ASTVผู้จัดการรายวัน -บทแรกของทีมบาสเกตบอลชายสหรัฐฯซึ่งคนทั่วโลกรู้จักในนาม "ดรีมทีม" เริ่มต้นในการแข่งขันโอลิมปิกปี 1992 ในบาร์เซโลนาเกม เมื่อสหพันธ์บาสเกตบอลนานาชาติอนุญาติให้ผู้เล่นอาชีพสสามารถลงสนามทำการแข่งขันให้กับทีมชาติของตนเองได้ และทำให้สนามการแข่งขันบาสเกตบอลในโอลิมปิกปี 1992 คือพื้นที่รวมตัวของเหล่าซูเปอร์สตาร์จากเอ็นบีเอ และแน่นอนว่าผู้เล่นจากลีกอาชีพบาสเกตบอลที่ใหญ่และดีที่สุดในโลกภายใต้ฉายา "เดอะดรีมทีม" คว้าเหรียญทองไปคล้องคอได้สมความตั้งใจ
หลังจากนั้นคือการเปิดศักราชของทีมบาสเกตบอลสหรัฐฯทำให้รุ่นต่อมีหน้าที่รักษาสถิติอันเป็นตำนาน และ เหรียญทองจากลอนดอน 2012 คือคำตอบที่ เดรอน วิลเลี่ยมส์ ไม่จำเป็นต้องคิดเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเป้าหมายของ “ดรีมทีม” รุ่นใหม่ที่เกิดขึ้นหลังความสำเร็จของ “เดอะรีดีม ทีม” (The Redeem Team)ในโอลิมปิก 2008
การเปิดตัวชุดแข่งทีมบาสเกตบอลสหรัฐฯ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ไนกี้ ไฮเปอร์ อีลิท ( Nike Hyper Elite) ที่มีน้ำหนักประมาณ 400 กรัม ผลิตจากโพลีเอสเตอร์ 96 เปอร์เซนต์โดยเป็นเสื้อที่ใช้ขวดพลาสติกในนำมารีไซเคิลในการผลิต12 ขวด ต่อหนึ่งตัว รวมไปถึง นวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากบริษัทผู้ผลิตเครื่องกีฬาชื่อดังที่จะมาสนับสนุนทีมชาติสหรัฐฯ ไปได้ถึงจุดหมายของเหรียญทองในโอลิมปิกกับ “ไนกี้ ไฮเปอร์ดังค์” และ ไนกี้ พลัสบาสเกตบอล” อันเป็นเครื่องมือที่ทำงานร่วมกันระหว่างรองเท้าบาสฯและระบบเซนเซอร์จากไนกี้ พลัส ทั้งนี้เพื่อควบคุมมาตรฐานและพัฒนาการของเหล่าผู้เล่นให้ก้าวไปถึงขีดสุดของตนเอง
โดยนักบาสเกตบอลที่ทำหน้าที่ในการสวมเสื้อทีมชาติสหรัฐฯที่ได้ปรากฎสู่สายตาชาวโลกเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เดรอน วิลเลี่ยมส์ การ์ดทีมชาติ และ ผู้เล่นของทีม นิวเจอร์ซีย์ เน็ตส์ ทั้งนี้ เดรอน กล่าวถึงชุดแข่งของไนกี้ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้ผู้เล่นที่ได้สวมใส่รู้สึกสบายและเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องเแคล่ว โดยกล่าวว่า "เมื่อได้สวมเสื้อทีมชาติชุดใหม่ที่ผลิตโดยไนกี้ ผมรู้สึกว่าเหมือกับตนเองนั้นใส่เพียงแค่เสื้อซับในเพียงแค่ตัวเดียว" ซึ่งนั่นเป็นผลมาจากเทคโนโลยีเฉพาะของไนกี้ ที่ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกเบาสบาย น้ำหนักของชุดแข่งนั้นหนักเพียงแค่ 400 กรัม ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าชุดแข่งที่เหล่าผู้เล่นอาชีพใส่กัน ซึ่งน่าจะทำให้ทุกคนในทีมรู้สึกดีที่จะได้สวมใส่ในการลงสู่สนามแข่งขัน"
เมื่อการ์ดทีมชาติสหรัฐฯ มาทำหน้าที่เป็นนายแบบให้กับชุดแข่งของ "ดรีมทีม" สิ่งที่บรรดาผู้สื่อข่าวต้องการจะรู้มากที่สุดจาก "เดรอน" คือความพร้อมของทีมบาสเกตบอลที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในโลก จากสถิติที่ลงสนามในนามดรีมทีมนั้น คว้าเหรียญทองมาแล้วในปี 1992 1996 2000 และ 2008 พลาดไปเพียงครั้งเดียวในปี 2004 ที่ทำได้แค่เหรียญทองแดง แต่ถ้านับจากสถิติที่ลงสู่สนามในโอลิมปิกทั้งหมด 17 ครั้งทีมบาสเกตบอลสหรัฐฯ นั้นคว้าเหรียญทองจากโอลิมปิกได้ถึง 13 สมัย เหรียญเงินหนึ่งครั้งในปี 1972 และ เหรียญทองแดงสองครั้งในปี 1988 และ 2004 นับว่ามากที่สุดของบรรดาทีมบาสเกตบอลที่ลงสู่สนามการแข่งขันโอลิมปิก
"แน่นอนว่าสิ่งที่นักบาสเกตบอลสหรัฐฯทุกคนในเวลาแบกรับเอาไว้คือความกดดันที่เพื่อนร่วมชาติต้องการเห็นชัยชนะและเหรียญทองจากโอลิมปิก" นั่นคือสิ่งที่ เดรอน ตอบคำถามต่อผู้สื่อข่าวก่อนขยายความว่า "แต่ถึงแม้ว่าพวกเราทุกคนจะรับรู้ได้ถึงความกดดันที่ต้องการเห็นชัยชนะหากทุกคนในทีมต่างมุ่งมั่นต่อการแข่งขันที่จะมาถึงเป็นอย่างยิ่งและเรามีเป้าหมายเดียวกันคือเหรียญทองจากลอนดอนเท่านั้น”
ทั้งนี้ เดรอน ถูกถามต่อถึงทีมที่เขาคิดว่าจะเป็นคู่แข่งในลอนดอน 2012 ซึ่งการ์ดทีมชาติสหรัฐฯ ตอบกลับได้อย่างสนใจว่า "ทุกวันนี้บาสเกตบอลกลายเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมในระดับสากลไปแล้ว จะเห็นว่าผู้เล่นใน เอ็นบีเอ นั้นไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ นักบาสฯ ในสหรัฐฯ เท่านั้นแต่ยังมีผู้เล่นจากต่างประเทศอย่าง สเปน กรีซ หรือ อาร์เจนติน่า ต่างเป็นผู้เล่นที่มากความสามารถ และ แน่นอนว่าพวกเขาต้องลงเล่นให้กับทีมชาติของตนเอง และนี่คือสิ่งที่พวกเราประมาทไม่ได้"
นอกจากนี้ เดรอน ยังได้กล่าวถึง "ดรีมทีม" ประจำโอลิมปิก 2012 ทิ้งท้ายไว้ว่า "ที่ผ่านมา "ดรีมทีม" คือทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในการแข่งขันบาสเกตบอลในระดับนานาชาติ ผลงานที่รุ่นก่อนๆได้สร้างไว้คือสิ่งที่พวกเราให้ความเคารพ และ ดำเนินรอยตามสำหรับ ดรีมทีมในปีนี้มีผู้เล่นมากกว่าความสามารถจากทีมในเอ็นบีเออีกหลายคนไม่ว่าจะเป็น คาร์เมโล แอนโทนี่ (นิวยอร์ค นิกส์) โคบี้ ไบรอัน (แอลเอ เลเกอร์ส) ดไวท์ ฮาร์เวิร์ด (ออร์แลนโด แมจิค) และ ดเวน เวด (ไมอามี่ ฮีท)รวมไปถึงผู้เล่นอีกหลายคนที่มากประสบการณ์ในเกมและด้วยความสามารถที่รวมกับความตั้งใของพวกเราทุกคน ผมเชื่อว่าเป้าหมายเหรียญทองในลอนดอนเกมส์น่าจะอยู่ไม่ไกลจนเกินไป”