"เรือใบสีฟ้า" แมนฯซิตี เปิดบ้านเอาชนะ เรดดิ้ง 1-0 จากลูกโหม่งของไมกาห์ ริชาร์ด นาทีที่ 74 ลิ่วสู่รอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลเอฟเอ คัพ เป็นที่เรียบร้อย เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2554 ด้านซิตี ผ่านเข้าไปเจอแมนฯยูไนเต็ด ในรอบต่อไป
ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 เรดดิ้ง
"เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี เปิดสนามซิตี ออฟ แมนเชสเตอร์ รับการมาเยือนของ "เดอะ รอยัลส์" เรดดิง ทีมจากลีกแชมเปียนชิพ อังกฤษ ที่วาดลวดลายบุกไปเอาชนะ "ท็อฟฟีสีน้ำเงิน"เอฟเวอร์ตัน แบบเซอร์ไพรซ์ในรอบที่ผ่านมา ซึ่งแมนฯซิตี ของโรแบร์โต มันชินี ปีนี้มีลุ้นแชมป์ถึงสองรายการอย่างยูโรปา ลีก และ เอฟเอ คัพ โดยกุนซือชาวอิตาลีหมายมั่นปั้นมือที่จะคว้าแชมป์รายการในรายการหนึ่งให้ได้ แถมวันนี้ยังจัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามกันอย่างครบครัน ส่วนทีมเยือน เรดดิ้ง ของกุนซือไบรอัน แม็คเดอร์ม็อตต์ ก็จัดทีมหมายเอาชนะเรือใบสีฟ้าให้ได้คาบ้าน
เริ่มเกมได้ 5 นาที เรดดิ้งเปิดเกมบุกเข้าใส่อย่างไม่เกรงกลัวทีมเจ้าบ้าน นาทีที่ 6 โจบี แม็คอนัฟ เปิดบอลจากมุมธงเข้ากลางให้เชน ลอง ได้โหม่ง แต่โคลารอฟ ก็โหม่งสกัดออกไปได้
นาทีที่ 11 เรดดิ้งบุกต่อเนื่อง แม็คอนัฟเลื้อยหลบกองหลังเรือใบฯ เข้ากรอบเขตโทษ แต่ไนเจล เดอ ยองค์ ก็วิ่งมาเคลียร์บอลอย่างรวดเร็ว
นาทีที่ 15 ซิตีโดนกดดันอย่างหนัก โจบี แม็คอนัฟฟ์ วิ่งมาเปิดบอลเข้ากลางให้โนเอล ฮันท์ โหม่งแต่บอลข้ามคานไป ส่วนแมนฯซิตี ก็ยังไม่สามารถเล่นเกมของตัวเองได้ แต่นาทีที่ 18 เจ้าบ้านได้โอกาสขึ้นนำจากลูกแทงทะลุช่องของเตเบซ ให้ไปทางขวาก่อนที่ไรท์-ฟิลลิปส์ สับไกยิงแบบจ่อๆแต่โดนหน้าของโนเอล ฮันท์ ผู้รักษาประตูของเรดดิ้งอย่างจัง จนต้องปฐมพยาบาลในสนาม แต่ก็สามารถลุกขึ้นมาเล่นต่อได้
เกมผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทั้งสองทีมเริ่มเปิดเกมบุกแลกเข้าใส่อย่างเมามันส์ แต่ยังทำอะไรกันไม่ได้ จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงท้ายครึ่งแรก เจ้าบ้านเริ่มครองบอลและทำเกมบุกได้มากขึ้น โดยอาศัยชอว์น ไรท์-ฟิลลิปส์ ใช้ความสามารถเฉพาะตัว เจาะเกมริมเส้นฝั่งขวาของเรดดิ้ง แต่ยังไม่มีลุ้นจบสกอร์ เล่นเอาโรแบร์โต มันชินี ออกอาการเซ็งลูกทีมอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจบครึ่งแรกเสมอกันไปอย่างจืดชืด 0-0
เริ่มครึ่งหลัง ทั้งสองทีมมีจังหวะลุ้นประตูกันคนละครั้ง แต่ก็ยังไม่มีทีมใดขึ้นนำ นาที 51 แมนฯซิตี น่าได้ประตูขึ้นนำแบบสุดๆ จากโอกาสของดาบิด ซิลบา ที่พริ้วหลบกองหลังเรดดิ้ง ก่อนจ่ายให้เตเบซ ยิงบอลไขว้ขาแต่ไปติดขาตัวเอง ทำให้แม็คคาธีย์ออกมาคว้าบอลได้ทัน ต่อมานาทีที่ 55 ไรท์-ฟิลลิปส์ วิ่งกระชากบอลจากด้านขวา แล้วจ่ายตัดเข้ากลางให้เตเบซสับไก แต่ยิงไม่ดี บอลกลิ้งไปเข้ามือนายทวารของเรดดิ้ง
นาทีที่ 69 แมนฯซิตี แก้เกมส่ง"ซูเปอร์มาริโอ" มาริโอ บาโลเตลลี กองหน้าดาวรุ่งชาวอิตาลี ลงมาเล่นแทนปาทริค วิเอรา โดยให้ไปยืนเป็นกองหน้าคู่กับคาร์ลอส เตเบซ และในที่สุด แมนฯซิตี ก็ได้ประตูขึ้นนำจนได้ จากลูกเปิดมุมธงทางซ้ายของดาบิด ซิลบา โยนยาวเข้ามาก่อนที่ไมกาห์ ริชาร์ด จะวิ่งเข้ามาโหม่งเข้าประตูไปอย่างสุดสวย แมนฯซิตี ขึ้นนำ 1-0
เกมดำเนินมาจนถึงช่วง10นาทีสุดท้าย มันชินีแก้เกมอีกรอบ ส่งแกเร็ธ แบร์รี ลงมาคุมแดนกลางแทนไนเจล เดอ ยองค์ แล้วทั้งคู่ก็ทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม แมนฯซิตี เฉือนชนะเรดดิ้งไป 1-0 เข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพ เป็นทีมสุดท้าย โดยทีมเรือใบสีฟ้าจะต้องเข้าไปเจอกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนามเวมบลีย์ ในวันที่ 16 เมษายนนี้
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท,อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ,ไมกาห์ ริชาร์ด,แวงซ็องต์ กอมปานี,โจเลออน เลสค็อตต์,ดาบิด ซิลบา,ไนเจล เดอ ยองค์,ยายา ตูเร,ปาทริค วิเอรา,ชอว์น ไรท์-ฟิลลิปส์,คาร์ลอส เตเบซ
เรดดิ้ง : อเล็กซ์ แม็คคาธีย์,เอียน ฮาร์ท,ซูรับ คีซานิชวิลลี,เจย์ ทับบ์,บรันชาร์ กุนนาร์สสัน,เจม คาราแคน,จิมมี เคเบ,มิเคเล ลีเกิร์ทวูด,โจบี แม็คอนัฟ,เชน ลอง,โนเอล ฮันท์