ASTVผู้จัดการรายวัน-ชื่อของ "เก๋" ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล ถือเป็นหนึ่งในตำนานนักยกน้ำหนักในฐานะเจ้าของเหรียญทอง โอลิมปิก ปักกิ่ง เกมส์ ปี 2008 แต่ปัจจุบันเธอยุติเส้นทางทีมชาติที่ต่อสู้และฝ่าฟันอุปสรรคนานับประการร่วม 10 ปี ไล่เรียงตั้งแต่ ซีเกมส์ ที่ประเทศเวียดนาม จนกระทั่งวืดรถเที่ยวสุดท้ายไม่ได้ไปลุยศึก ลอนดอน เกมส์ 2012 MGR SPORT จึงขอจับเข่าคุยกับฮีโร่ของคนไทยถึงเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งสุขเศร้าเคล้าน้ำตาจนถึงชีวิตปัจจุบันที่มีความสุขกับการรับราชการทหาร
ประทับใจที่สุด
หลายคนอาจคิดว่าทัวร์นาเมนต์แรกน่าจะตราตรึงอยู่ในความทรงจำมากที่สุด แต่สำหรับ "สาวเก๋" ตลอดเส้นทางยกลูกเหล็กที่ผ่านขอยกให้วินาทีคว้าเหรียญทอง โอลิมปิก ปักกิ่ง เกมส์ เมื่อปี 2008 "ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิตเลยก็ว่าได้ เพราะทำให้มีคนรู้จักเรามากขึ้น ไปไหนมาไหนจะมีคนเข้ามาขอถ่ายรูปหรือลายเซ็นในฐานะฮีโร่ของพวกเขา ทำให้เรารู้สึกอิ่มอกอิ่มใจไปด้วย แต่พอผ่านไปสักระยะก็จะต้องเข้าสู่ห้วงเวลาซ้อมตามปกติก็ไม่ได้มีอภิสิทธิ์เหนือกว่าใครนัก ก่อนไปแข่งซ้อมอย่างไรได้รางวัลอะไรกลับมาก็ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่างและยังอยู่ในแคมป์ฝึกซ้อมเก็บตัวเหมือนนักกีฬาคนอื่นๆ ที่จังหวัดเชียงใหม่เหมือนเดิม"
ช่วงเวลาแย่ที่สุด
กว่าจะมาเป็น "น้องเก๋" ประภาวดี ฮีโร่ในใจคนไทยทุกวันนี้ ต้องฝ่าฟันขวากหนามที่ถาโถมเข้ามาพอสมควร โดยเฉพาะการไม่มีชื่อไปป้องกันเหรียญทองที่ ลอนดอน "ตรงจุดนั้นเราเองก็ทราบชะตากรรมว่ายังไงก็ไม่ติดแน่ เพราะตอนนั้นเก็บตัวฝึกซ้อมร่วมกับน้องๆ ในทีมชาติด้วยกัน เห็นได้ชัดว่าสภาพร่างกายเราไม่ร้อยเปอร์เซนต์แถมอายุมากขึ้น จึงทำใจไว้บ้างแล้ว แต่ที่เสียใจมากที่สุดเห็นจะเป็นการไม่มีรายชื่อเตรียมทำศึก เอเชียน เกมส์ ครั้งที่ 17 ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ปี 2014 และ โอลิมปิก เกมส์ ที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ปี 2016 ต่างหาก เพราะเราได้ปรึกษากับทางผู้ใหญ่ของสมาคมฯไว้แล้วเพื่อขอโอกาสได้พิสูจน์ฝีมืออีกครั้ง"
จุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดในชีวิต
ย้อนไป โอลิมปิก เอเธนส์ ปี 2004 กับความคาดหวังไปลุยมหกรรมกีฬาห้าห่าวงเป็นครั้งแรก แต่ด้วยอายุที่ยังน้อยและอ่อนประสบการณ์ อุดมพร พลศักดิ์ จึงได้รับเลือกแทนรุ่น 53 กิโลกรัมหญิง ทำเอา "น้องเก๋" ถึงกับหลั่งน้ำตา "ช่วงที่พลาดไป โอลิมปิก แทบเสียคนก็ว่าได้ทุกอย่างเสียศูนย์ไปหมด ตอนนั้นตัดสินใจเลยว่าจะเลิกเล่น แต่นึกถึงพ่อแม่ ทำให้รู้ว่ามีหน้าที่ๆ ต้องทำนะ จะยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ได้ ก่อนจะกลับมาฝึกซ้อมอีกครั้ง จนกระทั่งมีคนทักให้เปลี่ยนชื่อและนามสกุลเผื่ออะไรจะดีขึ้นจาก จันทร์พิมพ์ กันทะเตียน เป็น ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล แต่ดันข้อศอกหลุดในการแข่งขันยกน้ำหนักชิงแชมป์โลกที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อปี 2007 ช่วงนั้นท้อแท้ถึงขีดสุดเลยก็ว่าได้ แต่ได้ นพ.ศิริพจน์ ศรีบัณฑิตกุล แพทย์ประจำทีมยกน้ำหนักทีมชาติไทย ที่คอยให้คำปรึกษาและรักษาสภาพร่างกายของเรากลับมาในอีก 9 เดือนที่เหลือก่อนลุยรายการชิงแชมป์ประเทศไทย ซึ่งเป็นรายการคัดตัวนักกีฬาไป ปักกิ่ง เกมส์ ที่กรุงปักกิ่ง จนคว้าเหรียญทองมาได้สำเร็จ"
ที่สุดของหัวใจ
เมื่อพูดถึงเรื่องของหัวใจ "น้องเก๋" ยินดีที่จะเปิดเผยแบบตรงไปตรงมาว่า "เก๋ คบกับ นิด (สายพิณ เดชแสง) อดีตนักยกน้ำหนักทีมชาติไทย เกือบ 6 ปีแล้วปัจจุบันเป็นโค้ชทีมยกน้ำหนักหญิงทีมชาติไทยรวมถึงรับราชการทหารเรืออยู่แถวบางนา แต่ก็ไปมาหาสู่กันเสมอ สิ่งที่ประทับใจคือตอนใครคนใดคนหนึ่งมีปัญหาก็จะเคียงข้างกันเสมอและช่วยกันหาทางออก อย่างช่วงที่ไม่มีชื่อติดทีมชาติลุย อินชอน และ ริโอ เดอ จาเนโร ก็เป็นกำลังใจเคียงข้างเสมอ ส่วนผู้ชายเข้ามาจีบบ้าง แต่สุดท้ายก็เป็นเพื่อนกัน คือไม่ใช่ไม่ชอบผู้ชาย แต่ยังไม่เจอคนที่ใช่เหมือนกับ นิด อีกแล้ว ทั้งความเอาใจใส่และเข้าใจอาจจะเป็นว่าผู้หญิงเหมือนกันจนเราไม่ได้มองคนอื่นเลย"
ปัจจุบันที่ดีที่สุด
หลังจากประกาศอำลาทีมชาติ "น้องเก๋" ก็เข้ารับราชการทหาร ที่กรมพลาธิการ ทหารบก ย่านเกียกกาย โดยเธอเผยว่า "ตอนนี้รับราชการและเรียนที่โรงเรียนพลาธิการทหารบก ซึ่งหน่วยงานนี้เป็นหน่วยงานด้านธุรการ เอกสาร และสนับสนุนการผลิต เพราะฉะนั้นในหน่วยจึงมีแต่ผู้หญิงเป็นหลักและไม่มีการฝึกภาคสนามมากนัก จะเรียนจนถึงเดือนมกราคมนี้จากนั้นจะได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการที่กรมพลาธิการทหารบกทันที ก่อนหน้านี้เคยเปิดร้านกาแฟที่เชียงใหม่ แต่ว่าเนื่องจากต้องเอาเงินไปรักษาน้องสาว ซึ่งป่วยหนักจนไม่มีเงินทำทุน จนต้องเลิกกิจการไป แต่ตอนนี้เท่าที่มองอยู่ก็อยากเปิด เซเวน อีเลฟเวน เพราะส่วนตัวชอบซื้อของอยู่แล้ว แต่ไม่อยากออกไปไหนไกล จึงคิดว่าน่าจะลองดู แต่ ณ ตอนนี้คืออยากทำส่วนตรงนี้ให้ลงตัวเสียก่อน"