สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ทุ่มงบ 30 ล้านบาท ให้สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ (สทท.) ดำเนินการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก ประจำปี 2554 รวมทั้งสิ้น 68 แมตช์ แบ่งเป็น 2 เลก เลกละ 34 แมตช์ เป็นประจำทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ วันละ 1 คู่ ด้านการกีฬาแห่งประเทศไทยเตรียมเพิ่มงบ 10 ล้านบาท หนุนให้เพิ่มคู่ถ่ายทอดสดมากกว่านี้
เมื่อเวลา 14.00 น. วันพุธที่ 9 มีนาคม 2554 ได้มีการแถลงข่าว การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก ประจำปี 2554 ของทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ (สทท.) และพิธีลงนามสัญญาความร่วมมือ โดยมี "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ, ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด, นายพีระ ฟองดาวิรัตน์ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย(กทท.) ฝ่ายสิทธิประโยชน์และกีฬาอาชีพ, นายกฤษณพร เสริมพานิช อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และ นายสรายุทธ มหวลีรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามสปอร์ตมีเดีย แมเนจเม้นจ์ จำกัด ร่วมกันแถลงข่าว ณ ห้องบุหงา โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน (เรดิสัน)
ความร่วมมือครั้งนี้สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ (สทท.) จับมือกับ 4 พันธมิตรวงการกีฬา ประกอบด้วย สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, การกีฬาแห่งประเทศไทย, บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด และ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคต จำกัด (มหาชน) เป็นพาร์ทเนอร์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก ประจำปี 2554 เพื่อสนองความต้องการแฟนบอลชาวไทยทั่วประเทศ
สำหรับ สทท. จะทำหน้าที่ในการถ่ายทอดสดการแข่งขัน ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ตลอฤดูกาล 2011 เพื่อส่งตรงทุกความสุข สนุกสนานถึงแฟนกีฬาทั่วประเทศ รวม 68 แมตช์ แบ่งเป็น 2 เลก คือ เลกแรก ตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ. - 12 มิ.ย. 2554 จำนวน 34 แมตช์ และ เลกสอง ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค. - 25 ธ.ค. 2554 จำนวน 34 แมตช์ เป็นประจำทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ วันละ 1 คู่
โดย นายกฤษณพร เสริมพานิช อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวถึงความร่วมมือในการเป็นพันธมิตรสนับสนุนด้านการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ว่า "สทท. เป็นหน่วยงานสถานีวิทยุโทรทัศน์ของรัญบาล มีนโยบายในการสนับสนุนการถ่ายทอดกีฬาโดยมาตลอด อีกทั้งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นประโยชน์และเอื้ออำนวยความสุข สนุกสนาม แก่ผู้รับชมรายการทั่วประเทศในวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งการถ่ายทอดสดครั้งนี้คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 30 ล้านบาท ดังนั้นเราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด"
นอกจากนี้ นายพีระ ฟองดาวิรัตน์ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายสิทธิประโยชน์และกีฬาอาชีพ เผยถึงบทบาทความร่วมมือของ กกท. ในการสนับสนุนการแข่งขันและถ่ายทอดสด ว่า "ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการถ่ายทอดสดกีฬาฟุตบอล ซึ่ง กกท. เป็นองค์กรหลักที่ส่งเสริมกีฬาเพื่อความเป็นเลิศและกีฬาอาชีพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ สนับสนุนให้นักกีฬาเล่นเป็นอาชีพ พร้อมทั้งมีการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในแต่ละจังหวัด ซึ่ง กกท. กำลังทำวิจัยตัวเลขเงินหมุนของแต่ละจังหวัดเสนอต่อรัฐบาล และที่สำคัญเป็นการช่วยพัฒนาประเทศชาติ ทั้งนี้ทาง กกท. กำลังพิจารณาเพิ่มงบสนับสนุน 5-10 ล้านบาท เพื่อให้ สทท. เพิ่มคู่ถ่ายทอดสดมากกว่านี้"