“แคร์โรลล์” โขกชัย “หงส์” พลิกแซง 2-1 ชิงเอฟเอ

แอนดี แคร์โรลล์ หัวหอกร่างโย่งช่วยโขกประตูชัยในช่วงท้ายเกม ทำให้ ลิเวอร์พูล พลิกแซงเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ไปได้ 2-1 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศศึกเอฟเอคัพ ไปรอพบกับผู้ชนะระหว่าง เชลซี กับ ทอตแนมฮอตสเปอร์ ในเกมเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ
ลิเวอร์พูล 2-1 เอฟเวอร์ตัน

เกท “เมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้” เวอร์ชัน เอฟเอ คัพ ที่สนามเวมบลีย์ ลิเวอร์พูล ปะทะ เอฟเวอร์ตัน เกมนี้ “หงส์แดง” ใช้ หลุยส์ ซัวเรซ จับคู่กับ แอนดี แคร์โรลล์ ในแนวรุก โดยมี สตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันทีมคุมเกมตรงกลาง ด้าน “ทอฟฟีเมน” จับ นิคิช่า เยลาวิช หัวหอกฟอร์มแรงเป็นกองหน้าตัวเป้า และมี ทิม เคฮิลล์ ยืนทำเกมด้านหลัง

เริ่มเกมมา 3 นาที ลิเวอร์พูลเปิดฉากลุยใส่ทันที แคร์โรลล์ กระชากขึ้นทางขวา ก่อโยนกลับมาให้ เจย์ สเพียริง ตามขึ้นมาแปเน้นๆ บอลเหินข้ามคานออกไปไม่ไกล ถัดมานาทีที่ 6 เป็นฝั่ง เอฟเวอร์ตัน มีโอกาสลุ้นจากฟรีคิกหน้าเขตโทษของ เลห์ตัน เบนส์ บรรจงปั่นข้ามกำแพง แต่บอลสูงไปนิดเดียว

เกมช่วงแรกเปิดแรกกันสนุก กระทั่งนาที 14 “หงส์แดง” ขึ้นเกมมาอีกหน เจอร์ราร์ด วางบอลยาวให้ แคร์โรลล์ โขกตั้งกลับมาถึง มาร์ติน สเคอร์เทล พักบอลลงหนึ่งที่ก่อนตั้งป้อมวอลเลย์ด้วยอีซ้ายแต่บอลพุ่งไปเข้าซองของ ทิม ฮาวเวิร์ด รับไว้ได้หนึบ แต่แล้วนาที 24 แฟนเดอะค๊อปส์ ที่ตามมากันถึงเวมบลีย์ต้องเงียบกริบเมื่อ มาร์ติน สเคอร์เทล กับ เจมี คาร์ราเกอร์ กั๊กกันเองไม่ยอมเคลียร์ทิ้ง ก่อนเป็น คาร์ราเกอร์ เตะไปติด เคฮิลล์ กระดอนมาเข้าทาง เยลาวิช แปสวนตัว แบร๊ด โจนส์ เข้าไปง่ายๆ ส่งให้ “ทอฟฟีเมน” ขึ้นนำ 1-0

หลังเสียประตู ลิเวอร์พูล พยายามกลับมาครองเกมบุก แต่ทำได้ดีแต่ยังไม่มีจังหวะลุ้นสกอร์ เกมดำเนินถึงนาที 36 เจอร์ราร์ด ลากบอกขึ้นมาหาจังหวะยิงไกลจากระยะ 30 หลา ทว่าบอลข้ามคานออกไปเหมือนเดิม ทำให้จบครึ่งแรกเป็น เอฟเวอร์ตัน นำอยู่ 1-0 เคนนี ดัลกลิช ต้องกลับมาแก้เกมมาใหม่ครึ่งหลัง

กลับมาเตะครึ่งหลังไม่ถึง 2 นาที สจ๊วร์ต ดาวนิง ลากขึ้นมาขึ้นทางซ้ายเปิดข้ามมาทางเสาสองให้ แคร์โรลล์ ขึ้นโขกคนเดียวแบบไม่มีตัวประกบ แต่สะบัดมากไปบอลหลุดกรอบแบบไม่น่าเชื่อ จากนั้นเกมเปิดแลกกันสนุก แต่นาที 61 ลิเวอร์พูล มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากความผิดพลาดของ ซิลแว็ง ดิสแต็ง ที่ส่งคืนหลังพลาด เป็น ซัวเรซ ตามมาฉกบอลหลุดเดี่ยว ก่อนจิ้มสวนตัว ฮาวเวิร์ด เข้าไปไม่มีเหลือ

หลังถูกตีเสมอ เป็น เอฟเวอร์ตัน ที่เดินหน้าลุยใส่และมีลุ้นมากกว่า ขณะที่ ลิเวอร์พูล อาศัยเกมสวนกลับปั่นป่วน จากนั้น เกมสู้กันที่กลางสนามและเริ่มเข้าบอลกันหนักขึ้นเรื่อยๆ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เริ่มคุมอารมณ์ไม่อยู่ ทำให้ ดัลกลิช ต้องตัดสินใจเปลี่ยนตัวออกและใช้ มักซี โรดิเกวซ ลงมาทำเกมแทน นาที 76 เป็น เอฟเวอร์ตัน ได้ลุ้นอีก ลีออน ออสแมน พลิกบอลหนี คาราเกอร์ และยิงด้วยขวา บอลส่ายแต่ โจนส์ เซฟไว้ได้เยี่ยม

ถัดมา 2 นาที ลิเวอร์พูล ทำเกมโต้กลับมาเร็ว เจอร์ราร์ด เปิดบอลเข้ากลาง แนวรับ เอฟเวอร์ตัน เคลียร์ไม่ดีมาเข้าทาง แคร์โรลล์ ล็อกเข้าซ้ายยิงหักข้อแต่บิดมากไปบอลถากเสาออกไปนิดเดียว นาที 81 เยลาวิช ได้บอลก่อนสับไกยิงกะเล่นเสาแรกแต่บอลเข้าไปแค่หน้าต่างแบบแฟนได้เสียว เกมทำท่าว่าจะจบ 90 นาทีด้วยผลเสมอ แต่นาที 87 จากลูกฟรีคิกของ เคร็ก เบลลามี โยนเข้ามาให้ แคร์โรลล์ โขกเช็ดบางๆ เปลี่ยนทางเข้าไปทางเสาสอง ชนะให้ “หงส์แดง” พลิกแซง 2-1 จากนั้นเวลาที่เหลือ เอฟเวอร์ตัน พยายามบุก แต่ไม่ทันเวลา จบเกม ลิเวอร์พูล เอาชนะตบเท้าเข้าสู่รอบชิงชนะไปด้วยสกอร์นี้ ผ่านเข้าไปรอพบกับผู้ชนะระหว่าง ทอตแนมฮอตสเปอร์ หรือ เชลซี

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : แบร๊ด โจนส์, เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, เจมี คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจย์ สเพียริง, สจ๊วร์ต ดาวนิง, สตีเวน เจอร์ราร์ด, หลุยส์ ซัวเรซ, แอนดี แคร์โรลล์
เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาวเวิร์ด, ฟิล เนวิลล์, จอห์นนี่ ไฮติงก้า, ซิลแว็ง ดิสแต็ง, เลห์ตัน เบนส์, มากาเย กูเอเย, มารูยาน เฟลไลนี, ดาร์รอน กิ๊บสัน, ลีออน ออสแมน, ทิม เคฮิลล์, นิคิช่า เยลาวิช