คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
อาทิตย์หน้าแฟนๆ ก็จะได้ติดตามศึก “ไทยไฟต์” กันอีกครั้งแล้วนะครับ เป็นรอบรองชนะเลิศ ซึ่งนักมวยไทยทั้ง บัวขาว บัญชาเมฆ (ป.ประมุข) และ สิงห์มณี แก้วสัมฤทธิ์ ก็เตรียมขึ้นชกกับคู่ต่อกรเพื่อกรุยทางเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศในเดือนธันวาคมนี้ต่อไป
สำหรับ “ไทยไฟต์” นั้น ก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของแฟนมวยมาตลอดในระยะหลังๆ โดยเฉพาะประเด็นที่ว่าหาคู่ชกมาไม่สมน้ำสมเนื้อกับระดับฝีมือนักมวยไทย ซึ่งทางผู้จัดก็มีเหตุผลของเขาอยู่ แต่แฟนบางกลุ่มก็เลยมองว่า บัวขาว ไม่เก่งจริงหรอก ขึ้นมาถึงระดับนี้เพราะถูกอวยหรือเปล่า ส่วนอีกกลุ่มกลับมองว่ารายการนี้อาศัยชื่อมาเพื่อให้ขายได้ แล้วก็เลยเป็นเหตุให้มีประเด็นที่น่าคิดว่ามวยไทยนั้น รายการทำให้นักมวยดัง หรือนักมวยทำให้รายการมีชื่อเสียงขึ้นมา
ในมุมหนึ่ง เราก็ต้องยอมรับว่า รายการมวยหรือศึกมวยไทยที่จัดได้ดี ประกบคู่มวยมีคุณภาพ รายการแบบนี้ก็จะเป็นที่ยอมรับของแฟนมวย ยิ่งถ้านักมวยลุยกันเต็มที่ รายการก็ดังแน่นอน แล้วนักมวยที่ได้ชกในรายการเหล่านี้ก็ย่อมมีชื่อเสียงโด่งดังไปด้วย อย่างสมัย 20 ปีก่อน รายการศึกวันทรงชัยนี่เป็นที่ยอมรับกันเลย ถ้าประกาศว่าศึกวันทรงชัยแล้วยังไงๆ คนก็ติดตาม คู่มวยในรายการก็คุณภาพล้วนๆ นักมวยที่ได้ชกก็ดังไปด้วย
แต่อีกมุมหนึ่ง นักมวยที่จะดังได้นั้น ก็ต้องมีการฟิตซ้อมเตรียมตัวที่ดี และสามารถชกชนะคู่ต่อสู้ได้แบบต่อเนื่องด้วยฟอร์มการชกที่ “ขายได้” รายการไหนมีนักมวยที่สร้างชื่อได้แบบนี้ขึ้นมา รายการนั้นก็ดังไปด้วย ใครๆ ก็อยากดูนักมวยชื่อดังขึ้นชก ดูอย่าง “เสี่ยบาส” สมรักษ์ คำสิงห์ ชื่อชั้นยังขายได้ ขนาดหยุดชกไปนานกลับมาชกใหม่ในวัยใกล้เลข 4 ยังทำให้รายการขายบัตรผ่านประตูได้รายได้ถล่มทลาย นี่เดือนธันวาคมก็จะขึ้นชกไฟต์ต่อไปแล้ว
สรุปแบบบัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น ผมมองว่าทั้งสองด้านก็ต้องพึ่งพาอาศัยกัน นักมวยก็ต้องมีรายการชก ฝ่ายจัดก็ต้องมีนักมวย ทีนี้จะให้ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ก็ต้องช่วยเหลือกันและกัน
นักมวยก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมขึ้นชกให้เต็มที่โชว์ลีลาให้ประทับใจแฟนๆ ทางรายการก็ต้องประกบคู่ให้สมน้ำสมเนื้อ ถ้าแพ้ก็อย่าทอดทิ้ง ประกบคู่ใหม่ให้สมฝีมือ และที่สำคัญ ค่าตัวจ่ายให้ครบตรงไปตรงมา เพื่อนักชกจะได้มีกำลังใจ แบบนี้ก็จะ win-win ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ส่วนเรื่องการตัดสินนั้นขอยกไว้ก่อนสำหรับตรงนี้ เอาเป็นว่า ในกรณีนักชกไทยชกกันเองตามเวทีมาตรฐานเมืองไทยแล้ว แต่ละคนก็รู้อยู่แล้วว่าแต่ละเวทีมีแนวทางการตัดสินอย่างไรนะครับ ไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกันละกัน
อาทิตย์หน้าแฟนๆ ก็จะได้ติดตามศึก “ไทยไฟต์” กันอีกครั้งแล้วนะครับ เป็นรอบรองชนะเลิศ ซึ่งนักมวยไทยทั้ง บัวขาว บัญชาเมฆ (ป.ประมุข) และ สิงห์มณี แก้วสัมฤทธิ์ ก็เตรียมขึ้นชกกับคู่ต่อกรเพื่อกรุยทางเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศในเดือนธันวาคมนี้ต่อไป
สำหรับ “ไทยไฟต์” นั้น ก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของแฟนมวยมาตลอดในระยะหลังๆ โดยเฉพาะประเด็นที่ว่าหาคู่ชกมาไม่สมน้ำสมเนื้อกับระดับฝีมือนักมวยไทย ซึ่งทางผู้จัดก็มีเหตุผลของเขาอยู่ แต่แฟนบางกลุ่มก็เลยมองว่า บัวขาว ไม่เก่งจริงหรอก ขึ้นมาถึงระดับนี้เพราะถูกอวยหรือเปล่า ส่วนอีกกลุ่มกลับมองว่ารายการนี้อาศัยชื่อมาเพื่อให้ขายได้ แล้วก็เลยเป็นเหตุให้มีประเด็นที่น่าคิดว่ามวยไทยนั้น รายการทำให้นักมวยดัง หรือนักมวยทำให้รายการมีชื่อเสียงขึ้นมา
ในมุมหนึ่ง เราก็ต้องยอมรับว่า รายการมวยหรือศึกมวยไทยที่จัดได้ดี ประกบคู่มวยมีคุณภาพ รายการแบบนี้ก็จะเป็นที่ยอมรับของแฟนมวย ยิ่งถ้านักมวยลุยกันเต็มที่ รายการก็ดังแน่นอน แล้วนักมวยที่ได้ชกในรายการเหล่านี้ก็ย่อมมีชื่อเสียงโด่งดังไปด้วย อย่างสมัย 20 ปีก่อน รายการศึกวันทรงชัยนี่เป็นที่ยอมรับกันเลย ถ้าประกาศว่าศึกวันทรงชัยแล้วยังไงๆ คนก็ติดตาม คู่มวยในรายการก็คุณภาพล้วนๆ นักมวยที่ได้ชกก็ดังไปด้วย
แต่อีกมุมหนึ่ง นักมวยที่จะดังได้นั้น ก็ต้องมีการฟิตซ้อมเตรียมตัวที่ดี และสามารถชกชนะคู่ต่อสู้ได้แบบต่อเนื่องด้วยฟอร์มการชกที่ “ขายได้” รายการไหนมีนักมวยที่สร้างชื่อได้แบบนี้ขึ้นมา รายการนั้นก็ดังไปด้วย ใครๆ ก็อยากดูนักมวยชื่อดังขึ้นชก ดูอย่าง “เสี่ยบาส” สมรักษ์ คำสิงห์ ชื่อชั้นยังขายได้ ขนาดหยุดชกไปนานกลับมาชกใหม่ในวัยใกล้เลข 4 ยังทำให้รายการขายบัตรผ่านประตูได้รายได้ถล่มทลาย นี่เดือนธันวาคมก็จะขึ้นชกไฟต์ต่อไปแล้ว
สรุปแบบบัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น ผมมองว่าทั้งสองด้านก็ต้องพึ่งพาอาศัยกัน นักมวยก็ต้องมีรายการชก ฝ่ายจัดก็ต้องมีนักมวย ทีนี้จะให้ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ก็ต้องช่วยเหลือกันและกัน
นักมวยก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมขึ้นชกให้เต็มที่โชว์ลีลาให้ประทับใจแฟนๆ ทางรายการก็ต้องประกบคู่ให้สมน้ำสมเนื้อ ถ้าแพ้ก็อย่าทอดทิ้ง ประกบคู่ใหม่ให้สมฝีมือ และที่สำคัญ ค่าตัวจ่ายให้ครบตรงไปตรงมา เพื่อนักชกจะได้มีกำลังใจ แบบนี้ก็จะ win-win ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ส่วนเรื่องการตัดสินนั้นขอยกไว้ก่อนสำหรับตรงนี้ เอาเป็นว่า ในกรณีนักชกไทยชกกันเองตามเวทีมาตรฐานเมืองไทยแล้ว แต่ละคนก็รู้อยู่แล้วว่าแต่ละเวทีมีแนวทางการตัดสินอย่างไรนะครับ ไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกันละกัน
