เอเยนซี - นับเป็นสัปดาห์ที่โปรแกรมกอล์ฟ พีจีเอ ทัวร์ กลับมาคึกคักอีกครั้ง เมื่อทัวร์นาเมนต์ที่ถูกยกให้เป็นเสมือนเมเจอร์ที่ 5 อย่าง “เดอะ เพลเยอร์ส แชมเปียนชิป” มีคิวเปิดฉากแข่งขันระหว่างวันที่ 9-12 พฤษภาคม และด้วยความยากของสังเวียน ทีพีซี ซอว์กราสส์ กอปรกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเมื่อต้นสัปดาห์ ทำให้สนามอาจไม่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ดังนั้นเหล่าเซียนสวิงนำเอา 3 ปัจจัยมาวิเคราะห์ผนวกกับโอกาสของ 4 ก้านเหล็กตัวเต็ง ในการพาตัวเองไปสู่ตำแหน่งแชมป์
ปัจจัยแรก พยายามให้ลูกอยู่บนแฟร์เวย์-หลายต่อหลายครั้งที่ ทีพีซี ซอว์กราสส์ ถูกยกให้เป็นสนามปราบเซียนมีชื่อเสียงมากที่สุดไม่แพ้ ออกัสตา สังเวียนแข่ง “เดอะ มาสเตอร์ส” ด้วยระยะ 7,215 หลา และแฟร์เวย์แคบกว่าสนามอื่นๆ ทำให้นักกอล์ฟตีหลุดนอกรัฟและเปลี่ยนมาเล่นช็อตแก้ไข จนไม่สามารถควมคุมสกอร์ในแต่ละวันได้อย่างที่วางแผนไว้ “เดอะ เพลเยอร์ส” คราวนี้ไม่เพียงตีให้ได้ระยะ แต่ต้องเพิ่มความแม่นยำอีกเป็นเท่าตัว
ปัจจัยที่ 2 คุมระยะตีจากแฟร์เวย์สู่กรีน - นอกจากความแม่นยำที่ต้องพลาดน้อยที่สุดในการทีออฟ จังหวะตีลูกจากแฟร์เวย์เพื่อเลือกจุดตกบนกรีน หรือหน้ากรีนถือเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญซึ่งก้านเหล็กที่หวังแชมป์ใบนี้จะมองข้ามไม่ได้ ด้วยสภาพสนามที่ถูกพายุถล่มหนักคงไม่มีโปรหน้าไหนอยากเล่น 2-3 พัตต์ หรือเสี่ยงพัตต์จากไกลมากกว่า 20 ฟุต เพื่อเซฟพาร์ในหลุมนั้นๆ อย่างแน่นอน
ปัจจัยที่ 3 ลุ้นความสมบูรณ์ของกรีน - ตามสภาพอากาศที่ปกติกรีนบนสนาม ทีพีซี ซอว์กราสส์ จะเป็นกรีนนุ่มและลูกวิ่งเร็ว ทว่าเมื่อได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก บางหลุมถูกน้ำท่วมสูงถึง 5-10 นิ้ว ตามรายงานจากฝ่ายจัดการแข่งขัน ต้องปิดสนามปรับปรุง 1 วันเต็มๆ โดยสิ่งที่โปรกอล์ฟชื่อดังหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือสภาพกรีนที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละหลุม ซึ่งตามปัจจัยที่ 2 หากต้องพัตต์เกินระยะ 10-15 ฟุต จะมีโอกาสพลาดสูงกว่าปกติ
ขณะที่บรรดานักกอล์ฟ 4 ราย ซึ่งถูกยกเป็นตัวเต็งแชมป์รายการนี้ สปอตไลท์ดวงแรกย่อมต้องส่องไปที่โปรมือ 1 ของโลกอย่าง ไทเกอร์ วูดส์ โดยมี ฟิล มิคเคลสัน โปรรุ่นพี่อีกหนึ่งขวัญใจอเมริกันชนที่ฟอร์มกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น เป็นผู้ร่วมชิงชัย รวมไปถึง รอรีย์ แม็คอิลรอย ดาวรุ่งจากไอร์แลนด์เหนือ และ อดัม สกอตต์ ชาวออสซี
ไทเกอร์ วูดส์ - พักการแข่งขันมา 3 รายการนับตั้งแต่จบอันดับ 4 “เดอะมาสเตอร์ส” กลางเดือนเมษายน แต่เจ้าตัวยืนยันหลังลงซ้อมวันแรกว่า ฟอร์มไม่มีสะดุดแน่นอน โดยยังรู้สึกว่าเล่นได้เหมือนช่วงต้นปีที่สามารถคว้าแชมป์มาครองได้ 3 รายการ แต่สถิติที่น่าห่วงและต้องปรับของ “พญาเสือ” คือซีซันนี้ทีออฟตกกลางแฟร์เพียงแค่ 55.7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนการพัตต์หากอยู่ในระยะ 8-10 ฟุต วูดส์ ไม่มีพลาด
ฟิล มิคเคลสัน - แชมป์เก่ารายการนี้เมื่อปี 2007 เพิ่งทำหมูหกในรอบสุดท้าย “เวลส์ ฟาร์โก แชมเปียนชิป” เมื่อสัปดาห์ก่อน ด้วยการเสีย 2 โบกี พลาดลุ้นเพลย์ออฟหวุดหวิด จบที่ 3 ร่วม แต่เป็นการจบท็อปทรีถึง 3 ครั้งใน 10 รายการหลังสุด มีสถิติตีขึ้นกรีนเฉลี่ย 67.98 เปอร์เซ็นต์ สูงสุดในบรรดา 4 ตัวเต็ง และทำเบอร์ดี 4.68 ครั้งต่อรอบ
อดัม สกอตต์ - เพิ่งคว้าแชมป์ “เดอะ มาสเตอร์ส 2013” มาสดๆ ร้อนๆ และมีดีกรีเป็นแชมป์รายการนี้เมื่อปี 2004 ความหวังของโปรวัย 32 ปี ไม่ต่างจาก ไทเกอร์ ที่หวังคว้าแชมป์ “เดอะ เพลเยอร์ส” ให้ได้เป็นสมัยที่ 2 ทั้งนี้โปรออสเตรเลีย ยังพกสถิติสุดหรูด้วยการทำสกอร์เฉลี่ยในฤดูกาลนี้ดีที่สุดในทัวร์ที่ 69.02 ต่อรอบ แต่ความแม่นยำในการพัตต์เบอร์ดีกลับตรงกันข้ามเฉลี่ยแค่ 33.51 เปอร์เซ็นต์
รอรีย์ แม็คอิลรอย - เริ่มกลับเข้าที่เข้าทางหลังจากฟอร์มออกทะเล เนื่องจากเปลี่ยนสปอนเซอร์ใหม่ แต่ยังไม่มีแชมป์ติดมือในฤดูกาลนี้ ในแง่สถิติ “รอร์ส” ไม่ต่างจาก ไทเกอร์ ที่มีปัญหาเรื่องความแม่นยำในการไดร์ฟ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 58.16 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น งานนี้ถือเป็นอีกไฮไลต์ที่โปรมือ 1 และ 2 ของโลกต้องดวลความแม่น เมื่อต้องเจอกับแฟร์เวย์แคบๆ ของทีพีซี ซอว์กราสส์ ซึ่งหากยังไม่แม่นเหมือนเดิม ปีนี้แฟนกอล์ฟของทั้งคู่คงต้องลุ้นกันเหนื่อยทีเดียว