บรรดา 39 สมาคมกีฬาไทยตั้งเป้า 122 เหรียญทองศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ณ ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 11-22 พฤศจิกายน 2554 จากการแถลงข่าวมีทเดอะเพรส 9 ครั้งที่ผ่านมา ขณะที่ "เสธ.จา" เผยที่ประชุมมนตรีซีเกมส์เคาะเพียง 3 ชาติก็สามารถแข่งขันกีฬาได้ตามปกติ พร้อมปรับเปลี่ยนรางวัลจากเหรียญทองละ 1 แสนบาท เป็นเหรียญทองละ 2 แสนบาท
เมื่อเวลา 13.00 น. วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน 2554 สมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย จัดงานแถลงข่าว "มีท เดอะ เพรส" ครั้งที่ 9 ในการแข่งขัน ซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 11-22 พฤศจิกายน 2554 ซึ่งเป็นการประเมินเหรียญของ 39 สมาคมกีฬา ณ ห้องประชุมรอดโพธิ์ทอง สนามกีฬาแห่งชาติ
โดยได้รับเกียรติจาก พล.ต.จารึก อารีย์ราชการัณย์ เลขาธิการและรองประธานคณะกรรมการ โอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ มาสรุปความหวังเหรียญทองของทัพนักกีฬาไทยเป็นครั้งสุดท้าย รวมกับอีก 5 สมาคมกีฬา ประกอบด้วย สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย, สมาคมบริดจ์แห่งประเทศไทย, สมาคมยิงปืนแห่งประเทศไทย, สมาคมซอฟท์บอลแห่งประเทศไทย และสมาคมเบสบอลแห่งประเทศไทย
เริ่มที่ความหวังของประชาชนทั้งประเทศคือ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฯ ได้กล่าวถึงเป้าหมายในซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ว่า "สำหรับกีฬาฟุตบอลนั้นมีชิงเพียงแค่ 3 เหรียญทอง ได้แก่ ฟุตบอลชาย, ฟุตซอลชาย และฟุตซอลหญิง ซึ่งตั้งเป้าไว้ที่ 3 เหรียญทองสถานเดียว โดยเฉพาะฟุตบอลชายถือเป็นกีฬาของความหวังของคนไทยหลังไทยได้เป็นแชมป์ติดต่อกันมาเป็นเวลา 8 สมัย"
"ทว่าครั้งที่แล้วเกิดพลาดพลั้งตกรอบไป ถือเป็นบทเรียนสำคัญเพื่อกลับมาวิเคราะห์และแก้ไข แน่นอนว่าในครั้งนี้เราจะประมาทอีกไม่ได้ เนื่องจากทุกชาติก็มีการพัฒนาทีมฟุตบอลเช่นกัน ที่สำคัญไทยค่อนข้างจะอยู่ในสายที่หนักทีเดียว และที่ประมาทไม่ได้คือ อินโดนีเซีย เจ้าภาพ, มาเลเซีย แชมป์เก่า, สิงคโปร์ ที่สบายก็เป็น กัมพูชา ทั้งนี้เชื่อว่าไทยจะสามารถเป็น 1 ใน 2 ทีมที่ผ่านเข้ารอบต่อไป จนถึงรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 22 และคว้าเหรียญทองให้ได้"
"ตอนนี้นักเตะทีมชาติไทยได้เก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ที่ จ.ภูเก็ต ทางสมาคมฯ ได้ดูแลการฝึกซ้อมและการเป็นอยู่ของนักกีฬาเป็นอย่างดี โดยจะมีกำหนดเดินทางไปจาการ์ต้าวันที่ 6 พฤศจิกายน ก่อนจะมีคิวดวลนัดแรกกับ มาเลเซีย ในวันที่ 9 พฤศจิกายน ทั้งนี้ขอขอบคุณสโมสรสมาชิกทั้งหลายที่ได้ให้ความร่วมมือปล่อยนักเตะเข้าแคมป์ซีเกมส์ นอกจากนี้ในส่วนของผู้ตัดสินในแต่ละแมตช์แม้ตนจะมีตำแหน่งในสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) แต่ก็ไม่ไปยุ่งเกี่ยวใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่เสนอให้มีผู้ตัดสินชาวต่างชาติเท่านั้น อาทิ ญี่ปุ่น, จีน และ เกาหลี" ประมุขแข้งไทยกล่าว
ขณะเดียวกันความพร้อมของทีมฟุตซอลชายซึ่งถือเป็นอีกประเภทที่เต็งเหรียญทอง สุทธิพันธ์ วรรณวินเวศร์ ผู้ช่วยผู้จัดการทีมฟุตซอลทีมชาย กล่าวว่า "ขณะนี้ได้ฝึกซ้อมนักกีฬาที่สนามแกรนด์สปอร์ต และ สนามภายในมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ส่วนความพร้อมของนักกีฬาเราตอนนี้ ค่อนข้างจะเกือบ 100% เพราะหากเทียบในอาเซียน ฟุตซอลของไทยถือว่าเป็นเบอร์ 1 แต่ก็ประมาทไม่ได้เพราะคู่แข่ง คิอ มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และเวียดนาม อย่างไรก็ตามฟุตซอลชุดนี้ถือเป็นทีมที่เล่นกันมาอย่างยาวนาน อีกทั้งผู้เล่นส่วนใหญ่จะเป็นตัวหลักของ อาร์เบค ดังนั้นเรื่องทีมเวิร์ค จึงไม่มีปัญหา คาดว่าเหรียญทองของฟุตซอลชาย คงไม่พลาดอย่างแน่นอน"
ด้านความพร้อมของทีมฟุตซอลหญิงไทย "แม่เลี้ยงติ๊ก" ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ผู้จัดการทีมฟุตซอลหญิงทีมชาติไทย เผยถึงความมั่นใจว่า "ค่อนข้างจะมั่นใจกับเหรียญทองมาก เพราะนักกีฬามีความพร้อมเกือบจะเต็มร้อย แม้ว่าการฝึกซ้อมของเราจะค่อนข้างมีปัญหาเรื่องสถานที่ ซึ่งต้องมีการย้ายเนื่องจากมีปัญหาน้ำท่วม อย่างไรก็ตามจากผลงานล่าสุดไทยได้แชมป์ ฟุตซอลชิงแชมป์สโมสรตะวันออกกลางมาถือเป็นผลงานที่ดีมาก"
"ซึ่งฟุตซอลหญิงไม่มีการแบ่งสายเพราะมี 5 ประเทศลงทำการแข่งขัน ประกอบด้วย พม่า, ฟิลิปปินส์ ,อินโดนีเซีย, เวียดนาม และไทย แข่งแบบพบกันหมด แม้โปรแกรมจะติดต่อกันระหว่าง 17-22 พฤศจิกายน ทว่าไม่น่ามีปัญหาเพราะนักกีฬามีความฟิตและแข็งแกร่งมาก โดยครั้งนี้จะเน้นเกมรับและโต้กลับเร็ว ที่ประมาทไม่ได้คือ เวียดนาม และ อินโดนีเซีย"
สำหรับความหวังของสมาคมบริดจ์แห่งประเทศไทย คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช นายกสมาคมฯ กล่าวถึงเป้าหมายหลังเพิ่งได้บรรจุเป็นกีฬาซีเกมส์ครั้งแรกว่า "สมาคมฯ ได้ส่งนักกีฬาพร้อมผู้ฝึกสอนไปร่วมการแข่งขันครั้งนี้ทั้งหมด 19 คน โดยมีการชิงทั้งหมด 19 เหรียญทอง แบ่งเป็นประเภททีม 3 ทอง ประเภทคู่ 3 ทอง และประเภทคู่พาทเนอร์ 3 เหรียญทอง ซึ่งตั้งความหวังไว้ทั้งหมด 2 ทอง จากประเภททีมผสม และคู่ผสม"
"ส่วนชาติที่น่ากลัวก็คือ อินโดนีเซีย โดยเฉพาะทีมหญิงของอินโดนีเซียที่เป็นม้ามืดด้วยการเข้าชิงชนะเลิศในเวิล์ดบริดจ์ได้อย่างเหนือความคาดหมาย จากการสอบถามรัฐบาลเขาสนับสนุนอย่างมากตั้งแต่กีฬาบริดจ์ในบรรจุแข่งขันในซีเกมส์ เขาจ้างทีมบริดจ์และผู้ฝึกสอน เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อไปเก็บตัวเข้าค่าย อย่างหนัก ดังนั้นในครั้งนี้ต้องยอมรับว่าเจ้าภาพไม่ธรรมดาจริงๆ"
นอกจากนี้ยังมีหลายสมาคมกีฬาที่ไม่สามารถเดินทางมาแถลงข่าวได้ อาทิ สมาคมยิงปืนแห่งประเทศไทย แต่ได้ยืนยันผ่านทางสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทยว่า สมาคมกีฬายิงปืนนั้นตั้งเป้าจำนวนเหรียญทองไว้ที่ 4-5 ทอง จากที่มีการชิงทั้งหมด 14 เหรียญทอง โดยสมาคมกีฬายิงปืนแห่งประเทศไทยนั้นส่งทุกประเภท ประเภทละ 2 คน แต่จะหวังไปที่ ประเภทปืนสั้นอัดลมหญิง, ปืนสั้นชนวนกลาง และปืนสั้นมาตรฐานชาย ซึ่งจะเน้นความมั่นใจไปที่ประเภทบบุคลเป็นหลัก ส่วนประเภททีมนั้นค่อนข้างจะกลัวสิงคโปร์ ที่ทีมค่อนข้างจะดี พร้อมด้วยสมาคมกีฬาซอลฟท์บอลแห่งประเทศไทย ก็ขอตั้งเป้าไว้ที่ 1 เหรียญทอง และสมาคมเบสบอลแห่งประเทศไทย ขอตั้งความหวังเอาไว้ 1 ใน 3
ปิดท้ายที่ พล.ต.จารึก อารีย์ราชการัณย์ เลขาธิการและรองประธานคณะกรรมการ โอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวยืนยันถึงจำนวนเหรียญทองในครั้งนี้ว่า "ทางคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ได้จองไฟล์ทเที่ยวบินกลับให้ กีฬาฟุตบอล ในวันที่ 23 พฤศจิกายน หมายความว่า ฟุตบอลจะได้ชิงในวันที่ 22 นี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องเตือนให้ทุกคนระวังตัวเองเป็นพิเศษ สำหรับพิธีเปิดนั้น จะมีขึ้นในเวลา 18.00 น. ที่ เมืองปาเลมบัง ในวันที่ 11 พ.ย. นี้ โดยมี ซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน ประธานาธิบดีของประเทศอินโดนีเซีย จะเดินทางมาเปิดการแข่งขันด้วยตนเอง พร้อมส่งเทียบเชิญมาที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งตอนนี้ก็รอคำตอบอยู่ว่าสามารถเดินทางไปร่วมได้หรือไม่"
"ส่วนความพร้อมของสนามการแข่งขันยืนยันว่าพร้อมทุกชนิดกีฬาที่แข่งขันที่ปาเลมบัง และที่พักซึ่งสร้างขึ้นมาพร้อมศูนย์แข่งขันนั้นสามารถพักได้ 2 ชนิดกีฬา คือ ว่ายน้ำ กับ กรีฑา ก็เต็มแล้ว ดังนั้นชนิดกีฬาอื่นก็คงต้องพักที่โรงแรมบ้าง ทั้งนี้โรงแรมก็ค่อนข้างน้อยเช่นกัน แต่ไม่น่าจะมีปัญหา นอกจากนี้เพื่อไม่ให้มีปัญหาหลังจากเดินทางไปแข่งขันจึงมีการนัดหมายให้ทุกสมาคมกีฬามาทำความเข้าใจกันอีกครั้งก่อนจะเดินทางไปแข่งขัน ในวันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายนที่ บ้านอัมพวัน ที่ทำการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในเวลา 10.00 น. นอกจากนี้จากการประชุมมนตรีซีเกมส์มีมติให้ชนิดกีฬาที่มีเพียง 3 ประเทศสามารถเเข่งขันได้ตามปกติ"
ทั้งนี้ "เสธ.จา" เผยถึงความมั่นใจจำนวนเหรียญทองซีเกมส์ว่า "ยืนยันว่าไม่ควรต่ำกว่า 116 เหรียญทอง จากการที่ก่อนหน้านี้ การกีฬาแห่งประเทศไทย ตั้งไว้ 125 ทอง แต่ตอนนี้ต้องบอกว่าปัญหาใหญ่ที่เป็นปัจจัยต่อการบั่นทอนจิตใจของนักกีฬาก็คือ ปัญหาอุทกภัย ดังนั้นจึงคิดว่าน่าจะมีการลดลงจาก 125 เหรียญทอง มาอยู่ที่ประมาณ 116 เหรียญทอง อย่างไรก็ตามควรจะทำเหรียญทองให้สูสีกับอินโดนีเซีย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับนักกีฬาในซีเกมส์ ที่สำคัญได้มีการปรับเปลี่ยน จากเหรียญทองละ 1 แสนบาท เป็นเหรียญทองละ 2 แสนบาท"
อนึ่งจากการคำนวนเหรียญทองจากการแถลงข่าวมีทเดอะเพรส 9 ครั้ง ทั้ง 39 สมาคมกีฬา ทัพนักกีฬาไทยตั้งความหวังทั้งหมดอยู่ที่ 122 เหรียญทอง
