ASTVผู้จัดการรายวัน-ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2012 เวลานี้ได้เห็นโฉมหน้า 4 ทีมทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศแล้ว ซึ่งตลอด 17 วันที่ผ่านมามีแข้งน่าจับตามองโชว์ของจนแจ้งเกิดแล้วหลายต่อหลายราย แต่ขณะเดียวกันก็มีพวก "ซูเปอร์สตาร์" ที่เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานจนเป็นเหตุให้ทีมชาติของตนเองต้องม้วนเสื่อกลับบ้านก่อนกำหนด ทีมข่าว MGR SPORT จึงถือโอกาสคัดเลือก 5 นักเตะ "ดาวอับแสง" ประจำทัวร์นาเมนต์นี้ฝากกัน
อังเดร อาร์ชาวิน (รัสเซีย)
4 ปีก่อนชื่อของ อาร์ชาวิน ได้รับการกล่าวขานหลังซัดประตูช่วงต่อเวลาพิเศษพา รัสเซีย เขี่ย เนเธอร์แลนด์ส ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายก่อนที่บั้นปลายจะสร้างเซอร์ไพรส์คว้าอันดับ 3 โดยหนนี้ถูกวางให้อยู่กลุ่ม เอ ที่ไม่แข็งนักทำให้ถูกมองว่าจะขึ้นมาเป็นม้ามืด นัดแรกที่ถล่ม สาธารณรัฐเช็ก 4-1 แข้ง อาร์เซนอล ที่ถูกปล่อยให้ เซนิค เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ยืมตัวใช้งาน จะยิงประตูไม่ได้แต่ก็มีส่วนเชื่อมบอลต่อเกมไหลลื่น อย่างไรก็ตาม 2 นัดที่เหลือฟอร์มเก่งกลับหดหายไม่สามารถแบกทีมให้ผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาท์ได้สำเร็จ แถมยังถูกรุ่นน้องอย่าง อลัน ซาโกเยฟ กลับรัศมี ด้วยวัย 31 ปีจึงมีโอกาสสูงที่จะต้องปิดฉากการรับใช้ทัพ "หมีขาว" ในเร็ววันนี้
โรบิน ฟาน เพอร์ซี (เนเธอร์แลนด์ส)
ด้วยผลงานถลุง 37 ประตูให้กับ อาร์เซนอล ฤดูกาลที่ผ่านมาประกอบกับฟอร์มของ เนเธอร์แลนด์ส ที่ยกระดับขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูโร 2008 ตามด้วยรองแชมป์โลก 2010 จึงถูกยกให้เป็นเต็งแชมป์แม้ว่าจะถูกจับติ้วให้อยู่ "กรุ๊ป ออฟ เดธ" ทว่า ฟาน เพอร์ซี ในฐานะกองหน้าตัวเลือกอันดับ 1 กลับยิงนกตกปลาตั้งแต่นัดแรกที่ถูก เดนมาร์ก พลิกสอยหงายเก๋ง 0-1 ทั้งที่ เวสลีย์ สไนเดอร์ และ อิบราฮิม อเฟลลาย ลำเลียงบอลงามๆ มาให้หลายครั้ง เท้าซ้ายที่เคยฉมังกลับยิงแบบไร้เรดาร์ แม้จะยิงกู้หน้าได้เกมแพ้ เยอรมนี 1-2 แต่ก็ไร้ค่า เพราะเจ้าของรหัสถล่มประตู "อาร์วีพี" ที่ลงเล่นครบ 270 นาทีไม่สามารถพา "อัศวินสีส้ม" กรุยทางเข้าสู่รอบน็อกเอาท์ด้วยผลงานอันน่าอับอายแพ้รวดอมบ๊วยของกลุ่ม
ซาเมียร์ นาสรี (ฝรั่งเศส)
ยูโร หนนี้ นาสรี ได้รับการคาดหมายว่าจะเปล่งประกายทายาทจอมทัพ ซีเนอดีน ซีดาน เพราะก่อนเปิดฉาก ฝรั่งเศส อยู่ในฟอร์มที่สวยหรูไร้ปราชัย 21 นัดรวด แถมส่วนตัวก็พา แมนเชสเตอร์ ซิตี คว้าแชมป์ พรีเมียร์ชิป อังกฤษ ทว่ากลับกลายเป็นทัวร์นาเมนต์แห่งฝันร้ายที่ยากจะข่มตาเนื่องจากไม่สามารถเข็น "ตราไก่" ผ่านด่านอรหันต์อย่าง "แชมป์เก่า" สเปน เข้าสู่รอบตัดเชือกเมื่อพ่ายไป 0-2 อีกทั้งแข้งวัย 24 ปีก็เป็นแค่ตัวสำรองได้เล่นเพียง 25 นาที หลังเกมด้วยวุฒิภาวะอันอ่อนด้อยฟิวส์ขาดปะทะคารมพร้อมหลุดสบถ "f*** you" ใส่นักข่าวจากประเทศบ้านเกิดจนหวิดวางมวย เขาตกเป็นเป้าโจมตีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะทันทีที่ยิงตีเสมอ อังกฤษ 1-1 นัดแรกรอบแบ่งกลุ่มได้ตอบโต้ด้วยการทำท่าดีใจเอานิ้วชี้แตะที่ริมฝีปาก พร้อมตะโกนว่า “หุบปากของคุณซะ” เพื่อมอบให้กับนักข่าวจาก “เลอ'กิ๊ป” ที่เขียนโจมตีฟอร์มการเล่น สุดท้ายก็เป็นเจ้าตัวที่ต้องแพ้ภัยตนเอง
วอจเซียช เซสนีย์ (โปแลนด์)
ก่อนทัวร์นาเมนต์เปิดฉาก เซสนีย์ ได้รับการยกย่องไม่น้อยพอๆ กับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ยาคุบ บลาซีคอฟสกี ลูคัสซ์ ปิสเซค 3 ประสานจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ ลูโดวิช โอบราเนียค จาก บอร์กโดซ์ ว่าจะพา โปแลนด์ เจ้าภาพร่วมผ่านรอบแรกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เพราะฟอร์มเหนียวหนึบกับ อาร์เซนอล ทั้งที่อายุอานามเพียง 22 ปีทว่าเจ้าตัวกลับต้องจำจนวันตายกับการแข่งขันระดับเมเจอร์ครั้งแรกเพราะไปรวบ ดิมิทริส ซัลปิจิดิส จนเสียจุดโทษพร้อมกับรับใบแดงถูกไล่ออกจากสนามครึ่งหลังแม้ว่าจะโชคดีที่เสมอกับ กรีซ 1-1 แต่ขุนพล "โปลสกา" ก็ฝันสลายมีอันต้องตกรอบแรก โดยเขาได้สัมผัสเกม ยูโร ไปเพียงแค่ 68 นาทีเท่านั้น ถือเป็นมือกาวฝีมือดีแต่ตอนรับใช้สโมสรมักจะพลาดง่ายๆ จนทีมต้องวืดชัยบ่อยครั้ง
แอชลีย์ ยัง (อังกฤษ)
แม้ อังกฤษ จะผงาดคว้าแชมป์กลุ่ม ดี อย่างน่าประหลาดใจ แต่มีนักเตะที่โชว์ฟอร์มต่ำกว่ามาตรฐานโดยประสิทธิภาพการทำเกมริมเส้นของ ยัง ไม่เข้าตาเท่ารุ่นน้องอย่าง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน รวมถึง ธีโอ วัลค็อตต์ ทั้งที่ได้รับโอกาสตลอดทั้ง 3 นัดแต่ไม่ได้แอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทัพ "สิงโตคำราม" ทำประตูได้เลย แม้ว่า 2 นัดที่ชนะ สวีเดน 3-2 และ ยูเครน 1-0 จะถูก รอย ฮ็อดจ์สัน มอบหมายให้กลับไปเล่นตำแหน่งถนัดแล้วก็ตาม ล่าสุดทีมก็มีอันต้องจอดป้ายแค่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเนื่องจากปีกวัย 26 ปีของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็น 1 ในคนที่ซัดจุดโทษพลาดจนแพ้ดวลเป้า อิตาลี
