คอลัมน์ “Final Quarter” โดย “ลุงแซม”
ย้อนกลับไปเกือบ 20 ปีก่อน เอ็นบีเอ (NBA) มีการบรรจุแฟรนไชส์จากแคนาดา อย่าง โตรอนโต แร็พเตอร์ส และ แวนคูเวอร์ กริซลีย์ส เข้ามาร่วมวงยัดห่วงอาชีพในสหรัฐอเมริกา ตอนนั้นรู้สึกว่า “ไดโนเสาร์” สร้างสีสันให้กับวงการได้มากกว่า ด้วยการมีสตาร์อย่าง “ที-แม็ค” เทรซีย์ แม็คเกรดี, “แอร์ แคนาดา” วินซ์ คาร์เตอร์ หรือว่า คริส บอช เจ้าของฉายา “อวตาร” คอยสลับขึ้นมาช่วยทีม ทว่าเป็นเพียงกระแสวูบวาบแล้วหายไป ไม่เคยใกล้เคียงกับโอกาสประสบความสำเร็จ
ในส่วนของ กริซลีย์ส ในฐานะแวนคูเวอร์ ผู้เขียนแทบนึกชื่อสตาร์ของพวกเขาไม่ออก ผุดขึ้นมาในความคิดที่พอจำได้ก็มี ชารีฟ อับดูร์ ราฮิม หรือว่า ไมค์ บิบบี เท่านี้จริงๆ โดยแฟรนไชส์แห่งนี้ใช้เวลาเติบโตพอสมควร นับตั้งแต่ย้ายถิ่นฐานออกจากแคนาดาปี 2001 (ก่อตั้งปี 1995) มาปักหลักยังเมมฟิส จาก “ลูกหมี” ตัวเล็กๆ ตอนนี้สามารถพูดได้ว่ากลายสภาพเป็น “พญาหมี” ที่พร้อมตะปบทุกทีม รวมถึงประกาศศักดาความแกร่งทางฝั่งตะวันตก
จากทีมที่ไม่เคยได้สัมผัสเพลย์ออฟ 8 ฤดูกาลแรกที่เข้ามาโลดแล่นใน NBA ณ ปัจจุบัน กริซลีย์ส เริ่มทำตัวเป็นขาประจำในโพสต์ซีซัน 2 ฤดูกาลก่อน เคยเข้าถึงรอบตัดเชือกก่อนพ่าย โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ ฉิวเฉียด 3-4 เกม ปีก่อนก็ปราชัย แอลเอ คลิปเปอร์ส ชิงชัยกันถึงฎีกา มาซีซันนี้ ลิโอเนล โฮลลินส์ หัวหน้าโค้ชวัย 59 ปี กลับมาคุมบังเหียนพาทีมฟันฝ่าอยู่ในซีรีส์ลุ้นถอนแค้น “โอเคซี” และโอกาสทองก็มาถึงแล้วเมื่อ “กริซซ์” ฉกเกมสำคัญมาจากโอกลาโฮมา ด้วยชัยชนะที่สวยงาม 99-93 ทั้งที่อันที่จริง “เจ้าหมี” น่าฉีกห่าง 2-0 เกมด้วยซ้ำ เนื่องจากขึ้นนำห่างถึงสองหลักในเกมแรก แต่ดันมาโดนทีเด็ด เควิน ดูแรนท์ ปล่อยของช่วงสำคัญก่อนหมดเวลาเพียง 11.1 วินาที
จากการได้ติดตามสถานการณ์ในคู่นี้ ต้องบอกว่า สกอตต์ บรูกส์ เฮดโค้ช “โอเคซี” เจองานท้าทายยิ่ง โจทย์ก็คือ ใครจะขึ้นมาทำแต้มแทน รัสเซลล์ เวสต์บรูก เพื่อผ่อนภาระ “เคดี” ซึ่งเกมแรก เควิน มาร์ติน ผลงานเยี่ยมส่องไป 25 แต้ม ทว่าเกมสองกลับไม่มีทีเด็ดจากม้านั่งสำรองเหมือนเดิม มาร์ติน เจ้าของท่า (ชู้ต) ยาก เจอใส่กุญแจโดย โทนี อัลเลน เลยไปไม่เป็น ฟิลด์โกลลงแค่ 2 จาก 11 หน ได้ไป 6 แต้มซึ่งน้อยเกินไป นี่ขนาดคุณน้า ดีเร็ค ฟิสเชอร์ อุตส่าห์กดตั้ง 19 แต้ม ไม่รวมกับที่ ดูแรนท์ เกือบได้ “ทริปเปิล-ดับเบิล” 36 แต้ม 11 รีบาวนด์ 9 แอสซิสต์ ธันเดอร์ ยังไม่สามารถพลิกสถานการณ์เอาตัวรอดได้
งานนี้ “โอเคซี” ที่ว่าแน่ๆ ทำเฉลี่ยในฤดูกาลปกติ 105.7 แต้ม (อันดับ 3 ของลีก) ยังไม่สามารถเจาะ กริซลีย์ส เกินร้อยเลยทั้งสองเกม ก็ไม่ต้องแปลกใจไปเพราะ “เจ้าหมี” ขึ้นชื่อเรื่องหนังเหนียว เรคกูลาซีซันเสียเฉลี่ยแค่เกมละ 89.3 แต้ม ปล่อยให้คู่แข่งยิงฟิลด์โลกลงเพียง 43.5 เปอร์เซ็นต์ และนี่ก็เป็นปัญหาที่ ธันเดอร์ กำลังเผชิญอยู่เรื่องของการชู้ตที่แม่นยำน้อยลงไปมาก ในเมื่อคุณส่องระยะกลางถึงไกลไม่ค่อยซวบ วิธีแก้เบื้องต้นน่าจะเป็นการใช้เกม “วงใน” ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในซีรีส์รอบสองคู่นี้คือ เซิร์จ อิบากา ต้องมาพะวงกับเกมป้องกัน แซ็ค แรนดอล์ฟ โอเคเรายังพอเห็น “บล็อกช็อต” สำคัญๆ แต่เรื่องเกมรุกต้องบอกว่า “แอร์ คองโก” ดูขึ้นไม่ค่อยเต็มไม้เต็มมือเท่าที่ควร ส่วนอีกจุดที่เห็นความต่างอย่างชัดเจนหนีไม่พ้น เคนดริก เพอร์กินส์ ซึ่งสูงเพียง 6 ฟุต 10 นิ้ว เจอ มาร์ค กาซอล เซ็นเตอร์สเปนร่าง 7 ฟุต 1 นิ้ว ทับใส่บ่อยครั้ง แถมยังดึงตัวเองมาปล่อยบอลระยะกลางได้อย่างเห็นผล หาก บรูกส์ ยังแก้ในจุดนี้ไม่ตก ยังคงพึ่งพาแต่ “เคดี” มากเกินไป เส้นทางของ ธันเดอร์ อาจถูกตัดขาดแต่เพียงเท่านี้ ขณะที่ทางด้าน กริซลีย์ส ถ้าเกิดฝ่าไปถึงรอบชิงคอนเฟอเรนซ์ เกมใต้แป้นก็ยังแกร่งกว่า ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส หรือ โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส งานนี้เห็นทีแฟนๆ “กริซซ์” อาจเริ่มฝันถึงการเข้าไปลุ้น “แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี” เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์แล้วก็ได้
ย้อนกลับไปเกือบ 20 ปีก่อน เอ็นบีเอ (NBA) มีการบรรจุแฟรนไชส์จากแคนาดา อย่าง โตรอนโต แร็พเตอร์ส และ แวนคูเวอร์ กริซลีย์ส เข้ามาร่วมวงยัดห่วงอาชีพในสหรัฐอเมริกา ตอนนั้นรู้สึกว่า “ไดโนเสาร์” สร้างสีสันให้กับวงการได้มากกว่า ด้วยการมีสตาร์อย่าง “ที-แม็ค” เทรซีย์ แม็คเกรดี, “แอร์ แคนาดา” วินซ์ คาร์เตอร์ หรือว่า คริส บอช เจ้าของฉายา “อวตาร” คอยสลับขึ้นมาช่วยทีม ทว่าเป็นเพียงกระแสวูบวาบแล้วหายไป ไม่เคยใกล้เคียงกับโอกาสประสบความสำเร็จ
ในส่วนของ กริซลีย์ส ในฐานะแวนคูเวอร์ ผู้เขียนแทบนึกชื่อสตาร์ของพวกเขาไม่ออก ผุดขึ้นมาในความคิดที่พอจำได้ก็มี ชารีฟ อับดูร์ ราฮิม หรือว่า ไมค์ บิบบี เท่านี้จริงๆ โดยแฟรนไชส์แห่งนี้ใช้เวลาเติบโตพอสมควร นับตั้งแต่ย้ายถิ่นฐานออกจากแคนาดาปี 2001 (ก่อตั้งปี 1995) มาปักหลักยังเมมฟิส จาก “ลูกหมี” ตัวเล็กๆ ตอนนี้สามารถพูดได้ว่ากลายสภาพเป็น “พญาหมี” ที่พร้อมตะปบทุกทีม รวมถึงประกาศศักดาความแกร่งทางฝั่งตะวันตก
จากทีมที่ไม่เคยได้สัมผัสเพลย์ออฟ 8 ฤดูกาลแรกที่เข้ามาโลดแล่นใน NBA ณ ปัจจุบัน กริซลีย์ส เริ่มทำตัวเป็นขาประจำในโพสต์ซีซัน 2 ฤดูกาลก่อน เคยเข้าถึงรอบตัดเชือกก่อนพ่าย โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ ฉิวเฉียด 3-4 เกม ปีก่อนก็ปราชัย แอลเอ คลิปเปอร์ส ชิงชัยกันถึงฎีกา มาซีซันนี้ ลิโอเนล โฮลลินส์ หัวหน้าโค้ชวัย 59 ปี กลับมาคุมบังเหียนพาทีมฟันฝ่าอยู่ในซีรีส์ลุ้นถอนแค้น “โอเคซี” และโอกาสทองก็มาถึงแล้วเมื่อ “กริซซ์” ฉกเกมสำคัญมาจากโอกลาโฮมา ด้วยชัยชนะที่สวยงาม 99-93 ทั้งที่อันที่จริง “เจ้าหมี” น่าฉีกห่าง 2-0 เกมด้วยซ้ำ เนื่องจากขึ้นนำห่างถึงสองหลักในเกมแรก แต่ดันมาโดนทีเด็ด เควิน ดูแรนท์ ปล่อยของช่วงสำคัญก่อนหมดเวลาเพียง 11.1 วินาที
จากการได้ติดตามสถานการณ์ในคู่นี้ ต้องบอกว่า สกอตต์ บรูกส์ เฮดโค้ช “โอเคซี” เจองานท้าทายยิ่ง โจทย์ก็คือ ใครจะขึ้นมาทำแต้มแทน รัสเซลล์ เวสต์บรูก เพื่อผ่อนภาระ “เคดี” ซึ่งเกมแรก เควิน มาร์ติน ผลงานเยี่ยมส่องไป 25 แต้ม ทว่าเกมสองกลับไม่มีทีเด็ดจากม้านั่งสำรองเหมือนเดิม มาร์ติน เจ้าของท่า (ชู้ต) ยาก เจอใส่กุญแจโดย โทนี อัลเลน เลยไปไม่เป็น ฟิลด์โกลลงแค่ 2 จาก 11 หน ได้ไป 6 แต้มซึ่งน้อยเกินไป นี่ขนาดคุณน้า ดีเร็ค ฟิสเชอร์ อุตส่าห์กดตั้ง 19 แต้ม ไม่รวมกับที่ ดูแรนท์ เกือบได้ “ทริปเปิล-ดับเบิล” 36 แต้ม 11 รีบาวนด์ 9 แอสซิสต์ ธันเดอร์ ยังไม่สามารถพลิกสถานการณ์เอาตัวรอดได้
งานนี้ “โอเคซี” ที่ว่าแน่ๆ ทำเฉลี่ยในฤดูกาลปกติ 105.7 แต้ม (อันดับ 3 ของลีก) ยังไม่สามารถเจาะ กริซลีย์ส เกินร้อยเลยทั้งสองเกม ก็ไม่ต้องแปลกใจไปเพราะ “เจ้าหมี” ขึ้นชื่อเรื่องหนังเหนียว เรคกูลาซีซันเสียเฉลี่ยแค่เกมละ 89.3 แต้ม ปล่อยให้คู่แข่งยิงฟิลด์โลกลงเพียง 43.5 เปอร์เซ็นต์ และนี่ก็เป็นปัญหาที่ ธันเดอร์ กำลังเผชิญอยู่เรื่องของการชู้ตที่แม่นยำน้อยลงไปมาก ในเมื่อคุณส่องระยะกลางถึงไกลไม่ค่อยซวบ วิธีแก้เบื้องต้นน่าจะเป็นการใช้เกม “วงใน” ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในซีรีส์รอบสองคู่นี้คือ เซิร์จ อิบากา ต้องมาพะวงกับเกมป้องกัน แซ็ค แรนดอล์ฟ โอเคเรายังพอเห็น “บล็อกช็อต” สำคัญๆ แต่เรื่องเกมรุกต้องบอกว่า “แอร์ คองโก” ดูขึ้นไม่ค่อยเต็มไม้เต็มมือเท่าที่ควร ส่วนอีกจุดที่เห็นความต่างอย่างชัดเจนหนีไม่พ้น เคนดริก เพอร์กินส์ ซึ่งสูงเพียง 6 ฟุต 10 นิ้ว เจอ มาร์ค กาซอล เซ็นเตอร์สเปนร่าง 7 ฟุต 1 นิ้ว ทับใส่บ่อยครั้ง แถมยังดึงตัวเองมาปล่อยบอลระยะกลางได้อย่างเห็นผล หาก บรูกส์ ยังแก้ในจุดนี้ไม่ตก ยังคงพึ่งพาแต่ “เคดี” มากเกินไป เส้นทางของ ธันเดอร์ อาจถูกตัดขาดแต่เพียงเท่านี้ ขณะที่ทางด้าน กริซลีย์ส ถ้าเกิดฝ่าไปถึงรอบชิงคอนเฟอเรนซ์ เกมใต้แป้นก็ยังแกร่งกว่า ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส หรือ โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส งานนี้เห็นทีแฟนๆ “กริซซ์” อาจเริ่มฝันถึงการเข้าไปลุ้น “แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี” เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์แล้วก็ได้