ถึงเวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “เดอะ ร็อกเกต” หรือ รอนนี โอ ซุลลิแวน ยอดนักสอยคิวชาวอังกฤษ หลังคว้าแชมป์สนุกเกอร์ชิงแชมป์โลกสมัยที่ 5 มาครองได้สำเร็จ โดยจอมแม่นรูวัย 37 ปี ผู้มีบ้านเกิดแถบเวสต์มิดแลนด์ เริ่มต้นโลดแล่นบนโต๊ะสักหลาดด้วยวัยเพียง 16 ปี จากการเล่นอาชีพในปี 1992 และสามารถคว้าแชมป์ “ยูเค แชมเปียนชิป” ในปี 1993 หลังกำราบ สตีเฟน เฮนดรี ยอดนักแทงมือ 1 โลกในเวลานั้น พร้อมสร้างสถิติเป็นนักกีฬาวัยเพียง 17 ปี 358 วันที่คว้าแชมป์รายการนี้ ก่อนจะหยิบแชมป์ “บริติช โอเพน” ได้ในปีเดียวกัน แถมจบฤดูกาลจากการก้าวขึ้นรั้งอันดับ 9 ของโลก หลังจากก็ได้รับการจับตามองว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุด โดยฤดูกาล 1995-1996 คว้าแชมป์รายการ “เดอะ มาสเตอร์” ที่เป็นทัวร์นาเมนต์ชิงเงินรางวัลสูงสุดด้วยการเอาชนะ จอห์น ฮิกกินส์
ด้วยลีลาการปล่อยคิวที่ร้อนแรง ดุดัน โดยสไตล์ของ รอนนี เป็นที่จดจำในหมู่เซียนสนุกเกอร์จากการเล่นด้วยความรวดเร็ว กล้าได้กล้าเสีย จนเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ เป็นอย่างมาก ทว่าด้วยพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมของนักสอยคิวสุดฮอตในเวลานั้น ต้องมีรอยด่างเมื่อเจ้าตัวโดน อแลงค์ โรบิดูซ์ เข้าร้องต่อสมาคมสนุกเกอร์อาชีพว่าแสดงพฤติกรรมไม่ให้เกียรติกันเมื่อดันไปเล่นใช้มือขวา สลับซ้ายระหว่างการแข่งขัน พร้อมกับโดนปรับเงินถึง 10,000 ปอนด์ (ประมาณ 460,000 บาท) ซึ่งภายหลังเจ้าตัวได้ออกมาแถลงขอโทษว่าไม่ได้ตั้งใจลบหลู่คู่แข่งแต่อย่างใด
เข้าสู่ฤดูกาล 1996/97 รอนนี ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง หลังคว้าแชมป์ “เอเชียน คลาสสิก” และ “เยอรมัน โอเพน” โดยเฉพาะรายการหลังเป็นการเอาชนะ โรบิดูซ์ คู่กรณีเก่าในนัดชิงชนะเลิศ ขณะเดียวกันยังสร้างชื่อด้วยการทำ “แม็กซิมัม เบรก” 147 คะแนน ในการดวลกับ มิกค์ ไพรซ์ และถือเป็นการทำ “แม็กซิมัม เบรก” ที่รวดเร็วที่สุดในโลกด้วยเวลา 5 นาที 20 วินาที
ขณะที่ฤดูกาล 2000/01 นักสอยคิวรายนี้สร้างเกียรติประวัติด้วยการคว้าแชมป์โลกได้เป็นครั้งแรกจากการเอาชนะ จอห์น ฮิกกินส์ พร้อมกับจบฤดูกาลด้วยการเป็นมือ 2 ของโลก ก่อนที่จะก้าวเป็นมือ 1 โลกได้อย่างเต็มภาคภูมิในฤดูกาล 2002/03 หลังจากนั้น รอนนี ยังคงรักษาตำแหน่งมือ 1 ของโลกอย่างเหนียวแน่นมาได้อีก 4 ฤดูกาล พร้อมกับการคว้าแชมป์สนุกเกอร์โลกมาครองได้อีก 3 สมัย รวมเป็น 4 สมัย ก่อนที่จะประกาศถอนตัวจากการแข่งขันฤดูกาล 2012/13 ด้วยเหตุผลส่วนตัว
ซึ่งเหตุผลส่วนตัวของ “เดอะ ร็อกเกต” รายนี้มีการวิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในวงการสอยคิวเมืองผู้ดี อาทิ ต้องการให้เวลากับบุตรชายและครอบครัวมากขึ้น รวมทั้งเจ้าตัวยังมีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ตัวเอง ถึงขนาดเคยเดินออกจากการแข่งขันสนุกเกอร์ชิงแชมป์สหราชอาณาจักร รอบก่อนรองชนะเลิศ ขณะดวลกับ สตีเฟน เฮนดรี อดีตมือ 1 โลกชาวสกอตแลนด์มาแล้วในปี 2006 ซึ่งมีกระแสข่าวว่ามีปัญหากับอาการซึมเศร้าอย่างหนัก จนต้องเข้ารักษากับนักจิตวิทยาฝีมือดีอย่าง ดร.สตีฟ ปีเตอร์ส และช่วยเหลือปรับสภาพจิตใจของยอดนักสอยคิวชาวเมืองผู้ดีรายนี้มาโดยตลอด จนสามารถกลับมาป้องกันแชมป์โลกได้ในปี 2013
แม้จะคว้าแชมป์สนุกเกอร์โลกสมัยที่ 5 มาครองได้แล้ว แต่นักสอยคิววัย 37 ปี ยอมรับว่า ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะได้เห็นเขาร่วมการแข่งขันที่สังเวียน ครูซิเบิล เธียเตอร์ เมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ อีกหรือไม่ “พวกคุณก็รู้ดีว่าผมอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อีกทั้งช่วงเวลาที่ผมไม่ได้เล่นสนุกเกอร์ก็ไม่ได้ส่งผลเลวร้ายอะไรกับตัวเองมากนัก หากว่าการเล่นนั้นส่งผลไม่ดีกับสภาพจิตใจผม คุณอาจไม่ได้เห็นผมอีกก็เป็นได้ แต่หากไม่มีปัญหาอะไรก็จะกลับสู่วงการอีก ผมพูดได้เท่านี้จริงๆ”