แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ออกสตาร์ทหรูได้ประตูนำห่างตั้งแต่ต้นเกม มาถูก เชลซี โหมบุกอย่างหนักและไล่ตามตีเสมอเป็น 2-2 ช่วงครึ่งหลัง ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา ต้องไปเตะนัดรีเพลย์กันใหม่ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์
ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีม สุดท้าย
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-2 เชลซี
เกม เอฟเอ คัพ คู่สำคัญที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นการพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี ทีมแชมป์เก่า เกมนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พัก โรบิน ฟาน เพอร์ซี เอาไว้ข้างสนาม และให้โอกาส เวย์น รูนี่ย์ จับคู่กับ ฮาเวียร์ เอร์นานเดช เป็นคู่กองหน้า ส่วน ราฟาเอล เบนิเตซ ไว้ใจ้ เดมบา บา ให้เป็นหัวหอกตัวเป้า และมี ฆวน มาตา ทำเกมอยู่ด้านหลัง
เริ่มเกมมาเพียง 5 นาที แฟนบอล “ปิศาจแดง” ได้เฮกันลั่นสนาม ไมเคิล คาร์ริก เปิดให้ ฮาเวียร์ เอร์นานเดช ในกรอบเขตโทษและโหม่งสะบัดไปทางเสาสองข้ามหัว ปีเตอร์ เช็ก เข้าทางเสาสองอย่างสวยงามให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ออกนำ 1-0 ตั้งแต่ต้นเกม เจ้าถิ่นขยับหนีออกไปเป็น 2-0 อย่างรวดเร็วหลังผ่านไปเพียง 10 นาที เวย์น รูนีย์ เปิดลูกฟรีคิกเข้าไปหน้าประตู แต่ไม่มีใครโขกโดนบอลกระดอนตกพื้นและเข้าประตูไปง่ายๆ
จากนั้น “สิงห์บลูส์” พยายามครองเกมขึ้นมาบุกบ้าง นาที 22 มาตา จ่ายบอลทะลุให้ แฟรงค์ แลมพาร์ด สอดขึ้นมายิงตามน้ำ แต่บอลไม่ห่างตัว ดาวิด เด เคอา เซฟไว้ได้ไม่ยาก ถัดมา 3 นาที โอกาสเป็นของ “ปิศาจแดง” น่าจะได้ประตูนำห่าง ปาทริช เอวรา เปิดเรียดให้ รูนีย์ แปเน้นๆ ติดตัว เช็ก แต่ ดาวิด ลุยซ์ สกัดบอลไม่ดีเกือบเข้าประตู แต่ ปีเตอร์ เช็ก ผวามาปัดทิ้งได้หวุดหวิด
นาที 39 เชลซี ทิ้งโอกาสทองในการไล่ตามตีเสมอไป วิคเตอร์ โมเซส ทำชิ่งกับ มาตา หลุดเข้ามาในกรอบโทษง้างยิงด้วยซ้ายบอลหลุดกรอบออกไปไกลชนิดต้องโทษตัวเอง และจบ 45 นาทีแรกเป็น เจ้าถิ่นนำห่าง 2-0
ลงมาในครึ่งหลัง เกมของ “สิงห์บลูส์” ยังไม่ดีขึ้นและต้องแก้เกมทันที เอา แฟรงค์ แลมพาร์ด และ วิคเตอร์ โมเซส ออกมาพักเปิดทางให้ เอเดน ฮาซาร์ด และ มิเกล ลงมาแทน จากนั้นเกมของทีมเยือนดีขึ้นทันที นาที 59 แดนกลาง เชลซี ตัดบอลกลับมาเร็วและจ่ายออกให้ ฮาซาร์ด แต่งเข้าขวา บรรจงปั่นโค้งเข้าทางเสาสองเป็นประตูไล่ตีตื้นขึ้นมาเป็น 1-2 อย่างสวยงาม
จากนั้น ลูกทีมของ ราฟาเอล เบนิเตซ ทำผลงานดีขึ้นชัดเจน และครองเกมบุกได้เป็นส่วนใหญ่ นาที 67 เกมสวนกลับเร็ว บอลฝากมาที่ รามิเรส ล็อกหนี จอนนี อีแวนส์ ก่อนเลือกมุมแปด้วยซ้ายกะเล่นเสาสอง ดาวิด เด เคอา ปัดแต่ก็ไม่พ้นบอลเสียบตาข่ายให้ทีมเยือนไล่ตามตีเสมอเป็น 2-2 ชนิดที่ เซอร์ อเล็กซ์ ต้องเครียดขึ้นมาอีกครั้ง
ผ่าน 75 นาที เกมมาสนุกมากขึ้น ฟาน เพอร์ซี ที่ลงมาเป็นสำรองเก็บตกที่หน้าประตู ยิงหลุดเสาสองไปนิดเดียว จากนั้น เชลซี ครองบอลบุกและเก็บจังหวะสองได้มากกว่า ขณะที่ ยูไนเต็ด รอสวนกลับ นาที 89 ลุยซ์ เปิดให้ มาตา เสาสอง เกี่ยวลงด้วยขวาและล็อกเข้าซ้ายแปเน้นๆ แต่ ดาวิด เด เคอา เซฟไว้ด้วยขาอย่างยอดเยี่ยมรอดพ้นการเสียประตูหวุดหวิด
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 4 นาที ฮาซาร์ด เก็บตกจังหวะสองได้ ตะบันด้วยขวาเต็มเท้าบอลพุ่งหาประตู เดือดร้อน ดาวิด เด เคอา ต้องช่วยเซฟเอาไว้ได้อีกครั้ง จบเกม ไม่มีประตูเพิ่ม เสมอกันไป 2-2 ต้องไปเตะนัดแข่งใหม่กันที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์
ขณะที่ผลอีกคู่ เป็นการพบกันเองของทีมจากลีก เดอะ แชมเปียนชิป ระหว่าง มิลล์วอลล์ และ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส ทว่า จบ 90 นาทีไม่มีประตูลงเอยด้วยการเสมอ 0-0 ต้องเหนื่อยกันต่อไปเตะนัดแข่งใหม่ที่ อีวูดส์ พาร์ค บ้านของ “กุหลาบไฟ”
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดาวิด เด เคอา, ราฟาเอล ดา ซิลวา, จอนนี อีแวนส์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, ปาทริช เอวรา, ไมเคิล คาร์ริค, ทอม เคลฟเวอร์ลีย์, นานี่,ชินจิ คากาวะ,เวย์น รูนีย์,ฮาเวียร์ เอร์นานเดช
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, เซซาร์ อัซปิลิกวยตา, ดาวิด ลุยซ์, แกรี เคฮิลล์, แอชลีย์ โคล, รามิเรส, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ฆวน มาตา, ออสการ์, วิคเตอร์ โมเซส, เดมบา บา