xs
xsm
sm
md
lg

ตีตรง ตีไกล ใช้อุปกรณ์ทันสมัยหรืออาศัยฝีมือดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โดยปกติความยาวของสนามกอล์ฟมักจะมีระยะเฉลี่ยอยู่ที่ 7,000-7,200 หลา และจะมี 18 หลุม รวมแล้วประมาณได้ พาร์ 72 จากแท่น PRO TEE แต่สำหรับนักกอล์ฟสมัครเล่นจะใช้แท่น WHITE TEE หรือประมาณ 6,000-6,700 หลา (ด้วยพาร์ 72 เช่นกัน)

ซึ่งนักกอล์ฟสมัครเล่นส่วนใหญ่จะไม่สามารถทำพาร์สนามได้ และจะจบด้วยคะแนนสูงหรือค่อนข้างสูง แน่นอนว่าคะแนนจะสูงหรือต่ำก็ขึ้นอยู่กับความสามารถและประสบการณ์ แต่ที่แน่นอนที่สุดหากเราจะมาคุยกันในเรื่องความไกลหรือระยะทางกันแล้ว นักกอล์ฟมือสมัครเล่นส่วนใหญ่จะตีได้ไม่ไกล เช่น พาร์ 4 ก็ยังไม่สามารถทำ 2 ออนได้

และถ้ายิ่งเล่นลูกสั้นไม่ดีด้วยแล้ว คะแนนก็ยิ่งเทใหญ่ และนี่คือสาเหตุพื้นฐานที่ทำให้คะแนนของเรานั้นค่อนข้างสูง ดังนั้น ความสามารถในการตีให้ได้ไกลนั้น ย่อมเป็นปัจจัยอันดับหนึ่งที่นักกอล์ฟทุกระดับตั้งแต่โปรถึงอเมเจอร์อย่างเรามีความต้องการสูงสุด

ดังนั้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จึงมีความพยายามที่จะพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างหัวไม้ DRIVER ให้ตีได้ระยะไกลขึ้น สำหรับทุกๆค่ายที่แข่งกันผลิตไม้กอล์ฟ จนกระทั่งสมาคมกอล์ฟอเมริกา (USGA) ต้องออกมาตั้งกฎเหล็กห้ามไม่ให้ทำหัวไม้มีขนาดปริมาตรเกินกว่า 460 CC ทำให้บริษัทผู้ผลิตต้องหันมาสู้กันในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทำให้หัวไม้ขนาด 460 CC ของตน มีคุณสมบัติที่สามารถตีได้ไกลกว่าคู่แข่ง

ยกตัวอย่างเช่น คลิพแลนด์ได้สร้างหัวไม้รุ่นใหม่ที่เรียกว่ารุ่น HI BORE เข้าสู่ตลาดในปี 2006 ฮือฮากันมากด้วยระยะเฉลี่ยสำหรับโปรสนาม 350 หลา ด้วยนวัตกรรมที่ทำให้จุด SWEET SPOT และจุด C.G. อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน และมีการพัฒนามาจนกระทั่งในปี 2011 นี้ TAYLOR MADE ได้เปิดตัวไดรฟเวอร์ R11 และ R11 TP ใหม่ ด้วยเทคโนโลยี ADJUSTABLE SOLE PLATE (ASP) ที่จะปฏิวัติวงการกอล์ฟด้วยความสามารถในการปรับแต่งหัวไม้อย่างอิสระได้ถึง 48 ตำแหน่ง

แต่บอกได้เลยว่า ในปัจจุบันทุกค่ายต่างก็มีเทคโนโลยีที่พัฒนาตามทันกันได้เกือบหมด ดังนั้นจึงมาถึงบทสรุปที่เป็นคำตอบของคำถามที่ว่า “ตีไกล ตีตรง อาศัยวงหรืออุปกรณ์” ว่าฝีมือหรือวงสวิงของเราแต่ละคนเท่านั้น ที่จะทำให้ของดีที่ทุกคนถืออยู่สามารถตีออกไปได้ตรงและไกลแค่ไหน เพราะฉะนั้นนักกอล์ฟที่รัก อย่าท้อนะครับ หมั่นฝึกปรือวงสวิงเอาไว้เถิดจะเกิดผลดีแน่นอนครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น