"เดอะ ไลท์ บลูส์" กลาสโกว์ เรนเจอร์ แชมป์ลีกลูกหนังแดนขี้เมา ประสบปัญหาทางการเงินจนยื่นคำร้องต่อศาลเมืองเอดินเบิร์กเมื่อวันจันทร์ที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมาเพื่อจะขอเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ ถ้าหากแพ้คดีถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง
เรนเจอร์ กำลังรอฟังคำตัดสินของศาลในคดีหลบเลี่ยงภาษีที่ถูกกรมสรรพากรยื่นฟ้อง ถ้าหากแพ้คดี สโมสรก็ไม่มีเงินจ่ายค่าชดเชยที่คาดว่าไม่ต่ำกว่า 50 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2.5 พันล้านบาท) ดังนั้นจึงต้องเตรียมยื่นเรื่องขอเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ
ด้าน เคร็ก ไวท์ ประธานสโมสร เรนเจอร์ส ซึ่งจ่ายเงินเพียง 1 ปอนด์ (ประมาณ 50 บาท) ซื้อหุ้น 85 เปอร์เซนต์ของสโมสรมาจาก เซอร์ เดวิด เมอร์เรย์ เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว แต่ต้องใช้ชดหนี้ของสโมสรจำนวน 18 ล้านปอนด์ (ประมาณ 900 ล้านบาท) กล่าวว่าไม่มีทางเลือกอื่นเพื่อที่จะให้สโมสรซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1872 ดำรงอยู่ต่อไป
"มันน่าผิดหวังมากที่สโมสรมาถึงจุดนี้ แต่การตัดสินใจเป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อรักษาสโมสรให้อยู่ต่อไป มันเป็นความจริงที่ยากยอมรับ แต่ถ้าหากเราไม่ดำเนินการอะไรก็จะทำให้สโมสรอยู่ภายใต้ความเสี่ยง" ไวท์ กล่าว
เรนเจอร์ ซึ่งคว้าแชมป์ลีกสกอตสูงสุด 54 สมัย แต่ปัจจุบันทีมอยู่อันดับ 2 ของตารางมีคะแนนตามหลังจ่าฝูง "ม้าลายเขียว-ขาว" กลาสโกว์ เซลติก คู่ปรับร่วมเมืองอยู่ 4 แต้ม และถ้าหากต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการก็จะถูกปรับ 10 แต้มหมดสิทธิ์ป้องกันแชมป์ฤดูกาลนี้แน่นอน
นอกจากนี้ถ้าหากเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ เรนเจอร์ จะต้องลดค่าใช้จ่ายต่างๆและปลดเจ้าหน้าที่ของสโมสร โดยเดือนมกราคมที่ผ่านมา สโมสรเพื่อขาย นิคิกา เยลาวิช กองหน้าทีมชาติโครเอเชียไปให้แก่ เอฟเวอร์ตัน แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพื่อเอาเงินมาจุนเจือสโมสร
เรนเจอร์ เป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลบนเกาะอังกฤษที่มีแฟนบอลมากที่สุด โดยฤดูกาลนี้มีแฟนบอลเข้ามาชมเกมในสนามเฉลี่ย 45,000 คน อย่างไรก็ตาม 12 ทีมในสกอตติช พรีเมียร์ลีก มีรายได้น้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับบรรดาทีมบนเวทีพรีเมียร์ลีก จากค่าลิขสิทธิ์และสปอนเซอร์ต่างๆ