“วิกกินส์” กระตุ้นรัฐออกกฎนักปั่นใส่หมวกกันตาย

แบรดลีย์ วิกกินส์ ยอดนักปั่นจักรยานชาวอังกฤษ ออกโรงกระตุ้นให้ทางรัฐบาลออกกฎหมายบังคับให้ผู้ขับขี่จักรยานทุกคนในเมืองผู้ดี สวมใส่หมวกกันน็อก เพื่อป้องกันอันตรายบนท้องถนน หลังมีนักปั่นรายหนึ่งเสียชีวิต เนื่องจากโดนรถบัสพุ่งชนอย่างจัง

คล้อยหลังจากที่ วิกกินส์ คว้าเหรียญทองในการแข่งขันจักรยานประเภทจับเวลา (ไทม์ ไทรอัล) ในโอลิมปิกเพียง 1 ชั่วโมง ก็มีเหตุเศร้าเกิดขึ้น เมื่อมีชายคนหนึ่งที่ปั่นจักรยานอยู่ด้านนอกของโอลิมปิก ปาร์ก ประสบอุบัติเหตุโดนรถรับส่งผู้สื่อข่าวใน “ลอนดอนเกมส์” ชนเข้ากลางถนน ร้อนถึงเจ้าหน้าที่เร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลแต่ไม่ทันการณ์ เสียชีวิตใน 30 นาที ต่อมา

หลังการเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการจับกุมโชเฟอร์ตีนผี ด้วยข้อหาขับรถโดยประมาทจนทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต และเตรียมนำมาสอบสวนต่อ ซึ่งผู้สื่อข่าวไม่รอช้า รีบยิงคำถามใส่ แบรดลีย์ วิกกินส์ ถึงเรื่องนี้ทันทีหลังเกิดเหตุ โดยแชมป์ตูร์ เดอ ฟรองซ์ 2012 ก็ได้พยายามกระตุ้นให้มีการออกกฎบังคับให้ประชาชนสวมหมวกกันน็อก เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตบนท้องถนน

นักปั่นวัย 32 ปี เปิดเผยว่า “หากคุณล้มลงข้างถนนโดยไม่มีหมวกกันน็อก คุณก็ไม่มีทางหาคำโต้เถียงแน่ คุณมีโอกาสเสียชีวิจเสมอหากไม่ใส่หมวกกันน็อกยามขับขี่ ที่สำคัญ ไม่ควรที่จะออกไปขี่จักรยานข้างนอกโดยเสียบหูฟังไอพอดส์ หรือคุยโทรศัพท์ด้วย มันมีเรื่องมากมายที่ต้องได้รับการแก้ไขเกี่ยวกับการขับขี่จักรยานบนท้องถนน แต่สิ่งนั้นคงเกิดขึ้นไม่ได้ คุณย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นเพราะอะไร”

ทั้งนี้ รายงานข่าวจากเมืองผู้ดี ขุดสถิติอันน่าตกตะลึงว่าที่ผ่านมา มียอดผู้เสียชีวิตจากการขับขี่จักรยานบนท้องถนนสูงถึง 16 ราย ขณะที่ปีนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวยังคงซ้ำรอยเดิม โดยยกตัวอย่าง ไคล โคเอน หนุ่มวัยรุ่นอายุ 14 ปี ถูกรถชนเสียชีวิตขณะปั่นไปหาแฟนสาวที่เกนท์ เท่านั้นไม่พอ คาเดียน ฮาร์ดิง สาววัย 14 ปี ก็ถูกรถตู้ของเมอร์เซเดส ชนเสียชีวิตขณะปั่นสองล้อกับครอบครัวในมาร์ลโบโร ส่วนกรณีล่าสุดที่เกิดขึ้น ถือเป็นผู้เคราะห์ร้ายรายที่ 10 ที่้ต้องจบชีวิตจากอุบัติเหตุดังกล่าว