โจอัว ฮาเวลานจ์ อดีตประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ชาวบราซิล ลาออกจากตำแหน่งคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ทำให้หลุดพ้นจากการเข้าไปให้ปากคำในกรณีที่มีส่วนพัวพันกับการรับสินบนซึ่งจะมีนัดไต่สวนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
สื่อในอังกฤษหลายสำนัก อาทิ บีบีซี, สกาย สปอร์ตส และ เดลีเมล์ รายงานว่า ฮาเวลานจ์ วัย 95 ปี ตัดสินใจยุติบทบาทกับ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หลังจากยื่นจดหมายลาออกซึ่งลงนามเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยการลาออกของ ฮาเวลานจ์ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนที่คณะกรรมการจริยธรรมของ ไอโอซี จะเรียกตัวไปให้ปากคำในข้อกล่าวหาที่ว่ารับเงินสินบนจำนวน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 31 ล้านบาท) จากบริษัท อินเตอร์เนชันแนล สปอร์ต แอนด์ เลเชอร์ (ไอเอสแอล) ในช่วงที่ยังดำรงตำแหน่งประธานฟีฟ่า เพื่อทำสัญญาร่วมกันในมูลค่ามหาศาล
อนึ่ง ไอเอสแอล ซึ่งล้มละลายไปแล้วเมื่อปี 2001 เป็นบริษัทที่ ฟีฟา เคยมอบหมายให้ดูแลเรื่องลิขสิทธิ์ด้านการตลาดของฟุตบอลโลก รวมถึงการเจรจาเรื่องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ก่อนที่ “พาโนรามา” (Panorama) รายการโทรทัศน์ของ บีบีซี จะออกมาตีแผ่ในภายหลังว่าเคยให้สินบนกับ อิสซา ฮายาตู, ริคาร์โด เตเซรา และ นิโคลัส เลออซ 3 บอร์ดบริหารของฟีฟาที่จะทำหน้าที่ลงคะแนนเสียงเลือกเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2018 และปี 2022
โดย รายการพาโนรามา ระบุว่ามีเอกสารหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่า ฮายาตู, เตเซรา และ เลออซ รับเงินใต้โต๊ะจาก ไอเอสแอล รวมกันถึง 175 รายการ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 100 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,100 ล้านบาท) พร้อมทั้งแจกแจงเป็นรายบุคคลว่า ฮายาตู ชาวแคเมอรูนที่รั้งตำแหน่งประธานสหพันธ์ฟุตบอลทวีปแอฟริกา รับเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง 100,000 ฟรังก์ฝรั่งเศส (ประมาณ 619,200 บาท) ในปี 1995
ทั้งนี้ การยื่นจดหมายลาออกทำให้ ฮาเวลานจ์ รอดพ้นจากการพิจารณาคดีดังกล่าวที่จะมีขึ้นในการประชุมบอร์ดบริหารของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคมนี้ ที่เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งหากมีการตัดสินคดีนี้คาดว่า ฮาเวลานจ์ อาจได้รับบทลงโทษด้วยการพักงาน 2 ปีเป็นอย่างน้อยหรือถูกถอดชื่อออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ฮายาตู และ ลามีน ดิยัค ประธานสหพันธ์กรีฑานานาชาติที่มีชื่อเป็นสมาชิกของ ไอโอซี จะยังคงต้องเข้าไปให้ปากคำต่อไป ทว่าอาจได้รับการพิจารณาบทลงโทษสถานเบากว่า ฮาเวลานจ์
สำหรับ โจอัว ฮาเวลานจ์ ถือเป็นคณะกรรมการโอลิมปิกสากลที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดเป็นเวลา 48 ปีนับตั้งแต่ปี 1963 เป็นต้นมา นอกจากนั้นยังผ่านการนั่งเก้าอี้ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติระหว่างปี 1974-1998 ก่อนที่ เซปป์ แบลตเตอร์ ประธานฟีฟ่าคนปัจจุบันชาวสวิสจะเข้ามารับช่วงต่อ
สื่อในอังกฤษหลายสำนัก อาทิ บีบีซี, สกาย สปอร์ตส และ เดลีเมล์ รายงานว่า ฮาเวลานจ์ วัย 95 ปี ตัดสินใจยุติบทบาทกับ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หลังจากยื่นจดหมายลาออกซึ่งลงนามเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยการลาออกของ ฮาเวลานจ์ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนที่คณะกรรมการจริยธรรมของ ไอโอซี จะเรียกตัวไปให้ปากคำในข้อกล่าวหาที่ว่ารับเงินสินบนจำนวน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 31 ล้านบาท) จากบริษัท อินเตอร์เนชันแนล สปอร์ต แอนด์ เลเชอร์ (ไอเอสแอล) ในช่วงที่ยังดำรงตำแหน่งประธานฟีฟ่า เพื่อทำสัญญาร่วมกันในมูลค่ามหาศาล
อนึ่ง ไอเอสแอล ซึ่งล้มละลายไปแล้วเมื่อปี 2001 เป็นบริษัทที่ ฟีฟา เคยมอบหมายให้ดูแลเรื่องลิขสิทธิ์ด้านการตลาดของฟุตบอลโลก รวมถึงการเจรจาเรื่องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ก่อนที่ “พาโนรามา” (Panorama) รายการโทรทัศน์ของ บีบีซี จะออกมาตีแผ่ในภายหลังว่าเคยให้สินบนกับ อิสซา ฮายาตู, ริคาร์โด เตเซรา และ นิโคลัส เลออซ 3 บอร์ดบริหารของฟีฟาที่จะทำหน้าที่ลงคะแนนเสียงเลือกเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2018 และปี 2022
โดย รายการพาโนรามา ระบุว่ามีเอกสารหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่า ฮายาตู, เตเซรา และ เลออซ รับเงินใต้โต๊ะจาก ไอเอสแอล รวมกันถึง 175 รายการ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 100 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,100 ล้านบาท) พร้อมทั้งแจกแจงเป็นรายบุคคลว่า ฮายาตู ชาวแคเมอรูนที่รั้งตำแหน่งประธานสหพันธ์ฟุตบอลทวีปแอฟริกา รับเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง 100,000 ฟรังก์ฝรั่งเศส (ประมาณ 619,200 บาท) ในปี 1995
ทั้งนี้ การยื่นจดหมายลาออกทำให้ ฮาเวลานจ์ รอดพ้นจากการพิจารณาคดีดังกล่าวที่จะมีขึ้นในการประชุมบอร์ดบริหารของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคมนี้ ที่เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งหากมีการตัดสินคดีนี้คาดว่า ฮาเวลานจ์ อาจได้รับบทลงโทษด้วยการพักงาน 2 ปีเป็นอย่างน้อยหรือถูกถอดชื่อออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ฮายาตู และ ลามีน ดิยัค ประธานสหพันธ์กรีฑานานาชาติที่มีชื่อเป็นสมาชิกของ ไอโอซี จะยังคงต้องเข้าไปให้ปากคำต่อไป ทว่าอาจได้รับการพิจารณาบทลงโทษสถานเบากว่า ฮาเวลานจ์
สำหรับ โจอัว ฮาเวลานจ์ ถือเป็นคณะกรรมการโอลิมปิกสากลที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดเป็นเวลา 48 ปีนับตั้งแต่ปี 1963 เป็นต้นมา นอกจากนั้นยังผ่านการนั่งเก้าอี้ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติระหว่างปี 1974-1998 ก่อนที่ เซปป์ แบลตเตอร์ ประธานฟีฟ่าคนปัจจุบันชาวสวิสจะเข้ามารับช่วงต่อ
