ขุนพลนักเตะทีมชาติสเปน ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศศึกฟุตบอลยูโร 2012 ได้แบบหืดจับ หลังเฉือนชนะ โปรตุเกส ในการดวลจุดโทษไป 4-2 ในเกมรอบรองชนะเลิศ เมื่อคืนวันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา ก่อนเตรียมเข้าไปป้องกันแชมป์ในคืนวันที่ 1 ก.ค.นี้
ฟุตบอลยูโร 2012 รอบรองชนะเลิศ
โปรตุเกส (2) 0-0 (4) สเปน
เกมที่สนาม ดอนบาสส์ อารีนา ประเทศยูเครน “แชมป์เก่า” สเปน ลงสนามดวลแข้งกับ โปรตุเกส ม้ามืดประจำทัวร์นาเมนต์ เกมนี้ “ฝอยทอง” ของ เปาโล เบนโต ส่งผู้เล่นชุดใหญ่เต็มสูบโดยมี คริสเตียโน โรนัลโด เป็นแกนนำ ส่วน “กระทิงดุ” ของ บิเซนเต เดล บอสเก จัดตัวขัดใจแฟนอีกครั้งด้วยการส่ง อัลวาโร เนเกรโด เป็นกองหน้าตัวจริงแทน เฟร์นานโด ตอร์เรส และ เชส ฟาเบรกาส
เปิดฉากครึ่งแรกมาไม่นาน โปรตุเกส มีลุ้นขึ้นนำอย่างรวดเร็ว จังหวะ เวโลโซ ปั่นบอลจากมุมธงฝั่งขวา บอลย้อยเกือบเข้าประตู แต่ คาซิยาส ไม่ประมาทกระโดดปัดบอลไว้ได้ ส่วน สเปน หวุดหวิดได้ประตูนำนาที 9 อิเนียสตา เลื้อยเข้าเขตโทษ ก่อนจ่ายให้ เนเกรโด ที่รออยู่แต่จับบอลไม่อยู่ บอลไหลเข้าทาง อาร์เบลัว วิ่งมาซัดจากแถวสอง แต่บอลเหินข้ามคานออกไป
นาที 12 โปรตุเกส ทำเสียวอีกรอบ โรนัลโด งัดทีเด็ดกระชากบอลไปสุดเส้นหลังก่อนเปิดหักเข้ามาให้ นานี โหม่ง แต่ คาซิยาส อ่านเกมออกวิ่งมาคว้าบอลไว้ได้ ต่อมานาที 15 ปิเก ชน โรนัลโด ล้มนอกเขตโทษบริเวณริมฝั่งซ้าย โรนัลโด ฉวยโอกาสยิงเองแต่บอลไปติดกำแพงออกข้างไป
ทั้งสองทีมเปิดเกมบุกสู้อย่างสนุกสนาน แต่ยังทำประตูไม่ได้ นาที 28 เนเกรโด ป้ายบอลคืนให้ ชาบี ที่รออยู่ในกรอบ ก่อนไหลออกซ้ายให้ อิเนียสตา จับบอลหนึ่งจังหวะแล้วยิงปั่นด้วยซ้าย แต่บอลเหินข้ามคานออกไป ต่อมานาที 30 โปรตุเกส เกือบทำแฟนบอลเฮทั้งสนาม โรนัลโด ได้โอกาสเหมาะยิงผ่านตัวประกบระยะเผาขน แต่บอลเฉี่ยวเสาแรกออกไปแบบเหลือเชื่อ
สเปน เริ่มครองบอลได้เยอะกว่าแต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เด็ดขาดเท่าที่ควร แถมยังโดนแฟนบอลคู่แข่งส่งเสียงรบกวนอย่างหนักหลังพยายามต่อบอลกันไปมา อย่างไรก็ตาม ช่วงท้ายไม่มีฝ่ายใดทำประตูกันได้ จบครึ่งแรก เสมอกันไปก่อน 0-0
ครึ่งหลังยังไม่มีการเปลี่ยนตัว นาที 50 สเปน บุกขึ้นมาจากขวา อาร์เบลัว สาดโด่งกลับเข้ามาหวังให้ เนเกรโด โฉบขึ้นมาโหม่ง แต่ เปเรยรา โหม่งเคลียร์ทิ้งออกไปได้ ส่วนโปรตุเกส นาที 56 อัลเมดา ที่แทบไม่มีบทบาทอะไรในครึ่งแรก หาจังหวะยิงไกลนอกเขตโทษ แต่บอลเหินข้ามคาน คล้อยหลังไป 2 นาที อัลเมดา กระชากขึ้นมายิงเองแต่บอลออกหลัง
นาที 59 โปรตุเกส เกือบได้จุดโทษหลัง โรนัลโด โดน รามอส เบียดล้มลงไป แต่ผู้ตัดสินทำเฉยไม่เป่าให้เป็นจุดโทษ แถมควักใบเหลืองให้ปีกของ รีล มาดริด ข้อหาพุ่งล้ม ส่วนสเปน นาที 63 เชส ฟาเบรกาส ตัวสำรองที่ลงมาแทน เนเกรโด โดน เปยเรรา ผลักล้มจนเสียฟรีคิก ชาบี เปิดบอลข้ามมาแต่แนวรับฝอยทอง โหม่งสกัดออกไปได้
โปรตุเกส ได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกนาที 71 หลัง อาร์เบลัว ไปทำฟาลว์ใส่ โรนัลโด แต่ดาวยิงตัวความหวังของทีมฝอยทอง ซัดโด่งเหินข้ามคานไปนิดเดียว เท่านั้นไม่พอ โรนัลโด ยังได้ซัดฟรีคิกอีก 2 ครั้งในช่วงนาที 80 ระยะไม่เกิน 30 หลา แต่กลายเป็นว่ายิงทิ้งยิงขว้างข้ามคานไปเหมือนเดิม
ท้ายเกม โปรตุเกส สวนกลับและเป็น โรนัลโด เจ้าเก่า ที่หลุดขึ้นมายิงด้วยซ้าย แต่บอลข้ามคานอีกครั้ง ส่วนสเปน ยังทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม จบ 90 นาที เสมอกันไป 0-0 ต้องดวลกันต่อในช่วงทดเวลาพิเศษ 30 นาที
ช่วงต่อเวลาพิเศษ “ฝอยทอง” เปิดเกมบุกแหลกหวังเอาประตูชัย แต่แนวรับของสเปนยังยืนกันได้เหนียวแน่น ส่วนนาที 103 แชมป์เก่าพลาดโอกาสขึ้นนำแบบเหลือเชื่อ อิเนียสตา ได้ยิงจ่อๆระยะ 5 หลา แต่ พาทริซิโอ เซฟไว้ได้ เท่านั้นไม่พอนาที 105 รามอส สังหารฟรีคิกระยะ 30 หลา แต่บอลลอยโด่งออกไป
นาที 113 สเปน ได้ลุ้นแบบจะจะ เปโดร สปีดกงล้อกระชากบอลขึ้นไปคนเดียว แต่สุดท้ายไปเสียบอลในเขตโทษเสียก่อน ซึ่งหลังจากนั้น กลายเป็นสเปน ที่ดาหน้าบุกขึ้นมาอยู่ฝ่ายเดียว แต่สุดท้ายทำประตูไม่ได้ ครบ 120 นาที ต้องมาตัดสินด้วยการยิงจุดโทษชี้ขาด ซึ่งถือเป็นเกมคู่ที่ 2 ในทัวร์นาเมนต์นี้ที่ค้องยิงจุดโทษหาผู้ชนะ
สองคนแรกของสเปนและโปรตุเกสอย่าง อลอนโซ และ มูตินโญ ต่างยิงติดเซฟผู้รักษาประตูทั้งหมด แต่จากนั้นตัวแทนทั้งสองทีมก็ยิงเข้าไปจนสกอร์เสมอกันที่ 2-2 รามอส ลงมาซัดให้สเปนขึ้นนำ 3-2 ทว่าคนที่ 4 ของโปรตุเกส อย่าง อัลเวส ยิงพลาด ก่อนที่ ฟาเบรกาส จัดการยิงปิดฉากให้ สเปน ชนะไป 4-2 ผ่านเข้าไปป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ ส่วน โรนัลโด ผู้รับหน้าที่ยิงเป็นคนสุดท้าย กลับไม่ได้ยิงก่อนกอดคอเพื่อนร่วมทีมตกรอบไปแบบเจ็บช้ำ
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
โปรตุเกส : รุย พาทริซิโอ, บรูโน อัลเวส, เปเป, ฟาบิโอ โคเอนเทรา, เจา เปเรยรา, มิเกล เวโลโซ, เจา มูตินโญ, ราอูล เมยเรเลส, คริสเตียโน โรนัลโด, หลุยส์ นานี, ฮูโก อัลเมดา
สเปน : อิเกร์ คาซิยาส, เคราร์ด ปิเก, เซร์จิโอ รามอส, อัลวาโร อาร์เบลัว, ฆอร์ดี อัลบา, ชาบี เอร์นานเดซ, ชาบี อลอนโซ, เซร์จี บุสเกสต์, อันเดรียส อิเนียสตา, ดาบิด ซิลบา, อัลวาโร เนเกรโด