แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ 19 สมัย เตรียมขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปผ่านทางตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดยคาดว่าจะระดมทุนเข้าสู่สโมสรได้ประมาณ 400-600 ล้านปอนด์เพื่อนำมาชำระหนี้สินที่มีอยู่
หลังจากที่ “ปิศาจแดง” ตกเป็นข่าวว่านัดเจรจากับ สิงคโปร์ สต็อก เอ็กซ์เชนจ์ (Singapore Stock Exchange) ตลาดหลักทรัพย์จดทะเบียนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชีย เพื่อประกาศขายหุ้นประมาณ 25-30 เปอร์เซ็นต์ให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ)
ล่าสุดมีรายงานว่า แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังดำเนินการดังกล่าวจริง โดยคาดว่ากระบวนการอนุญาตให้นำหุ้นเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์จะใช้เวลาประมาณ 4-12 สัปดาห์ จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการบริหารจัดการหลักทรัพย์อีก 2 สัปดาห์ ซึ่งคาดว่าจะเปิดขายหุ้นสโมสรให้กับประชาชนได้ภายในไตรมาสที่สี่ของปีนี้
ทั้งนี้ แม้ตระกูลเกลเซอร์ เจ้าของทีมปิศาจแดงจะแบ่งหุ้น 1 ใน 4 ของสโมสรไปขาย แต่ก็ยังมีหุ้นในมืออีก 75 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ยังมีสิทธิ์ขาดในการบริหารทีมแต่เพียงผู้เดียวเหมือนเดิม และหากแผนดังกล่าวประสบความสำเร็จคาดว่าจะนำเงินเข้ามาสู่สโมสรได้ประมาณ 400-600 ล้านปอนด์ (ประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท) เพื่อนำมาชำระหนี้สินที่มีอยู่ 515 ล้านปอนด์ (ประมาณ 25,750 ล้านบาท)
ปัจจุบัน แมนฯยูไนเต็ด กลายเป็นสโมสรกีฬาที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกถึง 1,700 ล้านปอนด์ (ประมาณ 85,000 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว หลังจากตระกูลเกลเซอร์ระดมเงินทุนทั้งกู้หนี้ยืมสินมาซื้อกิจการเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2005 ด้วยเงิน 800 ล้านปอนด์ (ประมาณ 40,000 ล้านบาท) นอกจากนั้นยังมีฐานแฟนบอลทั่วโลกถึง 333 ล้านคน โดยแบ่งเป็นฐานแฟนบอลในทวีปเอเชียราว 192 ล้านคน