อธิบดีกรมสรรพากร ชี้แจงมาตรการเก็บภาษีย้อนหลังธุรกิจผิดกฎหมาย "บ่อน-โต๊ะบอล-ค้ายา" ยันดำเนินการนานแล้ว ไม่เกี่ยว FATF ขึ้นบัญชีดำไทย และมีการตรวจสอบ พร้อมประเมินภาษีผู้ต้องหา ควบคู่กันไปกับการดำเนินคดีของตำรวจ ลั่นสามารถตามเก็บย้อนหลังได้ 10 ปี ยันธุรกิจขายใบกำกับภาษีปลอม โดนดาบสองเชือดแน่
นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวถึงมาตรการเรียกเก็บภาษีย้อนหลังผู้ประกอบการธุรกิจผิดกฎหมาย อาทิ บ่อนการพนัน, โต๊ะพนันบอล, การค้ายาเสพติด โดยยืนยันว่า เป็นมาตรการที่ได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ตำรวจ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ควบคู่กันมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ไม่ได้เป็นการดำเนินการหลังจากที่คณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อการดำเนินมาตรการทางการเงิน เกี่ยวกับการฟอกเงิน หรือ FATF ได้ขึ้นบัญชีประเทศไทยเป็นประเทศที่ต้องเฝ้าระวังเกี่ยวกับการฟอกเงิน
โดยมาตรการดังกล่าวดำเนินตามหลักเกณฑ์และหน้าที่ของกรมสรรพากร ในการจัดเก็บรายได้ไม่ว่ามาจากประเภทใดเพื่อนำเงินนอกระบบมาพัฒนาประเทศ ซึ่งขั้นตอนการดำเนินการนั้น หลังจากที่ตำรวจได้บังคับใช้กฎหมายในการควบคุมตัวผู้ต้องหา กรมสรรพากรจะตรวจสอบและประเมินภาษีควบคู่กันไป เนื่องจากหน่วยงานอื่นอาจไม่มีอำนาจ หรือ ความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน
ทั้งนี้ หากพบว่าไม่เคยมีการเสียภาษี ก็จะใช้อำนาจตามกฎหมายเรียกเก็บย้อนหลังไป 10 ปี แต่หากพบว่าเสียภาษีไม่ครบ สามารถเรียกเก็บย้อนหลัง 5 ปี โดยนอกจากธุรกิจผิดกฎหมายที่กล่าวมาแล้ว ล่าสุดพบว่า มีการล่อซื้อใบกำกับภาษีปลอมที่ประกาศขายทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งหลังจากจับกุมได้จะขยายผลเรียกเก็บภาษีย้อนหลังกับลูกค้าที่สั่งซื้อและผู้ขายตามกระบวนการ