงาม ซึ่งแกก็ออกตัวว่าเป็นไฟต์แรก ยังตื่นเต้น และยังปรับสไตล์ไม่ได้จริงๆ แต่ตอนนี้ซ้อมหนัก โดยเฉพาะมีการเพิ่มน้ำหนักหมัดขึ้น และเชื่อว่าจะทำได้ดีขึ้นแน่นอน ซึ่งดูจากภาพข่าวที่ออกมา ก็จะเห็นว่ามีการสร้างกล้ามเนื้อหัวไหล่และต้นแขนขึ้นมาปึ้กกว่าเดิมมากเหมือนกันนะครับ แต่จะทำได้ดีจริงแค่ไหนในการปรับเปลี่ยนสไตล์การชกก็คงอยู่บนเวทีอีกทีนึง
ส่วนเทรนเนอร์อย่าง เฟร็ดดี โรช ก็อัดลูกศิษย์ตัวเองไม่เลี้ยงเหมือนกัน โดยบอกเลยว่า ซู ซิหมิง จะต้องสร้างความประทับใจให้ได้มากกว่านี้ และต้องชนะใจคนดูด้วยการชกบนเวที ไม่ใช่แค่อาศัยบารมีเก่าๆ ไม่อย่างนั้นเส้นทางอาชีพไปไม่ถึงไหนแน่ โดยเฉพาะอายุอานามก็ปาเข้าไป 32 ปีแล้ว เหลือเวลากอบโกยบนเวทีอีกไม่มากนักแล้ว
ซึ่งอันนี้ทาง เฟร็ดดี โรช ไม่ได้พูดหรอก ผมพูดแทนโปรโมเตอร์อย่าง บ๊อบ อารัม เอง เพราะทางท็อปแรงค์ก็ทุ่มทุนไปเยอะ ถ้าเกิด อาหมิง ไม่สามารถแจ้งเกิดได้ ก็มีหวังเข้าเนื้อเห็นๆ จะหวังฐานแฟนมวยชาวจีนอย่างเดียวคงลำบาก ต้องหวังขายชื่อในระดับโลกจริงๆ ให้ได้
แต่ทางท็อปแรงค์เองก็ไม่ได้รีบร้อนมากนะครับ กะว่าค่อยๆ ปั้น ค่อยๆ สร้างกระดูก วางแผนไว้ใช้เวลา 1-2 ปีเหมือนกัน ซึ่งก็จะเห็นว่าไฟต์แรกก็ชกแค่ 4 ยก ไฟต์นี้ขยับเป็น 6 ยก แล้วก็คงดูอีกทีว่าไหวแค่ไหน จะขยับไปเป็น 10 ยก หรืออยู่ที่ 6 ยกต่อไปก่อน ก็เป็นวิธีสร้างแบบฝรั่งเขา
แฟนมวยชาวไทยก็คงต้องจับตาดูเส้นทางของ ซู ซิหมิง ต่อไป ถ้าแกก้าวไปได้แชมป์โลกและกลายเป็นมวยแม่เหล็กในระดับโลกได้จริง นักมวยไทยก็มีโอกาสกอบโกยจากแกลุ้นไปเป็นคู่ชกได้เหมือนกัน เพราะมวยรุ่นเล็กๆ อย่างนี้เราก็มีที่พอจะลุ้นอยู่หลายคน เรื่องเข็มขัดเป็นเรื่องรอง แค่ได้เรียกตัวไปชิงด้วยก็น่าจะได้หลายอยู่ น่าลุ้นครับ
แฟนชาวไทยคงยังจำชื่อยอดนักชกแดนมังกรอย่าง ซู ซิหมิง ได้ดีนะครับ เพราะเป็นคนที่หักอกนักมวยไทยบ่อยที่สุดแล้วในบรรดามวยสากลสมัครเล่นรุ่นเล็กๆ ทั้งหลาย โดยเฉพาะล่าสุด โอลิมปิก ลอนดอน เกมส์ 2012 ที่เอาชนะ แก้ว พงษ์ประยูร รอบชิงเหรียญทองรุ่นฟลายเวต ชนิดคาใจทุกคนที่ได้ดูการชกในวันนั้น
ล่าสุด ซู ซิหมิง ที่ขยับไปชกอาชีพและชนะคะแนนในการชก 4 ยกประเดิมมาได้แล้วในไฟต์แรกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีกำหนดขึ้นเวทีในแบบอาชีพเป็นไฟต์ที่ 2 วันเสาร์นี้ (28 ก.ค.) ที่สังเวียน เวเนเชียน โคตัย อารีนา เขตปกครองพิเศษมาเก๊า โดยจะพบกับมวยสร้างเหมือนกันชาวเม็กซิกัน เฮซุส ออร์เตกา เจ้าของสถิติชนะ 3 แพ้ 1 โดยที่ชนะมานั้นเป็นการชนะน็อกถึง 2 ไฟต์ทีเดียว เรียกว่าบอกเซอร์ชาวจีนจะเผลอไม่ได้ ไฟต์นี้กำหนดชกกัน 6 ยก
งานนี้ ซู ซิหมิงที่ได้เซ็นสัญญาชกอาชีพภายใต้สังกัดท็อปแรงค์ โดยการจัดของโปรโมเตอร์ระดับโลกอย่าง บ๊อบ อารัม และมีเทรนเนอร์แนวหน้าอย่าง เฟร็ดดี โรช รู้ตัวดีว่าต้องโชว์ฟอร์มให้เตะตาแฟนมวยมากกว่าที่ผ่านมา และคงจะรู้แล้วว่าสไตล์ต่อยแล้วหนีอย่างที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วในมวยสากลสมัครเล่นนั้น ใช้ไม่ได้กับมวยสากลอาชีพ
เพราะหลังการชกไฟต์แรก มวยดังแดนมังกรรายนี้โดนโจมตีมากพอสมควรถึงสไตล์การชกที่ไม่ประทับใจ และชัยชนะที่ได้มาแบบไม่สวยงาม ซึ่งแกก็ออกตัวว่าเป็นไฟต์แรก ยังตื่นเต้น และยังปรับสไตล์ไม่ได้จริงๆ แต่ตอนนี้ซ้อมหนัก โดยเฉพาะมีการเพิ่มน้ำหนักหมัดขึ้น และเชื่อว่าจะทำได้ดีขึ้นแน่นอน ซึ่งดูจากภาพข่าวที่ออกมา ก็จะเห็นว่ามีการสร้างกล้ามเนื้อหัวไหล่และต้นแขนขึ้นมาปึ้กกว่าเดิมมากเหมือนกันนะครับ แต่จะทำได้ดีจริงแค่ไหนในการปรับเปลี่ยนสไตล์การชกก็คงอยู่บนเวทีอีกทีนึง
ส่วนเทรนเนอร์อย่าง เฟร็ดดี โรช ก็อัดลูกศิษย์ตัวเองไม่เลี้ยงเหมือนกัน โดยบอกเลยว่า ซู ซิหมิง จะต้องสร้างความประทับใจให้ได้มากกว่านี้ และต้องชนะใจคนดูด้วยการชกบนเวที ไม่ใช่แค่อาศัยบารมีเก่าๆ ไม่อย่างนั้นเส้นทางอาชีพไปไม่ถึงไหนแน่ โดยเฉพาะอายุอานามก็ปาเข้าไป 32 ปีแล้ว เหลือเวลากอบโกยบนเวทีอีกไม่มากนักแล้ว
ซึ่งอันนี้ทาง เฟร็ดดี โรช ไม่ได้พูดหรอก ผมพูดแทนโปรโมเตอร์อย่าง บ๊อบ อารัม เอง เพราะทางท็อปแรงค์ก็ทุ่มทุนไปเยอะ ถ้าเกิด อาหมิง ไม่สามารถแจ้งเกิดได้ ก็มีหวังเข้าเนื้อเห็นๆ จะหวังฐานแฟนมวยชาวจีนอย่างเดียวคงลำบาก ต้องหวังขายชื่อในระดับโลกจริงๆ ให้ได้
แต่ทางท็อปแรงค์เองก็ไม่ได้รีบร้อนมากนะครับ กะว่าค่อยๆ ปั้น ค่อยๆ สร้างกระดูก วางแผนไว้ใช้เวลา 1-2 ปีเหมือนกัน ซึ่งก็จะเห็นว่าไฟต์แรกก็ชกแค่ 4 ยก ไฟต์นี้ขยับเป็น 6 ยก แล้วก็คงดูอีกทีว่าไหวแค่ไหน จะขยับไปเป็น 10 ยก หรืออยู่ที่ 6 ยกต่อไปก่อน ก็เป็นวิธีสร้างแบบฝรั่งเขา
แฟนมวยชาวไทยก็คงต้องจับตาดูเส้นทางของ ซู ซิหมิง ต่อไป ถ้าแกก้าวไปได้แชมป์โลกและกลายเป็นมวยแม่เหล็กในระดับโลกได้จริง นักมวยไทยก็มีโอกาสกอบโกยจากแกลุ้นไปเป็นคู่ชกได้เหมือนกัน เพราะมวยรุ่นเล็กๆ อย่างนี้เราก็มีที่พอจะลุ้นอยู่หลายคน เรื่องเข็มขัดเป็นเรื่องรอง แค่ได้เรียกตัวไปชิงด้วยก็น่าจะได้หลายอยู่ น่าลุ้นครับ