ไรอัน กิ๊กส์ ปีกพ่อมด “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวสดุดี เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เจ้านายชาวสกอต ผู้มีส่วนทำให้ตนประสบความสำเร็จในชีวิตการค้าแข้ง กระทั่งคว้ารางวัล Golden Foot Award ประจำปี 2011
โดย กิ๊กส์ รับรางวัล Golden Foot Award ประจำปี 2011 ซึ่งมอบให้แก่นักฟุตบอลอายุมากกว่า 29 ปี และยังไม่แขวนสตั๊ดสำหรับความสำเร็จในชีวิตการค้าแข้ง จากเจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 แห่งโมนาโก เมื่อวันจันทร์ที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา
ดาวเตะวัย 37 ปี เปิดเผยหลังจากรับรางวัลว่าความสำเร็จตลอด 20 ปีในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คงเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าปราศจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน “เขาเป็นคนเข้มงวดแต่ก็ยุติธรรม เขาต้องการให้ผู้เล่นทำอย่างเต็มที่เช่นเดียวกับที่เขาสั่งตัวเขาเอง เขาเป็นผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดและมันเยี่ยมที่ได้มีเขาในชีวิตการเล่นฟุตบอลอาชีพของผม”
กิ๊กส์ คว้ารางวัลเกียรติยศครั้งนี้ หลังได้รับคะแนนโหวตจากผู้สื่อข่าวนานาชาติมากที่สุดเอาชนะนักเตะคนอื่นที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอีก 9 คน นอกจากได้โล่รางวัลแล้ว ปีกชาวเวลส์จะประทับรอยเท้าฝากไว้บนถนน “The Champions Promenade” ในมอนติคาร์โล แบบเดียวกับพวกดาราฮอลลีวูด
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ชนะรางวัลนี้ และได้มีรอยเท้าของผมอยู่ร่วมกับนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมคนอื่น ผมโชคดีที่ได้เล่นกับผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมหลายคน ทำงานกับผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่และสโมสรที่ดีที่สุดในโลก ตอนนี้ผมยังสนุกกับการเล่นฟุตบอล ดังนั้นผมยังไม่คิดว่าจะเลิกเล่นเมื่อไร แต่ถ้าหากมันจะจบลงในวันพรุ่งนี้ ผมก็สามารถพูดได้ว่าผมมีชีวิตการค้าแข้งที่ยอดเยี่ยมและจะไม่ยอมแลกมันกับใคร” กิ๊กส์ กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ กิ๊กส์ คว้ารางวัลโดยได้รับคะแนนโหวตเอาชนะ เดวิด เบ็คแฮม อดีตเพื่อนร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งปัจจุบันค้าแข้งกับ แอลเอ กาแล็กซี รวมถึง จานลุยจิ บุฟฟอน (ยูเวนตุส / อิตาลี), ดิดิเยร์ ดร็อกบา (เชลซี / ไอเวอรี โคสต์), ซามูเอล เอโต (แคเมอรูน / อันซี), อีเกร์ คาซิยาส (รีล มาดริด / สเปน), ฮาเวียร์ ซาเนตติ (อินเตอร์ มิลาน / อาร์เจนตินา), คาร์เลส ปูโยล (บาร์เซโลนา / สเปน), ราอูล (ชาลเก / สเปน) และ ชาบี (บาร์เซโลนา / สเปน)
สำหรับผู้เล่นที่เคยได้รับรางวัลก่อนหน้านี้ - ฟรานเชสโก ต็อตติ (2010), อเลสซาโดร เดล ปิเอโร (2007) และ โรแบร์โต บาจโจ (2003) จากอิตาลี โรนัลดินโญ (2009), โรแบร์โต คาร์ลอส (2008) และ โรนัลโด (2006) จากบราซิล อังเดร เชฟเชนโก (2005) จากยูเครน และ พาเวล เนดเวด (2004) จากสาธารณรัฐเช็ก