อันโตนิโอ วาเลนเซีย และ แอชลีย์ ยัง ยิงคนละประตูในช่วงท้ายเกมช่วยให้ “ผีแดง ” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกเอาชนะ “กุหลาบไฟ ” แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส 2-0 พร้อมนำเป็นจ่าฝูงทิ้งห่าง 5 แต้ม ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ นัดมันเดย์ ไนท์ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 2 เม.ย. 2555
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส 0 - 2 แมนฯ ยูไนเต็ด
แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมจ่าฝูงบุกเยือน แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส ทีมอันดับ 17 ที่สนามอีวูด พาร์ก ถ้าหากเก็บชัยชนะก็จะทำแต้มทิ้งห่างอันดับสอง แมนฯ ซิตี ห่าง 5 คะแนน เกมนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จัดการส่ง ฟิล โจนส์ ลงเจอกับทีมเก่าโดยเล่นตรงกลางร่วมกับ พอล สโคลส์ และ ไมเคิล คาร์ริก ขณะที่เกมรุก อันโตนิโอ วาเลนเซีย เวย์น รูนีย์ และ ฮาเวียร์ เฮร์นานเดซ เป็นสามประสานแดนหน้า ทางฝั่งเจ้าถิ่นของกุนซือ สตีฟ คีน ฝากความหวังในการยิงประตูไว้ที่ ยาคูบู และ เดวิด ฮอยเลตต์ สองศูนย์หน้าของทีม
เปิดฉากครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด เดินหน้าบุกใส่ทันที ในนาที 6 ก็มีโอกาสครั้งแรกจากจังหวะที่ เวย์น รูนีย์ วางบอลยาวมาจากแดนตัวเองเข้าไปในเขตโทษของแบล็กเบิร์น ชิชาริโต พักอกเอาบอลลง แต่จังหวะสุดท้ายตวัดยิงหลุดเสาออกไป
อีก 4 นาทีถัดมา กองหน้าเม็กซิกัน ก็มีโอกาสอีกครั้ง อันโตนิโอ วาเลนเซียผ่านบอลจากกราบขวาเข้ามาหน้าประตู ชิชาริโตชาร์จเสาแรก บอลไปชนเสาก่อนถูก พอล โรบินสัน นายด่านเจ้าถิ่นตามมาตะครุบไว้ได้ ต่อมานาที 12 ไมเคิล คาร์ริก ลองสับไกยิงจากนอกเขตโทษ แต่บอลเหินข้ามคานออกหลัง
ด้าน แบล็กเบิร์น เริ่มตั้งเกมของตัวเองได้จนมีลุ้นครั้งแรกในนาที 17 เมื่อ จูเนียร์ ฮอยเลตต์ กระชากบอลมาตะบันจากระยะ 30 หลา แต่ ดาบิด เด เคอา นายทวารเลือดกระทิง พุ่งปัดออกหลังอย่างยอดเยี่ยม ทีมเยือนตอบโต้กลับในนาที 34 รูนีย์ หยอดบอลจากกราบขวาไปทางเสาสอง ฟิล โจนส์ ขึ้นโหม่งคนเดียวแต่สะบัดออกหลัง
“กุหลาบไฟ” กลายเป็นฝ่ายครองเกมบุกมากกว่าในช่วงท้ายครึ่งแรกจนมีโอกาสทอง 2 ครั้ง โดยนาที 45 กองหลัง “ผีแดง” เคลียร์บอลไม่ขาด บอลมาเข้าทาง มาร์คัส โอลส์สัน วอลเลย์จากนอกเขตโทษ บอลกำลังจะเสียบใต้คาน แต่ เด เคอา เหินปัดทิ้งไปได้ จังหวะเตะมุมถัดมา นายด่านทีมชาติสเปนก็เซฟลูกโหม่งของ แกรนท์ ฮานลีย์ ทำให้จบครึ่งแรกทั้งสองทีมจึงเสมอกัน 0-0
แมนฯ ยูไนเต็ด ออกสตาร์ทดีกว่าในครึ่งหลัง นาที 52 รูนีย์ ลองส่องจากนอกเขตโทษบอลเหินข้ามคาน ขณะที่ ยาคูบู มีโอกาสสับไกยิงประตูให้ แบล็กเบิร์น ถึง 2 ครั้งช่วงนาที 59 และ 60 แต่บอลก็ไม่ตรงกรอบ ต่อมานาที 63 ทีมเยือนเสียฟรีคิกระยะประมาณ 20 หลา เด เคอา รับบอลจากลูกยิงของ มอร์เทน กัมส์ท พีเดอร์เซน กระฉอก แต่ยังดีไม่มีใครตามมาซ้ำ
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เริ่มปรับเปลี่ยนทีมส่ง แดนนี เวลเบ็ก และ ไรอัน กิ๊กส์ แทนที่ ชิชาริโต และ โจนส์ แต่เจ้าถิ่นยังทำเกมบุกอย่างต่อเนื่อง ในนาที 64 สตีเวน เอ็นซอนซี ทำเกมขึ้นมาทางขวาจนสุดเส้นหลัง ก่อนเปิดเข้ากลาง พีเดอร์เซน วิ่งมาวอลเลย์เสียบเสาไปแบบสุดสวย แต่กลายเป็นว่า เอ็นซอนซี ทำบอลออกหลังไปแล้วตั้งแต่จังหวะแรก
นาที 79 ทีมเยือนส่งไพ่ตายใบสุดท้าย แอชลีย์ ยัง มาแทนที่ พอล สโคลส์ หลังจากนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มขึงเกมบุกหนัก กระทั่งอีก 2 นาทีถัดมาก็ทำประตูออกนำ 1-0 ได้สำเร็จ วาเลนเซีย ครองบอลทางริมเขตโทษด้านขวา แต่ไม่เปิดตัดสินใจยิงเอง บอลโค้งผ่านมือ โรบินสัน เข้าเสาสองอย่างสวยงาม
“ผีแดง” ได้ใจเดินหน้าบุกต่อ มาถึงนาที 85 ก็ขยับหนี 2-0 แอชลีย์ ยัง ได้บอลจาก วาเลนเซีย บริเวณหน้าเขตโทษ ก่อนพลิกตัวยิงบอลเบียดเสาซุกก้นตาข่าย หลังจากนั้น ไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มอีก จบเกมด้วยชัยชนะของ แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมเก็บคะแนนเพิ่มเป็น 76 คะแนน ทิ้งห่าง 5 คะแนนจากอันดับสอง แมนฯ ซิตี ขณะที่ แบล็กเบิร์น มี 28 คะแนน เท่าเดิมหล่นไปอยู่ที่ 18 ของตาราง เนื่องจากประตูได้-เสียเป็นรองควีนสปาร์ก เรนเจอร์
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงทั้งสองทีม
แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส - พอล โรบินสัน, แกรนท์ ฮานลีย์, สกอตต์ แดนน์, มาร์ติน โอลส์สัน, แบรดลีย์ ออร์, เจสัน โลว์, สตีเวน เอ็นซอนซี, มาร์คัส โอลส์สัน, มอร์เทน กัมสท์ พีเดอร์เซน, ยาคูบู, จูเนียร์ ฮอยเลตต์
แมนฯ ยูไนเต็ด - ดาบิด เด เคอา, ริโอ เฟอร์ดินานด์, จอนนี อีแวนส์, ปาทริซ เอฟรา, ราฟาเอล, ไมเคิล คาร์ริก, ฟิล โจนส์, พอล สโคลส์, เวย์น รูนีย์, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ฮาเวียร์ เฮร์นานเดซ
