คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
ถ้าเป็นการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศ ข้อกำหนด กฎ ระเบียบ วิธีปฏิบัติ ก็อาจจัดทำขึ้นมาเองอย่างไรก็ได้ แต่ในเมื่อต้องเข้าไปร่วมกิจกรรมกับนานาชาติ มันก็คงต้องทำตัวตามแนวทางที่เขาตกลงพร้อมใจกันตั้งกติกาขึ้นมา และอาจถือโอกาสปรับตัวเอง ทำ กฎ กติกาที่ใช้กับการแข่งขันภายในประเทศบางเรื่องให้เป็นไปตามระบบสากลเสียเลย
ก็เนื่องจากฟุตบอลสโมสรของไทยกำลังไปไกล และอาจเป็นบรรทัดฐานสำหรับการบริหารจัดการภายในประเทศเพื่อทำให้ใครต่อใครได้คุ้นเคยเอาไว้ วันนี้ ผมจึงขอหยิบยกเรื่องเกี่ยวกับข้อกำหนดในการแข่งขันฟุตบอลชิงแช้มพ์สโมสรทวีปเอเชียบางส่วนมาเล่าให้ฟังครับ
เรื่องการให้สัมภาษณ์นั้น ถ้าทาง สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี หรือจะเป็นทาง เวิร์ลด์ สปอร์ท กรุ๊พ (World Sport Group - WSG) ซี่งเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ขอมา แต่ละทีมต้องจัดให้หัวหน้าโค้ชและนักเตะ 1 คนมาให้สัมภาษณ์ก่อนการแข่งขันเป็นเวลาไม่เกิน 10 นาที อันนี้เป็นทำข่าวแจกไปให้แก่ผู้ที่ซื้อลิขสิทธิ์ทั่วเอเชียและจะได้เผยแพร่ในเว็บไซ้ท์ของ เอเอฟซี ด้วย
แต่ก่อนนี้ผมเคยเห็นการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลที่ทางผู้ดำเนินการถ่ายทอดเข้าไปสัมภาษณ์โค้ชขณะเกมยังดำเนินอยู่เลย ซึ่งอันนี้ทาง เอเอฟซี ไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นนักเตะหรือเจ้าหน้าที่ทีม ทั้งระหว่างการแข่งขันที่ข้างสนามหรือบริเวณใกล้เคียง อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ที่ดูแลทางด้านสื่อของ เอเอฟซี หรือ ทางเจ้าบ้าน อาจจัดพื้นที่ให้ ใครอยากสัมภาษณ์ด่วนจี๋หลังจบเกมใหม่ๆ ก็ต้องไปตรงนั้น
ในทางปฏิบัติที่ผ่านมา เท่าที่ผมเห็น เขาจะมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนก่อนการแข่งขัน 1 วัน โดยนำเอาหัวหน้าโค้ชและนักเตะมานั่งแถลง อันนี้เปิดโดกาสให้สื่อมวลชนยิงคำถามด้วย ฝ่ายหนึ่งก็ราว 10 นาที แล้วจะมีการแถลงอีกครั้งก็หลังเกมครับ
คราวนี้ข้ามไปดูเรื่องเงิน แต่ละสโมสรที่เป็นเจ้าบ้านจะมีรายได้จากการขายบัตรเข้าชม โดยจะมีบัตรจำนวนหนี่งที่จัดมอบให้กับ เอเอฟซี นอกนั้นสามารถเก็บค่าบัตรเข้าชมการแข่งขันได้เต็มๆเลย ไม่ต้องถูกหักค่าต๋ง ยกเว้นในนัดชิงชนะเลิศเท่านั้นที่ต้องแบ่งสัดส่วน 20 เพอร์เซ็นท์ ไปให้ทีมเยือน และอีก 10 เพอร์เซ็นท์ ให้แก่ เอเอฟซี เพื่อนำไปบำเพ็ญประโยชน์ตอบแทนสังคม
ในรอบน็อค เอ้าท์ 16 ทีม เงินสนับสนุนการเดินทางในฐานะทีมเยือนที่เรียกว่า Travel subsidy เพิ่มเป็น 40,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส หรือประมาณ 1.2 ล้าน บาท และจะเพิ่มขึ้นอีกรอบละ 10,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส จนถึงรอบรองชนะเลิศ
ในกรณีที่ได้แช้มพ์ ทีมชนะเลิศจะได้รับถ้วยรางวัลของ เอเอฟซี นำไปครอบครองไว้เพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น ซึ่งก็จะมีการจัดทำถ้วยจำลองลดขนาดลงเหลือไม่เกิน 4/5 ส่วนเทียบกับโทรฟี่ของจริงมอบให้เป็นกรรมสิทธิ์ไป และยังได้รับเหรียญทองในฐานะแช้มพ์ด้วย โดยทาง เอเอฟซี เขาทำไว้ให้ 45 เหรียญ เพื่อมอบให้ทั้งนักเตะและเจ้าหน้าที่ทีม ซึ่งของทีมรองแช้มพ์ก็จะเป็นเหรียญเงิน อย่างไรก็ตาม ถ้าทางทีมอยากได้เหรียญเพิ่มก็ทำเรื่องขอไปทาง เอเอฟซี ได้ แต่ต้องออกค่าใช้จ่ายเองนะครับ สำหรับเงินรางวัลในปีนี้ ทาง เอเอฟซี มอบให้ทีมชนะเลิศ 1.5 ล้าน ยูเอส ดอลเล่อร์ส หรือประมาณ 45 ล้าน บาท ส่วนรองแช้มพ์ได้ครึ่งหนึ่ง
ถ้าเป็นการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศ ข้อกำหนด กฎ ระเบียบ วิธีปฏิบัติ ก็อาจจัดทำขึ้นมาเองอย่างไรก็ได้ แต่ในเมื่อต้องเข้าไปร่วมกิจกรรมกับนานาชาติ มันก็คงต้องทำตัวตามแนวทางที่เขาตกลงพร้อมใจกันตั้งกติกาขึ้นมา และอาจถือโอกาสปรับตัวเอง ทำ กฎ กติกาที่ใช้กับการแข่งขันภายในประเทศบางเรื่องให้เป็นไปตามระบบสากลเสียเลย
ก็เนื่องจากฟุตบอลสโมสรของไทยกำลังไปไกล และอาจเป็นบรรทัดฐานสำหรับการบริหารจัดการภายในประเทศเพื่อทำให้ใครต่อใครได้คุ้นเคยเอาไว้ วันนี้ ผมจึงขอหยิบยกเรื่องเกี่ยวกับข้อกำหนดในการแข่งขันฟุตบอลชิงแช้มพ์สโมสรทวีปเอเชียบางส่วนมาเล่าให้ฟังครับ
เรื่องการให้สัมภาษณ์นั้น ถ้าทาง สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี หรือจะเป็นทาง เวิร์ลด์ สปอร์ท กรุ๊พ (World Sport Group - WSG) ซี่งเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ขอมา แต่ละทีมต้องจัดให้หัวหน้าโค้ชและนักเตะ 1 คนมาให้สัมภาษณ์ก่อนการแข่งขันเป็นเวลาไม่เกิน 10 นาที อันนี้เป็นทำข่าวแจกไปให้แก่ผู้ที่ซื้อลิขสิทธิ์ทั่วเอเชียและจะได้เผยแพร่ในเว็บไซ้ท์ของ เอเอฟซี ด้วย
แต่ก่อนนี้ผมเคยเห็นการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลที่ทางผู้ดำเนินการถ่ายทอดเข้าไปสัมภาษณ์โค้ชขณะเกมยังดำเนินอยู่เลย ซึ่งอันนี้ทาง เอเอฟซี ไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นนักเตะหรือเจ้าหน้าที่ทีม ทั้งระหว่างการแข่งขันที่ข้างสนามหรือบริเวณใกล้เคียง อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ที่ดูแลทางด้านสื่อของ เอเอฟซี หรือ ทางเจ้าบ้าน อาจจัดพื้นที่ให้ ใครอยากสัมภาษณ์ด่วนจี๋หลังจบเกมใหม่ๆ ก็ต้องไปตรงนั้น
ในทางปฏิบัติที่ผ่านมา เท่าที่ผมเห็น เขาจะมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนก่อนการแข่งขัน 1 วัน โดยนำเอาหัวหน้าโค้ชและนักเตะมานั่งแถลง อันนี้เปิดโดกาสให้สื่อมวลชนยิงคำถามด้วย ฝ่ายหนึ่งก็ราว 10 นาที แล้วจะมีการแถลงอีกครั้งก็หลังเกมครับ
คราวนี้ข้ามไปดูเรื่องเงิน แต่ละสโมสรที่เป็นเจ้าบ้านจะมีรายได้จากการขายบัตรเข้าชม โดยจะมีบัตรจำนวนหนี่งที่จัดมอบให้กับ เอเอฟซี นอกนั้นสามารถเก็บค่าบัตรเข้าชมการแข่งขันได้เต็มๆเลย ไม่ต้องถูกหักค่าต๋ง ยกเว้นในนัดชิงชนะเลิศเท่านั้นที่ต้องแบ่งสัดส่วน 20 เพอร์เซ็นท์ ไปให้ทีมเยือน และอีก 10 เพอร์เซ็นท์ ให้แก่ เอเอฟซี เพื่อนำไปบำเพ็ญประโยชน์ตอบแทนสังคม
ในรอบน็อค เอ้าท์ 16 ทีม เงินสนับสนุนการเดินทางในฐานะทีมเยือนที่เรียกว่า Travel subsidy เพิ่มเป็น 40,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส หรือประมาณ 1.2 ล้าน บาท และจะเพิ่มขึ้นอีกรอบละ 10,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส จนถึงรอบรองชนะเลิศ
ในกรณีที่ได้แช้มพ์ ทีมชนะเลิศจะได้รับถ้วยรางวัลของ เอเอฟซี นำไปครอบครองไว้เพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น ซึ่งก็จะมีการจัดทำถ้วยจำลองลดขนาดลงเหลือไม่เกิน 4/5 ส่วนเทียบกับโทรฟี่ของจริงมอบให้เป็นกรรมสิทธิ์ไป และยังได้รับเหรียญทองในฐานะแช้มพ์ด้วย โดยทาง เอเอฟซี เขาทำไว้ให้ 45 เหรียญ เพื่อมอบให้ทั้งนักเตะและเจ้าหน้าที่ทีม ซึ่งของทีมรองแช้มพ์ก็จะเป็นเหรียญเงิน อย่างไรก็ตาม ถ้าทางทีมอยากได้เหรียญเพิ่มก็ทำเรื่องขอไปทาง เอเอฟซี ได้ แต่ต้องออกค่าใช้จ่ายเองนะครับ สำหรับเงินรางวัลในปีนี้ ทาง เอเอฟซี มอบให้ทีมชนะเลิศ 1.5 ล้าน ยูเอส ดอลเล่อร์ส หรือประมาณ 45 ล้าน บาท ส่วนรองแช้มพ์ได้ครึ่งหนึ่ง
