แดนนี แคมป์เบลล์ วัยรุ่นชายที่รถของเขาถูกชนจากรถเบนท์ลีย์คันงามของ มาริโอ บาโลเตลลี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา เผยคิดว่า ตนเองกำลังตายขณะที่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมตำหนิหัวหอกจอมฉาวแมนเชสเตอร์ ซิตี ใจดำ ไม่ยอมแม้แต่ออกจากรถมาสอบถามอาการเจ็บสักนิด
หลังเกิดเหตุการณ์ที่ บาโลเตลลี ซิ่งเก๋งชนกับรถคันอื่น บริเวณใจกลางเมืองแมนเชสเตอร์ จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกส่งโรงพยาบาล 1 คน แต่เจ้าตัวไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างใด โดยล่าสุด แคมป์เบลล์ วัย 18 ปี เหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุได้ออกมาเปิดเผยเหตุการณ์ผ่านทาง “เดอะ ซัน” แทบลอยดย์จอมแฉเมืองผู้ดี ว่า “ถ้าหากรถชนใกล้ประตูมากกว่านี้ ผมก็คงตายแล้ว รถผมหมุน 360 องศาและผมรู้สึกช็อกมาก”
สำหรับอุบัติเหตุเกิดขึ้น ขณะที่ แคมป์เบลล์ กำลังกลับรถหลังจากเพิ่งส่งพ่อของเขา แซม ลงหมาดๆ “ผมกลับรถอย่างที่เคยทำมาก่อน และผมเห็นรถคันสีขาววิ่งมาแล้ว แต่เป็นระยะห่างพอสมควร มันปลอดภัยที่จะเลี้ยว แต่พอเลี้ยวได้แค่ครึ่งคัน รถคันนั้นก็วิ่งมาชนรถผมทันที ผมนึกในใจว่าคงต้องเจ็บตัวแน่ จากระยะของรถที่ผมเห็นก่อนหน้านั้นกับตอนที่ชนผมไม่ถึง 5 วินาทีด้วยซ้ำ บาโลเตลลี ไม่แม้แต่ดูว่าผมเป็นอย่างไรบ้าง มันน่าโมโหมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น รถคันนี้เป็นความภูมิใจของผม”
ขณะที่ แซม พ่อของเจ้าทุกข์ ซึ่งเห็นเหตุการณ์ตลอด กล่าวว่า “ผมดึง แดนนี ออกมาจากรถ ร่างกายเขาบิดงอ เพราะอาการเจ็บ ผมรู้สึกกลัวมาก เพราะเขาไม่ขยับเขยื้อนเลย หลังจากนั้นผมไปหา บาโลเตลลี โดยเขามีผู้หญิงผิวสีน้ำตาลนั่งมาด้วย เขาลดหน้าต่างลงและผมพูดกับเขาว่า “คุณชนรถลูกผม” เขาสมควรจะออกจากรถมาดูว่า แดนนี เป็นอะไรหรือไม่ ทั้งที่เขาอยู่ที่นั้นเป็นชั่วโมงแต่ไม่ยอมออกมาดูลูกผมเลย”
ทั้งนี้ บาโลเตลลี แม้เสียรถเบนท์ลีย์คันสวยไป แต่ยังมีรถสำรอง แรนจ์ โรเวอร์ ราคา 45,000 ปอนด์ (ประมาณ 2.2 ล้านบาท) ซึ่งขับมายังสนามซ้อมของแมนฯ ซิตี อย่างสบายใจเฉิบ