xs
xsm
sm
md
lg

ออกรอบท่ามกลางธรรมชาติที่วังจันทร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลุม 8
โดย : วราพร ปานบุญห้อม

อุทยานกอล์ฟวังจันทร์ (Wangjuntr Golf Park) มีพื้นที่ทั้งโครงการ 3,400 ไร่ ขณะนี้สร้างแล้วเสร็จ 1 สนาม (ดับเบิ้ลกรีน) จะก่อสร้างทั้งหมด 3 สนาม (ดับเบิ้ลกรีน) รวมทั้งโครงการจะมีสนามกอล์ฟ 108 หลุม โดยโครงการตั้งอยู่ที่ตำบลป่ายุบใน อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง บนทางหลวงหมายเลข 344 (ชลบุรี-บ้านบึง-แกลง) หลักกิโลเมตรที่ 65 จากจังหวัดชลบุรี โดยใช้เส้นทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (มอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-ชลบุรี) จนถึงแยกบ้านบึงแล้วเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 344 (ชลบุรี-บ้านบึง-แกลง) จนกระทั่งถึงรอยต่อจังหวัดชลบุรี-ระยอง ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 64 กับ 65 จะเห็นป้ายทางเข้าสนามอยู่ทางขวามือ มีบริษัท ระยอง เรียลเอสเตท จำกัด เป็นเจ้าของโครงการ และบริหารงานโดยบริษัท เอกซ์เปอร์ต ทรานสปอร์ต จำกัด ในสนามกอล์ฟเป็นสวนสัตว์เปิดมี กวาง นกกระจอกเทศ หมูป่า กระต่ายป่า ไก่นานาชนิด ฯลฯ อยู่ในบริเวณโดยทั่วไป โดยเฉพาะในช่วงเย็นสัตว์จะออกมาเดินในสนามกอล์ฟ นักกอล์ฟจะได้เห็นบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีคลับเฮาส์ ห้องอาหาร และที่พักเปิดให้บริการ ได้แก่ Taste of Greens Restaurant, ที่พักแบบ Golf View Villa (4 ห้องนอน) จำนวน 10 หลัง และโรงแรม 50 ห้อง

Valley Course
สนามขนาด 18 หลุม พาร์ 72 (แต่ละหลุมมี 2 กรีน-ซ้าย/ขวา) รวมปัจจุบัน 36 หลุม ความยาว กรีนขวา 7,215 หลา กรีนซ้าย 7,072 หลา หญ้าในสนามใช้เบอร์มิวด้า 419 กรีนเป็นหญ้าทิฟอีเกิลพลัส ส่วนทีออฟใช้หญ้าเบอร์มิวด้าและหญ้าญี่ปุ่น เปิดบริการเมื่อปี พ.ศ. 2545

ลักษณะของสนาม :
รูปแบบสนามเป็น In-land Mountain Course แต่มีกรีนขนาดใหญ่เป็นเนินลอนคล้ายกับสนามแบบ Link Course สำหรับ 9 หลุมแรกมีลักษณะเหมือนเล่นกอล์ฟในป่าที่สวยงาม แต่ 9 หลุมหลังเป็นเนินลอนที่ค่อนข้างโล่งต้องใช้ความคิดทุกหลุม สนามมีกรีนซ้ายและขวาทำให้การเล่นแตกต่างกัน การตีลูกขึ้นกรีนต้องพิจารณาว่าจะให้ลูกตกจุดใด เพื่อให้กลิ้งไปยังจุดที่ต้องการ ไม่ใช่เล็งธงเสมอไป โดยออกแบบให้เข้ากับภูมิประเทศและพื้นที่เป็นหลัก ต้องการให้เป็นสนามที่ค่อนข้างยาก สำหรับประลองฝีมือของนักกอล์ฟที่มีประสบการณ์สูงและฝีมือค่อนข้างดี

หลุมเด่น
หลุม 14 “The Rocks” พาร์ 5 ระยะ 475 หลา (ขวา) / 493 หลา (ซ้าย) เป็นพาร์ 5สั้น มีภูเขาและผาหินอยู่กลางแฟร์เวย์ บนเนินมีภูมิประเทศสวยงาม ถ้าทีออฟดีสามารถตีข้ามเนินเขาเพื่อทำสองออนได้ ถ้าทีออฟไม่ดีนักก็สามารถวางลูกบนเนินเขาและทำ 3 ออนไม่ยาก กรีนเอียงจากหน้าไปหลังทำให้การชิฟ/พัตต์ ค่อนข้างยาก นักกอล์ฟที่ไปลองมาแล้ว จะติดใจหลุมนี้มาก

หลุม 4 “Crater” พาร์ 4 ระยะ 470 หลา (ขวา) / 495 หลา (ซ้าย) เป็นพาร์ 4 ยาว มีบ่อทรายขนาดใหญ่อยู่ระหว่างกรีนซ้าย-ขวา ซึ่งต่อเชื่อมกันจึงทำให้ดูเหมือนว่ามีหลุมทรายกลางกรีน หลุมนี้ต้องไดร์ฟตรงและไกล เพื่อให้ข้ามบังเกอร์ทรายขวามือในแฟร์เวย์ และในการเล่นลูกแอพโพรชต้องขึ้นด้วยหัวไม้หรือเหล็กยาว ตีตรงและไกลด้วย นักกอล์ฟส่วนใหญ่ให้สมญาว่า หลุม Crater (อุกาบาต) หรือหลุม Doughnut

หลุมท้าทาย

หลุม 17 “The Cliff ” พาร์ 3 ระยะ 170 หลา (ขวา) / 146 หลา (ซ้าย) เป็น PAR 3 ที่ต้องตีขึ้นเขาสูง และมีลมพัดแปรปรวนตลอดเวลา ทีออฟต้องเผื่อระยะให้ถูกต้องและแม่นยำด้วย เพราะกรีนมีสโลปมาก การพัตต์ต้องใช้ฝีมือและความชำนาญ/ประสบการณ์มาก หากออนคนละด้านกับธง โอกาส 2 พัตต์ แทบจะไม่มี

หลุม 15 “ Koon” พาร์ 3 ระยะ 208 หลา (ขวา) / 172 หลา (ซ้าย) เป็นพาร์ 3 ที่เล่นสนุก (โดยเฉพาะกรีนซ้าย) ต้องตีอย่างแม่นยำ เพราะหากลูกตกผิดจุดลูกอาจไหลกลับตกน้ำ หรืออาจได้เบอร์ดี้ง่ายๆ หากแม่นระยะและตีตกหยุด แต่หากประมาทจะเป็นหลุมที่ทำให้สกอร์ท่านพังอย่างไม่น่าเชื่อ

หลุมสวยงาม
หลุม 2 พาร์ 4 ระยะ 430 หลา (ขวา) / 414 (ซ้าย) เป็นพาร์ 4 ขึ้นเขามีป่ายูคาลิปตัสและป่ายางทั้ง 2 ข้าง หลังกรีนเป็นภูเขาสูงเขียวชอุ่มตลอดปี กรีนยกสูง มีสโลปมาก พัตต์ยากมาก หลุมนี้ทีออฟต้องเล่นลูกเฟดเล็กน้อย แอพโพรชขึ้นเนินสูง เผื่อเหล็ก 1-3 เบอร์จากปกติ

หลุม 18 พาร์ 5 ระยะ 578 หลา (ขวา)/ 581 (ซ้าย) ทีออฟอยู่บนเนินสูงมองเห็นวิวภูเขาและป่ารอบด้านสวยงามมาก แฟร์เวย์มีด๊อกเลคไปทางซ้าย โดยมีบังเกอร์และเนินเล็กๆ ตลอดด้านขวาของแฟร์เวย์ กรีน (ทั้งซ้ายและขวา) อยู่ในระหว่างป่ายาง ทำให้การเล่นลูกขึ้นกรีนต้องแม่นยำมากเป็นพิเศษ หลุมนี้ใครได้พาร์ต้องถือว่ามีฝีมือ

Highland Course
สนามขนาด 18 หลุม พาร์ 72 (แต่ละหลุมมี 2 กรีน-ซ้าย/ขวา) รวมปัจจุบัน 36 หลุม ความยาว กรีนขวา 7,646 หลา กรีนซ้าย 7,633 หลา หญ้าในสนามใช้หญ้าเบอร์มิวด้า 419 กรีนใช้หญ้าทิฟอีเกิลพลัส ส่วนทีออฟใช้หญ้าเบอร์มิวด้า

ลักษณะของสนามหรือสภาพสนามโดยทั่วไป
เป็นสนามบนที่ราบเชิงเขามีภูเขารายล้อม 3 ด้าน สภาพโดยรอบยังมีป่าไม้เบญจพรรณค่อนข้างสมบูรณ์มาก เนื่องจากผู้บริหารได้จัดการป้องกันการทำลายป่าไม้รวมทั้งอนุรักษ์ธรรมชาติและสัตว์ป่าเป็นอย่างดี สนามกอล์ฟมีวิวภูมิประเทศที่สวยงามทั้งเปิดโล่งและเป็นป่าเขา รวมทั้งการต่างระดับที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ กรีนขนาดใหญ่เป็นเนินลอนและความลาดเอียงสูงท้าทายนักกอล์ฟฝีมือดี มีทะเลสาบใหญ่น้อยที่สวยงามทั่วบริเวณ ในฤดูฝนและฤดูหนาวจะมีหมอกปกคลุมสวยงามมาก

หลุมเด่น
หลุม 4 “Island in the Air” พาร์ 3 ระยะ 164 (ขวา) / 150 หลา (ซ้าย) ถือว่าเป็นหลุมพาร์ 3 ที่อาจจะสวยที่สุดก็ว่าได้ ถ้าปักธงด้านขวา บังเกอร์หน้ากรีน จะเป็นอุปสรรคสำคัญ ถ้าท่านตกในบังเกอร์นี้ ท่านจะมองไม่เห็นอะไร นอกจากผนังบังเกอร์กับท้องฟ้า ท่านต้องใช้ฝีมือขึ้นจากทรายที่ยอดเยี่ยม จึงจะมีโอกาสได้พาร์ หรือโบกี้ ถ้าปักธงด้านซ้าย ท่านจะมีโอกาสทำเบอร์ดี้ ที่แสนง่าย ถ้าท่านตีแม่นระยะ

หลุม 13 “Stairway-to-Heaven” เป็นหลุมพาร์ 4 ระยะ 450 หลา (ขวา) / 480 หลา (ซ้าย) ซึ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่นที่สุดหลุมหนึ่งในโลก มองดูเสมือนกับบันไดยักษ์ขึ้นภูเขาสูง ถ้านับทีออฟเป็นขั้นบันไดขั้นที่ 1 ท่านจะต้องไดร์ฟไปตก ณ บันไดขั้นที่ 4 เพื่อจะได้มีโอกาสตีสองออนไปยังกรีนซึ่งอยู่บนบันไดสวรรค์ชั้นที่ 7 หากท่านทำพาร์หรือเบอร์ดี้ได้ที่หลุมนี้ นับว่าท่านเป็นนักกอล์ฟที่สมบูรณ์แบบที่สุด เพราะต้องใช้กำลังกาย, ฝีมือ และจิตใจที่สุดยอดของนักกอล์ฟทุกรูปแบบ

หลุมท้าทาย
หลุม 6 “Hercules’ Highway” เป็นพาร์ 5 ระยะ 679 หลา(ขวา) / 687หลา(ซ้าย) นับว่าเป็นหลุมพาร์ 5 ที่ไกลที่สุดหลุมหนึ่ง มีเอกลักษณ์ที่สำคัญคือมีบ่อน้ำขนาดใหญ่กลางกรีนที่มีขนาดใหญ่ นักกอล์ฟทุกคนต้องใช้ทั้งทักษะและสมาธิอย่างดียิ่ง ในการเล่นให้ได้พาร์ในหลุมนี้ ถ้าปักธงด้านไกลทั้งซ้ายและขวา โอกาสได้เบอร์ดี้มีน้อยมาก

หลุม 11 “Himalaya” เป็นพาร์ 5 ระยะ 557 หลา (ขวา) / 547 หลา(ซ้าย) ซึ่งท้าทายนักกอล์ฟให้พยายามทำสองออนให้ได้ด้วยการตีไดร์ฟข้ามบังเกอร์ทรายกลางแฟร์เวย์ แล้วจะสามารถตีเข้าสู่กรีน ซึ่งอยู่บนเชิงเขาสูงได้ ด้วย Long หรือ Mid Iron หลุมนี้ โอกาสในการทำอีเกิ้ล หรือเบอร์ดี้มีมากกว่าหลุมอื่นๆ

หลุมสวยงาม
หลุม 14 “Beautiful Beast” เป็นพาร์ 4 ที่สวยที่สุดหลุมหนึ่งก็ว่าได้ ไม่จำเป็นต้องบอกระยะว่าเท่าใด เพราะความสุขและความท้าทายของหลุมนี้ คือการตีจากยอดเขาสูงลงไปสู่แฟร์เวย์ที่ต่ำลงไปกว่า 70 เมตร เสมือนกับตีกอล์ฟจากยอดตึกดุสิตธานีลงไปยังสวนลุมพินี ใครไม่เคยก็ต้องไปลองดู นอกจากนี้นักกอล์ฟจะพบกับความงดงามของทะเลสาบในหุบเขา และดอกไม้บานสะพรั่งในฤดูหนาวด้วย

หลุม 17 “Dwarfs’ Kingdom” เป็นพาร์ 3 ที่สวยที่สุดอีกหลุมหนึ่งของประเทศไทยมีรูปร่างคล้ายกับแผนที่ประเทศไทย ซึ่งถูกโอบล้อมด้วยบังเกอร์ทรายราบเรียบ และน้ำในทะเลสาบขนาดใหญ่ ลมจะเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับการเล่มหลุมนี้ เพราะนักกอล์ฟอาจจะต้องเผื่อเหล็กถึง 2-3 เบอร์ และเมื่อท่านได้ลงไปยืนพัทท์ในกรีนแล้วท่านจะรู้สึกถึงความงดงามของกรีนและบรรยากาศของน้ำในทะเลสาบและป่าไม้โดยรอบว่าสวยงามแค่ไหน

Jungle Course
เป็นสนามกอล์ฟที่มีคอนเซ็ปต์ต่างกับ Valley Course (ซึ่งเน้นฝีมือการวางลูกกอล์ฟ) และ Highland Course (ซึ่งเน้นการใช้ภูมิประเทศสร้างความสวยงามอย่างพิเศษสุด) สำหรับสนาม Jungle Course ออกแบบเป็นสนามป่าเขาทั่วไป ความยากปานกลางและมีกรีนเดียวแบบ Traditional Forest Course แต่คงลักษณะเฉพาะของอุทยานกอล์ฟวังจันทร์ไว้ คือมีกรีนขนาดใหญ่ที่มีความลาดเอียงและลอนเนินเป็นที่ท้าทาย สนาม Jungle Course จึงมีความลงตัวในความเป็นสนามกอล์ฟที่รักษามาตรฐานโลกและมีความสวยงามแบบป่าภูเขาซึ่งไม่แพ้ที่ใด

หลุมเด่น
หลุม 8 พาร์ 4 ระยะ 417 หลา (จากทีท้ายสุด) ด๊อกเลคขวา และกรีนอยู่บนเนินสูง นักกอล์ฟจะต้องตีจากแท่นทีออฟที่อยู่ในซอกต้นไม้ใหญ่ ต้องระวังไม่ให้ลูกชนต้นไม้แล้วยังต้องบังคับลูกเฟดเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ตกน้ำ ซึ่งมองไม่เห็นจาก ทีออฟ ความรู้สึกเหมือนตีออกจากป่าไปยังที่โล่งแล้วยังมีชอตที่ 2 ซึ่งต้องตีขึ้นกรีนบนหน้าผา เมื่อขึ้นไปบนกรีนจะเห็นวิวทิวทัศน์ โดยรอบอย่างสวยงาม ลืมความเหน็ดเหนื่อยจนหมดสิ้น

หลุม 13 พาร์ 4 ระยะ 493 หลา (จากทีท้ายสุด) ด๊อกเลคซ้าย ถ้าเล่นในช่วงเย็นจะเห็นดวงอาทิตย์ตกหลังภูเขา เป็นวิวที่สวยงามมาก นักกอล์ฟจะต้องทีออฟผ่านช่องต้นไม้แคบๆ และในช็อตที่สองจะมองเห็นภาพภูเขาหลังกรีนเป็นสง่าและเป็นบรรยากาศที่ร่มรื่นที่สุด การเล่นหลุมนี้ไม่ยาก แต่จะได้ความรู้สึกของการเล่นกอล์ฟกลางป่าที่สวยงามโดยรอบตัว

หลุมท้าทาย

หลุม 6 พาร์ 4 ระยะ 467 หลา (จากทีท้ายสุด) ด๊อกเลค ซ้ายหักข้อศอก นักกอล์ฟสามารถเสี่ยงตีตัดไปยังกรีนได้ในช๊อตแรก แต่ต้องผ่านทั้งทะเลสวยเล็กๆ และหุบเหว นับว่าท้าทายความสามารถนักกอล์ฟฝีมือดีหรือผู้ที่ไดร์ฟได้ 280 หลา ขึ้นไป ควรมาทดลองเป็นอย่างยิ่ง

หลุม 16 พาร์ 4 ระยะ 406 หลา (จากทีท้ายสุด) ด๊อกเลคขวาหักข้อศอก กลับกันกับหลุม 6 โดยนักกอล์ฟ (นักไดร์ฟไกล) สามารถตีตัดป่าปาล์มไปยังกรีนได้ แต่ต้องแครี่ ไม่น้อยกว่า 260 หลา ขึ้นไป โดยการตีเฟดเล็กน้อย สำหรับกรีนมี 2 ระดับ การขึ้นกรีนต้องใช้ความแน่นอนพิถีพิถันมากหน่อย หากลูกกับธงอยู่คนละระดับ โอกาสทำ 1 หรือ 2 พัตต์ แทบไม่มีเลย

หลุมสวยงาม (สวยแบบพิเศษสุดตามธรรมชาติทุกหลุม)
หลุม 3 พาร์ 3 ระยะ 175 หลา (จากทีท้ายสุด) ทีออฟ อยู่บนที่สูงซึ่งมองเห็นวิวป่าเขาทะเลสาบรอบด้าน แค่มานั่งชมยืนชมก็คุ้มค่าแล้ว แต่นักกอล์ฟจะต้องตีไปยังกรีนเบื้องล่าง ซึ่งต่างระดับประมาณ 20 เมตร โดยผ่านอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่รอบกรีน ประดับด้วยไม้ดอกธรรมชาติที่สวยสดงดงามมาก กรีนเอียงจากขวาไปซ้ายและมี 3 ระดับ ทำให้ผู้เล่นต้องใช้ความแม่นยำสูงเพื่อพิชิตเบอร์ดี้ในหลุมนี้

หลุม 11 พาร์ 4 ระยะ 484 หลา (จากทีท้ายสุด) ทีออฟอยู่ในป่ายูคาลิปตัสตีออกมาสู่ที่โล่งที่ต่ำลงไป ทำให้มองเห็นทัศนียภาพสุดสายตา ซ๊อตที่สองยังคงตีลงไปสู่กรีนที่ต่ำกว่าระดับแฟร์เวย์ โดยมีทะเลสาบ / อ่างเก็บน้ำ อยู่ทางด้านขวามือโดยตลอด และมีอาคาร Jungle Hut เป็นฉากหลังที่สวยงาม ในฤดูฝนจะมีทางน้ำตกธรรมชาติไหลผ่านหลังกรีน เป็นธรรมชาติสุดยอดเยี่ยม สำหรับนักกอล์ฟและนักนิยมธรรมชาติที่จะหาความงามอย่างนี้ได้ยากมาก โดยเฉพาะในประเทศไทย
หลุม 4
หลุม 7
หลุม 16
หลุม 17
กำลังโหลดความคิดเห็น