xs
xsm
sm
md
lg

ปืนพลาดบุกพ่ายปอร์โต 1-2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ผิดพลาดในเกมป้องกันทำให้บุกพ่าย เอฟซี ปอร์โต 1-2 ในศึกลูกหนัง ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ประจำคืนวันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2553

ศึกฟุตบอล ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก
เอฟซี ปอร์โต (โปรตุเกส) 2-1 อาร์เซนอล (อังกฤษ)


เบนด์ทเนอร์ กระดกบอลหนี อัลเวส
อาร์แซน เวนเกอร์ นำพลพรรค "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล เดินทางมาเยือน เอฟซี ปอร์โต ถึงโปรตุเกส ด้วยปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บระนาว ต้องใช้ ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี เฝ้าเสาแทน มานูเอล อัลมูเนีย แนวรับใช้ โซลแคมป์เบลล์ ค้ำแทน วิลเลียม กัลลาส แดนหน้าห้อย นิคลาส เบนด์ทเนอร์ โดยได้รับการสนับสนุนเกมรุกจาก เชส ฟาเบรกาส, โทมัส โรซิคกี และ ซาเมียร์ นาสรี ด้านเจ้าถิ่นจัดทัพใหญ่ลงสู้ศึกยุโรปได้ ฮัล์ค กลับมาประสานเกมบุกร่วมกับ ซิลเวสเตร วาเลรา และ ราดาเมล ฟัลเกา
โรซิคกี ลากหนี ไมเรเลส
เริ่มการแข่งขันได้นาทีเศษ ปอร์โต ฉวยโอกาสบุกเร็ว ราดาเมล ฟัลเกา เลี้ยงเข้ากรอบโทษแต่ โซล แคมป์เบลล์ อาศัยความเก๋าแหย่เท้าสกัดได้หวุดหวิด จังหวะถัดมาเจ้าถิ่นโหมขึ้นมาอีกครั้ง ซิลเวสเตร วาเลรา เปิดจากกราบขวา "บิ๊กโซล" สกัดมาเข้าทาง ฮัล์ค ได้อัดเหน่งๆ บอลหลุดกรอบแบบได้เสียว จากนั้น อาร์เซนอล ได้โอกาสสวนขึ้นมาจากกลางสนาม ซาเมียร์ นาสรี แตะต่อให้ เชส ฟาเบรกาส หลุดเข้ากรอบโทษกำลังจะง้างยิงแต่ บรูโน อัลเวส พุ่งสไลด์ได้ทัน เกมตอบโต้กันสนุกทีเดียว นาสรี ได้ส่องเองบ้างแต่บอลพุ่งไปเข้าซอง เฮลตัน ดา ซิลวา

นาทีที่ 9 เจ้าถิ่นได้ฟรีคิกระยะไกล 35 หลา อัลเวส ตะบันบอลไปตรงตัว แต่สองนาทีถัดมา ปอร์โต ก็เบิกประตูนำ 1-0 จนได้ วาเลรา ขึ้นเกมทางขวากระชากหนี กาแอล กลิชี เปิดบอลเข้ามากลางประตู ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี ผิดพลาดมหันต์รับบอลไม่อยู่เข้าประตูตัวเอง ผ่าน 15 นาที "ปืนใหญ่" ดันเกมบุกมากขึ้นหวังทวงคืน นิคลาส เบนด์ทเนอร์ ยิงแฉลบกองหลังเจ้าบ้านได้ลูกเตะมุม โทมัส เฟอร์มาเลน โขกเช็ดไปเสาสอง โทมัส โรซิคกี โหม่งตั้งให้ แคมป์เบลล์ เขกเหน่งๆ ไม่เหลือสกอร์กลับมาเสมอกันที่ 1-1 เมื่อถึงนาทีที่ 18

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ปอร์โต ได้โอกาสบ้าง รูเบน มิคาเอล ส่องไกลคราวนี้ ฟาเบียนสกี พุ่งปัดพ้นอันตรายไปได้ เกมเนือยไปทั้งสองฝ่ายแต่ "ปืนใหญ่" เกือบได้ประตูพลิกนำ ฟาเบรกาส หยอดให้ เบนด์ทเนอร์ หันหลังโหม่งเกือบจะเสียบใต้คานแต่ เฮลตัน ยังบิดปันบอลทิ้งไปได้หวุดหวิด จบ 45 นาทีแรก ยังไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบเสียเปรียบ แต่ช่วงกำลังจะเดินออกจากสนามเข้าห้องแต่งตัว ฟาเบรกาส จะมีเรื่องกับ รูเบน เนื่องจากไม่พอใจที่โดนเข้าสกัดจากด้านหลัง ร้อนถึงนักเตะทั้งสองฝ่ายต้องกรูเข้ามาห้ามบ้างจะหาเรื่องกันบ้าง
บิ๊กโซล ประกบ ฮัล์ค ได้ดี
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง อาร์เซนอล ได้โอกาสก่อนทันทีแต่ เบนด์ทเนอร์ ซัดบอลเหินแบบไม่ค่อยได้ลุ้นเท่าใดนัก นาทีที่ 48 โรซิคกี ลากตะลุยเข้ากรอบโทษด้านขวาโดนทางกองหลังเจ้าถิ่นแซะล้มลง แต่ผู้ตัดสิน มาร์ติน ฮันส์สัน เมินเป่านกหวีดยาว สามนาทีถัดมา แคมป์เบลล์ ส่งคืนหลัง ฟาเบียนสกี ดันรับบอลทำให้เสียลูกโทษสองจังหวะในเขตโทษ รูเบน เล่นเร็วเขี่ยให้ ฟัลเกา วิ่งเข้ามาแป 6 หลาไม่เหลือ ปอร์โต ขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 เล่นเอา อาร์แซน เวนเกอร์ ต้องขอคำอธิบายกับ ฮันส์สัน ที่ปล่อยให้นักเตะเจ้าบ้านเล่นเร็วโดยที่ลูกทีมของเขายังไม่ทันลงมาตั้งกำแพง

พอเสียประตูไป "ปืนใหญ่" พยายามรุกเพื่อทวงคืนแต่ก็โดน ปอร์โต สวนขึ้นมา ฮัล์ค ตวัดยิงด้วยซ้าย ฟาเบียนสกี รับเอาไว้ได้ เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้ายทีมเยือนปล่อย ธีโอ วัลคอตต์ ลงมาสร้างสีสันในเกมรุกพร้อมกับถอดเอา โรซิคกี ออกมา เจ้าบ้านปรับทัพเช่นกันใส่ โธมัส คอสตา ไปบี้แดนกลางแทน ราอูล ไมเรเลส เมื่อเกมไม่ดีขึ้น เวนเกอร์ ต้องส่ง คาร์ลอส เวลา มาเพิ่มพลังในเกมบุกและก็ถอด เบนด์ทเนอร์ ซึ่งทำอะไรไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอันออกไป 5 นาทีสุดท้ายทีมเยือนทิ้งไพ่ใบสุดท้ายใส่ เอ็มมานูเอล เอบูเอ เติมเกมแทน นาสรี แต่ไม่เป็นผลครบ 90 นาที อาร์เซนอล พ่ายหวุดหวิดแต่ได้อเวย์โกลมา 1 ประตู และจะได้กลับบ้านไปชี้ชะตาเข้ารอบในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ปอร์โต : เฮลตัน ดา ซิลวา , ฮอร์เก ฟูซิเล , บรูโน อัลเวส , โรลันโด , อัลวาโร เปไรรา , รูเบน มิคาเอล , แฟร์นานโด เรเจส , ราอูล ไมเรเลส , ซิลเวสเตร วาเลรา , ฮัล์ค , ราดาเมล ฟัลเกา

อาร์เซนอล : ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี , บาการี ซานญา , โซล แคมป์เบลล์ , โธมัส เฟอร์มาเลน , กาแอล กลิชี , อาบู ดิยาบี , เชส ฟาเบรกาส , เดนิลสัน , โทมัส โรซิคกี , ซาเมียร์ นาสรี , นิคลาส เบนด์ทเนอร์
จิลาร์ดิโน แย่งโหม่งกับ เดมิเชลิส
ส่วนผลอีกคู่หนึ่งวันเดียวกัน ปรากฏว่า "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค เปิดบ้านในเยอรมนีบดเอาชนะ "ม่วงมหากาฬ" ฟิออเรนตินา จากอิตาลี 10 คน 2-1 โดยเจ้าถิ่นได้จากจุดโทษของ อาร์เยน ร็อบเบน ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก และ มิโรสลาฟ โคลเซ สวมบทซูเปอร์ซับโหม่งประตูชัยก่อนหมดเวลานาทีเดียว ส่วนทีมเยือนตีไข่แตกได้จาก เพอร์ โครลดรุป นาทีที่ 50 และ มัสซิโม ก็อบบี ก็โดนใบแดงไล่ออกท้ายเกม
กำลังโหลดความคิดเห็น