โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ศูนย์หน้าตัวเก่ง โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ ระเบิดฟอร์มเหมาคนเดียว 4 ประตู พาทีมเปิดรัง ซิกนัล อิดูนา ปาร์ก ถล่ม รีล มาดริด ซึ่งตีเสมอจาก คริสเตียโรน โรนัลโด 4-1 ในศึกฟุตบอล ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อคืนวันพุธที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา
ฟุตบอล ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก
ดอร์ตมุนด์ 4-1 รีล มาดริด
เสียงนกหวีดดังทั้งคู่ออกสตาร์ทอย่างรัดกุม จนกระทั่งผ่านไป 7 นาที โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ หวิดขึ้นนำ มาร์โก รอยส์ ลากเดี่ยวเจาะตรงกลางเข้ามาในกรอบโทษ ก่อนแต่งเข้าเท้าขวาแล้วยิงเรียดติดเซฟ ดีเอโก โลเปซ ต่อมา 1 นาที กองเชียร์ เจ้าถิ่น ได้เฮ มาริโอ เกิทเซ เปิดโด่งกราบซ้ายล้นมาเสาสอง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี วิ่งเบียดแนวรับคู่แข่ง ก่อนแหย่เท้าจิ้มบอลซุกก้นตาข่าย
หลังตกเป็นรอง รีลมาดริด ค่อยๆ เซตเกมบุก ส่วน ดอร์ตมุนด์ ต่อบอลสั้นแบบเท้าสู่เท้า เน้นความแน่นอน พร้อมแพ็กเกมรับอย่างแน่นหนา ทำให้ไม่มีช็อตหวาดเสียวเกิดขึ้น จนถึงนาที 24 รีล มาดริด มีลุ้น คริสเตียโน โรนัลโด ซัดฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลา โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ บินทุบสองมือพ้นอันตราย จากนั้น ทีมเยือน ครองบอลมากกว่า แต่ยังไม่มีโอกาสเงื้อเท้ายิงแบบจะแจ้ง
เข้าสู่นาที 42 รองจ่าฝูงบุนเดสลีกา เกือบได้จุดโทษ รอยส์ กระชากหนี ราฟาเอล วาราน แล้วถูกเบียดล้ม ทว่าผู้ตัดสินไม่เป่า ถัดมา 1 นาที กองเชียร์ “ราชันชุดขาว” ได้เฮ กอนซาโล ฮิกวาอิน ฉกบอลจากจังหวะที่ มัตส์ ฮุมเมิลส์ คืนหลังพลาด ก่อนลากเข้ามาทางกรอบโทษด้านขวา แล้วเปิดเรียดมาให้ โรนัลโด แปเหน่งๆ ตุงตาข่าย ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีสกอร์เพิ่ม ครบ 45 นาที เสมอกัน 1-1
ครึ่งหลังเปิดฉากเพียง 5 นาที “เสือเหลือง” โขยกหนี 2-1 รอยส์ รับบอลโหม่งตั้งจาก เกิทเซ แล้วยิงจากหัวกะโหลกด้านขวาแฉลบมาเข้าทาง เลวานดอฟสกี ซึ่งยืนอยู่ในไลน์เดียวกับ เปเป้ ดีดระยะเผาขนผ่านมือ ดีเอโก โลเปซ ไม่มีเหลือ ต่อมานาที 55 สถานการณ์ “ราชันชุดขาว” เริ่มย่ำแย่ มาร์เซล ชเมลเซอร์ ตะบันจากกรอบโทษด้านซ้ายติด ลูกา โมดริช บอลหลุดมาทางเสาไกล ก่อน ศูนย์หน้าชาวโปแลนด์ ซัดเสยเพดานตาข่าย
ต่อมา อาคันตุกะจาก ซานติอาโก เบร์นาบิว เดินเครื่องเต็มสูบ แต่การผ่านบอลสุดท้ายยังไม่เข้าเป้า และเกือบโดนเพิ่มนาที 63 อิลคาย กุนโดกัน กดเต็มหลังเท้าทางกรอบโทษด้านซ้าย โลเปซ บินปัดปลายมือ ถัดมา 3 นาที ทีมของ เจอร์เกน คลอปป์ ได้จุดโทษ ชาบี อลอนโซ กระแทก รอยส์ ทางด้านหลัง เลวานดอฟสกี อัดมุมสูงเข้ากลางประตู
เข้าสู่นาที 69 โจเซ มูรินโญ ปรับหมากด้วยการส่ง คาริม เบนเซมา กับ อังเคล ดิ มาเรีย ลงมาแทน กอนซาโล ฮิกวาอิน กับ ลูกา โมดริช ทว่าแนวรับคู่แข่งยังดักจังหวะเข้าทำไว้ได้หมด จนกระทั่งนาที 78 แชมป์เก่าลีกสูงสุดเมืองเบียร์ หวิดทิ้งห่าง เลวานดอฟสี บรรจงปั่นจากหัวกะโหลก โลเปซ ปัดออกหลัง จากนั้นต่างฝ่ายต่างเปิดหน้าแลกจนกระทั่งช่วงทดเจ็บ แชมป์ยุโรป 9 สมัย หวิดตีตื้น กาก้า เปิดเตะมุมกราบซ้าย ราฟาเอล วาราน พักอกแล้ววอลเลย์ย้อนศรเฉี่ยวเสานิดเดียว จบเกม โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ เอาชนะ 4-1
รายชื่อ 11 ตัวจริง
ดอร์ทมุนด์ : โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ , ลูคัสซ์ พิสซ์เช็ก , เนเวน ซูโบติช , มัตส์ ฮุมเมิลส์ , มาร์เซล ชเมลเซอร์ , อิลคาย กุนโดกัน , สเวน เบนเดอร์ , ยาคุบ บลาสซิคอฟสกี , มาริโอ เกิทเซ , มาร์โก รอยส์ , โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี
รีล มาดริด : ดีเอโก โลเปซ , เซร์คิโอ รามอส , ราฟาเอล วาราน , เปเป้ , ฟาบิโอ โคเอนเทรา , ชาบี อลอนโซ , ซาเมียร์ เคดิรา , ลูกา โมดริช , เมซุต โอซิล , คริสเตียโน โรนัลโด , กอนซาโล ฮิกวาอิน
ฟุตบอล ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก
ดอร์ตมุนด์ 4-1 รีล มาดริด
เสียงนกหวีดดังทั้งคู่ออกสตาร์ทอย่างรัดกุม จนกระทั่งผ่านไป 7 นาที โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ หวิดขึ้นนำ มาร์โก รอยส์ ลากเดี่ยวเจาะตรงกลางเข้ามาในกรอบโทษ ก่อนแต่งเข้าเท้าขวาแล้วยิงเรียดติดเซฟ ดีเอโก โลเปซ ต่อมา 1 นาที กองเชียร์ เจ้าถิ่น ได้เฮ มาริโอ เกิทเซ เปิดโด่งกราบซ้ายล้นมาเสาสอง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี วิ่งเบียดแนวรับคู่แข่ง ก่อนแหย่เท้าจิ้มบอลซุกก้นตาข่าย
หลังตกเป็นรอง รีลมาดริด ค่อยๆ เซตเกมบุก ส่วน ดอร์ตมุนด์ ต่อบอลสั้นแบบเท้าสู่เท้า เน้นความแน่นอน พร้อมแพ็กเกมรับอย่างแน่นหนา ทำให้ไม่มีช็อตหวาดเสียวเกิดขึ้น จนถึงนาที 24 รีล มาดริด มีลุ้น คริสเตียโน โรนัลโด ซัดฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลา โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ บินทุบสองมือพ้นอันตราย จากนั้น ทีมเยือน ครองบอลมากกว่า แต่ยังไม่มีโอกาสเงื้อเท้ายิงแบบจะแจ้ง
เข้าสู่นาที 42 รองจ่าฝูงบุนเดสลีกา เกือบได้จุดโทษ รอยส์ กระชากหนี ราฟาเอล วาราน แล้วถูกเบียดล้ม ทว่าผู้ตัดสินไม่เป่า ถัดมา 1 นาที กองเชียร์ “ราชันชุดขาว” ได้เฮ กอนซาโล ฮิกวาอิน ฉกบอลจากจังหวะที่ มัตส์ ฮุมเมิลส์ คืนหลังพลาด ก่อนลากเข้ามาทางกรอบโทษด้านขวา แล้วเปิดเรียดมาให้ โรนัลโด แปเหน่งๆ ตุงตาข่าย ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีสกอร์เพิ่ม ครบ 45 นาที เสมอกัน 1-1
ครึ่งหลังเปิดฉากเพียง 5 นาที “เสือเหลือง” โขยกหนี 2-1 รอยส์ รับบอลโหม่งตั้งจาก เกิทเซ แล้วยิงจากหัวกะโหลกด้านขวาแฉลบมาเข้าทาง เลวานดอฟสกี ซึ่งยืนอยู่ในไลน์เดียวกับ เปเป้ ดีดระยะเผาขนผ่านมือ ดีเอโก โลเปซ ไม่มีเหลือ ต่อมานาที 55 สถานการณ์ “ราชันชุดขาว” เริ่มย่ำแย่ มาร์เซล ชเมลเซอร์ ตะบันจากกรอบโทษด้านซ้ายติด ลูกา โมดริช บอลหลุดมาทางเสาไกล ก่อน ศูนย์หน้าชาวโปแลนด์ ซัดเสยเพดานตาข่าย
ต่อมา อาคันตุกะจาก ซานติอาโก เบร์นาบิว เดินเครื่องเต็มสูบ แต่การผ่านบอลสุดท้ายยังไม่เข้าเป้า และเกือบโดนเพิ่มนาที 63 อิลคาย กุนโดกัน กดเต็มหลังเท้าทางกรอบโทษด้านซ้าย โลเปซ บินปัดปลายมือ ถัดมา 3 นาที ทีมของ เจอร์เกน คลอปป์ ได้จุดโทษ ชาบี อลอนโซ กระแทก รอยส์ ทางด้านหลัง เลวานดอฟสกี อัดมุมสูงเข้ากลางประตู
เข้าสู่นาที 69 โจเซ มูรินโญ ปรับหมากด้วยการส่ง คาริม เบนเซมา กับ อังเคล ดิ มาเรีย ลงมาแทน กอนซาโล ฮิกวาอิน กับ ลูกา โมดริช ทว่าแนวรับคู่แข่งยังดักจังหวะเข้าทำไว้ได้หมด จนกระทั่งนาที 78 แชมป์เก่าลีกสูงสุดเมืองเบียร์ หวิดทิ้งห่าง เลวานดอฟสี บรรจงปั่นจากหัวกะโหลก โลเปซ ปัดออกหลัง จากนั้นต่างฝ่ายต่างเปิดหน้าแลกจนกระทั่งช่วงทดเจ็บ แชมป์ยุโรป 9 สมัย หวิดตีตื้น กาก้า เปิดเตะมุมกราบซ้าย ราฟาเอล วาราน พักอกแล้ววอลเลย์ย้อนศรเฉี่ยวเสานิดเดียว จบเกม โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ เอาชนะ 4-1
รายชื่อ 11 ตัวจริง
ดอร์ทมุนด์ : โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ , ลูคัสซ์ พิสซ์เช็ก , เนเวน ซูโบติช , มัตส์ ฮุมเมิลส์ , มาร์เซล ชเมลเซอร์ , อิลคาย กุนโดกัน , สเวน เบนเดอร์ , ยาคุบ บลาสซิคอฟสกี , มาริโอ เกิทเซ , มาร์โก รอยส์ , โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี
รีล มาดริด : ดีเอโก โลเปซ , เซร์คิโอ รามอส , ราฟาเอล วาราน , เปเป้ , ฟาบิโอ โคเอนเทรา , ชาบี อลอนโซ , ซาเมียร์ เคดิรา , ลูกา โมดริช , เมซุต โอซิล , คริสเตียโน โรนัลโด , กอนซาโล ฮิกวาอิน
