คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
เมื่อ 2-3 วันก่อน มีการแถลงข่าวมวยศึก "วันมิตรชัย" นัดพิเศษการกุศลเพื่อรายได้จัดซื้ออุปกรณ์กีฬาให้กับกองทัพเรือ กองทัพอากาศ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเป็นที่ฮือฮาทันทีนะครับ เพราะ "พี่บาสไม่ได้โม้" สมรักษ์ คำสิงห์ ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกไทย จะกลับมาขึ้นสังเวียนมวยไทยอีกครั้งด้วยวัย 39 กะรัต เพื่อชกกับยอดมวยไทยในอดีตเช่นกันอีกรายหนึ่งคือ วันเผด็จ ผู้ครองฟ้า หรือ น.ท. ยอดวันเผด็จ สุวรรณวิจิตร ซึ่งปัจจุบันอายุ 51 ปี
ทั้งสองฝ่ายตกลงชกกันที่น้ำหนัก 70 กิโลกรัม ก็ถือว่าทั้งสองท่านยังรักษาสภาพร่างกายได้ดีมาก แต่ในความเห็นของผม ตกลงชกกัน 5 ยกก็ออกจะหวาดเสียวไม่น้อย แต่จากงานแถลงข่าวทางโปรโมเตอร์ มิตร นคร ก็รอบคอบมาก ทำประกันชีวิตให้ทั้งสองฝ่ายถึงฝ่ายละ 10 ล้านบาท (ฮา) รวมทั้งการไปขึ้นทะเบียนนักมวยให้ถูกต้องตามกฏหมายก็เป็นสิ่งที่ดีนะครับ ซึ่งผมก็หวังว่าทางหน่วยงานที่มีหน้าที่ควบคุมก็จะมีการดูแลเรื่องสภาพร่างกายของทั้งสองท่านให้พร้อมจริงๆ ที่จะขึ้นเวทีลุยกันในรูปแบบมวยไทยถึง 5 ยก
ผมเสียดายอยู่นิดเดียว ไหนๆ ก็จะย้อนเวลากลับไปแล้ว สมรักษ์ คำสิงห์ น่าจะกลับไปใช้ชื่อ พิมพ์อรัญเล็ก ซึ่งเป็นชื่อมวยไทยที่ พี่บาส แกโด่งดังขึ้นมาจะได้บรรยากาศกว่านี้มาก ทางด้าน น.ท. ยอดวันเผด็จนั้น ยังถือว่าใกล้ๆ กับชื่อเดิมสมัยโด่งดังในแบบมวยไทยคือ วันเผด็จ กลายเป็น ยอดวันเผด็จ ส่วนชื่อค่ายก็ต้องยอมเหมือนกันเพราะชื่อค่ายทั้งสองฝ่ายก็ห่างหายจากวงการมวยไปหมดแล้วทั้ง ศิษย์อรัญ และ ผู้ครองฟ้า
แฟนมวยก็คงตั้งตารอวันที่ 4 ตุลาคม ที่คู่นี้จะขึ้นชกกันนะครับ ซึ่งถ้าจะว่ากันตามตรง ก็คงหวังลีลาพลิ้วๆ มากไม่ได้แล้ว แต่การได้เห็นยอดมวยไทยในอดีตขึ้นเวทีมาเจอกันอีกครั้งนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะแฟนมวยขาจร ชื่อ สมรักษ์ คำสิงห์ ก็คงทำให้สนใจติดตามเรื่องมวยคู่นี้มากขึ้น และก็คงสร้างกระแสความคึกคักให้กับวงการมวยไทยได้ไม่น้อย สมกับที่ทางโปรโมเตอร์ และตัวนักมวยทั้งสองฝ่ายเอง ที่บอกว่า วัตถุประสงค์ของการกลับมาขึ้นเวทีครั้งนี้ก็เพื่อสร้างกระแสมวยไทยให้คึกคักขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
แต่ผมก็ฝากไว้นิดนึงเถอะครับ หากจะให้มวยไทยกลับมาคึกคัก ผมว่าคงจะต้องทำอะไรมากกว่าการแค่เอานักมวยดังในอดีตมาชกกันนะครับ อย่างแรกเลยเรื่องการให้คะแนน การตัดสิน ต้องเน้นให้ออกอาวุธกันให้จะแจ้ง มากกว่าที่จะมาเน้นรักษารูปมวย หรือประเภทยกแรกดูเชิง ยกสองตอดกันหน่อย ยกสามแหย่กันนิด ยกสี่ทำกันยกเดียว ยกห้าปิดกล่อง หรือเข้าปล้ำๆ เอาเข่าสีกัน แล้วหักล้มปุ๊บ ชนะเลย แบบนี้ปลุกยังไงก็ไม่คึกหรอกครับ ประเด็นอื่นๆ ก็มีอีก ทั้งการตัดสินค้านสายตา หรือการตัดสินโดยถูกเซียนมวยกดดัน การล้มมวย รวมไปถึงความปลอดภัยของแฟนมวยที่ไปดูที่สนาม เรียกว่าต้องทำอีกเยอะละครับ ส่วนมวยคู่ สมรักษ์-ยอดวันเผด็จ นี้ ถือว่าจัดในเชิงประชาสัมพันธ์ก่อนก็ว่ากันไปครับ
เมื่อ 2-3 วันก่อน มีการแถลงข่าวมวยศึก "วันมิตรชัย" นัดพิเศษการกุศลเพื่อรายได้จัดซื้ออุปกรณ์กีฬาให้กับกองทัพเรือ กองทัพอากาศ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเป็นที่ฮือฮาทันทีนะครับ เพราะ "พี่บาสไม่ได้โม้" สมรักษ์ คำสิงห์ ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกไทย จะกลับมาขึ้นสังเวียนมวยไทยอีกครั้งด้วยวัย 39 กะรัต เพื่อชกกับยอดมวยไทยในอดีตเช่นกันอีกรายหนึ่งคือ วันเผด็จ ผู้ครองฟ้า หรือ น.ท. ยอดวันเผด็จ สุวรรณวิจิตร ซึ่งปัจจุบันอายุ 51 ปี
ทั้งสองฝ่ายตกลงชกกันที่น้ำหนัก 70 กิโลกรัม ก็ถือว่าทั้งสองท่านยังรักษาสภาพร่างกายได้ดีมาก แต่ในความเห็นของผม ตกลงชกกัน 5 ยกก็ออกจะหวาดเสียวไม่น้อย แต่จากงานแถลงข่าวทางโปรโมเตอร์ มิตร นคร ก็รอบคอบมาก ทำประกันชีวิตให้ทั้งสองฝ่ายถึงฝ่ายละ 10 ล้านบาท (ฮา) รวมทั้งการไปขึ้นทะเบียนนักมวยให้ถูกต้องตามกฏหมายก็เป็นสิ่งที่ดีนะครับ ซึ่งผมก็หวังว่าทางหน่วยงานที่มีหน้าที่ควบคุมก็จะมีการดูแลเรื่องสภาพร่างกายของทั้งสองท่านให้พร้อมจริงๆ ที่จะขึ้นเวทีลุยกันในรูปแบบมวยไทยถึง 5 ยก
ผมเสียดายอยู่นิดเดียว ไหนๆ ก็จะย้อนเวลากลับไปแล้ว สมรักษ์ คำสิงห์ น่าจะกลับไปใช้ชื่อ พิมพ์อรัญเล็ก ซึ่งเป็นชื่อมวยไทยที่ พี่บาส แกโด่งดังขึ้นมาจะได้บรรยากาศกว่านี้มาก ทางด้าน น.ท. ยอดวันเผด็จนั้น ยังถือว่าใกล้ๆ กับชื่อเดิมสมัยโด่งดังในแบบมวยไทยคือ วันเผด็จ กลายเป็น ยอดวันเผด็จ ส่วนชื่อค่ายก็ต้องยอมเหมือนกันเพราะชื่อค่ายทั้งสองฝ่ายก็ห่างหายจากวงการมวยไปหมดแล้วทั้ง ศิษย์อรัญ และ ผู้ครองฟ้า
แฟนมวยก็คงตั้งตารอวันที่ 4 ตุลาคม ที่คู่นี้จะขึ้นชกกันนะครับ ซึ่งถ้าจะว่ากันตามตรง ก็คงหวังลีลาพลิ้วๆ มากไม่ได้แล้ว แต่การได้เห็นยอดมวยไทยในอดีตขึ้นเวทีมาเจอกันอีกครั้งนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะแฟนมวยขาจร ชื่อ สมรักษ์ คำสิงห์ ก็คงทำให้สนใจติดตามเรื่องมวยคู่นี้มากขึ้น และก็คงสร้างกระแสความคึกคักให้กับวงการมวยไทยได้ไม่น้อย สมกับที่ทางโปรโมเตอร์ และตัวนักมวยทั้งสองฝ่ายเอง ที่บอกว่า วัตถุประสงค์ของการกลับมาขึ้นเวทีครั้งนี้ก็เพื่อสร้างกระแสมวยไทยให้คึกคักขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
แต่ผมก็ฝากไว้นิดนึงเถอะครับ หากจะให้มวยไทยกลับมาคึกคัก ผมว่าคงจะต้องทำอะไรมากกว่าการแค่เอานักมวยดังในอดีตมาชกกันนะครับ อย่างแรกเลยเรื่องการให้คะแนน การตัดสิน ต้องเน้นให้ออกอาวุธกันให้จะแจ้ง มากกว่าที่จะมาเน้นรักษารูปมวย หรือประเภทยกแรกดูเชิง ยกสองตอดกันหน่อย ยกสามแหย่กันนิด ยกสี่ทำกันยกเดียว ยกห้าปิดกล่อง หรือเข้าปล้ำๆ เอาเข่าสีกัน แล้วหักล้มปุ๊บ ชนะเลย แบบนี้ปลุกยังไงก็ไม่คึกหรอกครับ ประเด็นอื่นๆ ก็มีอีก ทั้งการตัดสินค้านสายตา หรือการตัดสินโดยถูกเซียนมวยกดดัน การล้มมวย รวมไปถึงความปลอดภัยของแฟนมวยที่ไปดูที่สนาม เรียกว่าต้องทำอีกเยอะละครับ ส่วนมวยคู่ สมรักษ์-ยอดวันเผด็จ นี้ ถือว่าจัดในเชิงประชาสัมพันธ์ก่อนก็ว่ากันไปครับ