"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล พลาดท่าตกรอบสาม ศึกเอฟเอ คัพ หลังต่อเวลาพิเศษพ่ายให้กับ เรดดิง จากเดอะ แชมเปียนชิป 1-2 คาสนามแอนฟิลด์ ในเกมนัดรีเพลย์ เมื่อวันพุธที่ 13 ม.ค.
ผลฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบสาม นัดรีเพลย์
ลิเวอร์พูล 1-1 เรดดิง (ต่อเวลาพิเศษ เรดดิง ชนะ 2-1)
ลิเวอร์พูล ของกุนซือ ราฟาเอล เบนิเตซ มีปัญหาที่ เปเป เรนา นายทวารตัวจริงเจออาการบาดเจ็บก่อนเกมทำให้ต้องส่ง ดิเอโก คาวาเลียรี ลงมาเฝ้าเสาแทน ส่วนตำแหน่งอื่นเต็มร้อยมี อัลแบร์โต อาควิลานี ลงสนามเป็นตัวจริง ส่วนเกมรุกเป็นการประสานกันระหว่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด และ เฟร์นานโด ตอร์เรส ทางฝั่ง เรดดิง ของโค้ช ไบรอัน แม็คเดอร์ม็อตต์ ขาด มาเร็ค มาเตยอฟสกี ซึ่งฟิตไม่ทัน แต่ตำแหน่งอื่นค่อนข้างสมบูรณ์
เริ่มครึ่งแรก เรดดิง ทำเกมได้ดีกว่าเจ้าถิ่นในช่วงแรก เมื่อเกมมาถึงนาที 9 มีโอกาสลุ้นประตูก่อนจากจังหวะฟรีคิกบริเวณริมเขตโทษด้านซ้าย ซิเกิร์ดส์สัน จัดการปั่นด้วยขวา บอลโค้งเกือบเสียบเสาแรก แต่ คาวาเลียรี ตามมาปัดทิ้งออกไปได้ทัน
เกมมาถึงนาที 19 เป็นโอกาสของ ลิเวอร์พูล บ้าง เมื่อ เจอร์ราร์ด เก็บบอลได้ ก่อนไหลต่อไปให้ ตอร์เรส ทางด้านขวา ดาวยิงทีมชาติสเปนลากเข้าไปซัดตรงหน้าเขตโทษหลุดเสาสองออกไป อีก 3 นาทีถัดมา ทีมเยือนเกือบได้ลุ้นอีกครั้ง เมื่อ เชิร์ช ทำเกมขึ้นมาทางริมเขตโทษด้านขวา ก่อนผ่านเข้ากลาง คาร์ราเกอร์ สกัดพลาดจนบอลเลยไปถึง ราเซียก ทางเสาสอง แต่ดันยิงลออกหลังไปเองอย่างน่าเสียดาย
"เดอะ รอยัล" เดินหน้าต่อ มาถึงนาที 26 จากจังหวะโต้กลับเร็ว แม็คอานัฟฟ์ ได้บอลหลุดขึ้นมาจากกลางสนาม ก่อนวางบอลเข้าเขตโทษ เชิร์ช โฉบมาโหม่งทางเสาแรก แต่พลาดไปนิดเดียว อีก 3 นาทีถัดมา "หงส์แดง" เจอข่าวร้ายเมื่อ ตอร์เรส มีอาการเจ็บจนถูกเปลี่ยนตัวออก โดยมี ดาวิด เอ็นก๊อก ลงสนามมาแทน
ทั้งสองทีมผ่อนเกมลงพักใหญ่ ก่อนจะกลับมาสนุกอีกครั้งในช่วงท้ายเกมและเป็น ลิเวอร์พูล ที่ได้ทำเกมบุกอย่างต่อเนื่อง โดยในนาที 39 เคาท์ ไหลบอลต่อให้ เบนายูน ตรงหน้าเขตโทษ ก่อนที่มิดฟิลด์ชาวยิววางเท้าปั่นบอลโค้งหวังให้เสียบเสาไกล แต่บอลเลี้ยวไม่พอหลุดกรอบออกไปนิดเดียว
เกมมาถึงนาที 41 เอ็นก๊อก ได้บอลทางริมเส้นด้านซ้าย ก่อนกระชากขึ้นมาสับไกตรงหน้าเขตโทษ แต่ตรงตัว เฟเดริซี รับเข้าซอง อย่างไรก็ตาม ความพยายามของเจ้าถิ่นมาประสบผลสำเร็จในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากจังหวะเตะมุม กองหลังทีมเยือนเคลียร์ไม่ขาดจนบอลมาเข้าทาง เจอร์ราร์ด บริเวณเส้นหลัง ก่อนที่มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษจะผ่านบอลเข้ากลางแล้วโชคดีบอลแฉลบ เบอร์ทรานด์ จนเข้าประตูตัวเองทำให้ "หงส์แดง" นำ 1-0 พร้อมจบ 45 นาทีแรก
เกมครึ่งหลัง เจอร์ราร์ด มีปัญหาบาดเจ็บเช่นกันทำให้ถูกเปลี่ยนตัวออก โดยมี ไรอัน บาเบล ลงสนามมาแทน แต่รูปเกมของทั้งสองทีมในช่วงแรกไม่มีโอกาสลุ้นประตูแบบชัดเจนนักจนกระทั่งมาถึงนาที 64 ลิเวอร์พูล มาได้ฟรีคิกบริเวณหน้าเขตโทษ อาควิลานี ซัดจังหวะแรกติดกำแพง แต่บอลกระดอนมาเข้าทาง แอกเกอร์ จัดการวอลเลย์ซ้ำอีกครั้งหลุดเสาออกไป
อีก 2 นาทีถัดมา เรดดิง มีลุ้นตีเสมอจากจังหวะลูกเซตพีซ กุนนาร์สสัน วางบอลเข้าเขตโทษ อิงกิมาร์สสัน โฉบมาโหม่งบอลหน้าประตู แต่โดนไม่เต็มศีรษะทำให้ออกหลังไป จากนั้นนาที 70 เบนายูน ทำเกมขึ้นมาทางซ้าย ก่อนวางบอลเข้าเขตโทษให้ อาควิลานี เบียดกองหลังโหม่ง แต่ไม่ตรงกรอบ
เกมเข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย แม็คอานัฟฟ์ เกือบตีเสมอให้ "เดอะรอยัล" ได้เมื่อโชว์ความสามารถเฉพาะตัวลากบอลขึ้นมาจากแดนตัวเองและโยกหนีกองหลังเจ้าถิ่นจนหลุดเข้าไปดวลตัวต่อตัวกับ คาวาเลียรี ในเขตโทษ แต่จังหวะสุดท้ายกลับยิงหลุดเสาสองออกไปเอง
เกมทำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของ ลิเวอร์พูล แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บทีมดันมาพลาดเสียจุดโทษจากการที่ เบนายูน ไปทำฟาวล์ เชน ลอง ตัวสำรองของเรดดิงในเขตโทษ ก่อนที่ ซิเกิร์ดส์สัน รับหน้าที่สังหารไม่พลาดให้สกอร์กลับมาเสมอกัน 1-1 พร้อมจบ 90 นาทีต้องไปดวลกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ
เกมมาถึงนาที 96 อินชัว กระชากบอลขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษไม่ผ่านกองหลัง แต่ บาเบล ยังแย่งบอลคืนมาได้ ก่อนซัดด้วยขวาถูก เฟเดริซี ล้มตัวรับไว้ได้ กระทั่งนาที 99 กุนนาร์สสัน แตะบอลหลอก อินซัว จนหลุดเข้าไปเปิดบอลทางริมเขตโทษด้านขวาให้ เชน ลอง จัดการโหม่งผ่านมือ คาวาเลียรี ให้ทีมเยือนนำ 2-1 หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล ไม่สามารถตีเสมอได้สำเร็จจนครบ 120 นาทีจึงตกรอบไป ส่วน เรดดิง ผ่านเข้าสู่รอบ 4 ไปพบกับ เบิร์นลีย์
สำหรับผลการแข่งขันอีกคู่ ปีเตอร์ โลเวนครานด์ ดาวยิงชาวเดนมาร์กซัดแฮตทริกช่วยให้ นิวคาสเซิล เปิดสนามเซนต์ เจมส์ ปาร์กถล่ม พลีมัธ 3-0 ผ่านเข้ารอบ 4 ไปพบกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : ดิเอโก คาวาเลียรี, เจมี คาร์ราเกอร์, ฟิลิปป์ เดเกน, ดาเนียล แอกเกอร์, เอมิเลียโน อินซัว, สตีเวน เจอร์ราร์ด, อัลแบร์โต อาควิลานี, ยอสซี เบนายูน, ลูคัส, เดิร์ก เคาท์, เฟร์นานโด ตอร์เรส
เรดดิง : อดัม เฟเดริซี, อีวาร์ อิงกิมาร์สสัน, แมทธิว มิลล์ส, ไรอัน เบอร์ทรานด์, บรินยาร์ กุนนาร์สสัน, โจบี แม็คอานัฟฟ์, คาลิฟา ซิสเซ, เจม คาราชาน, กิลฟี ซิเกิร์ดส์สัน, เกอร์เซกอร์ซ ราเซียก, ไซมอน เชิร์ช
ผลฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบสาม นัดรีเพลย์
ลิเวอร์พูล 1-1 เรดดิง (ต่อเวลาพิเศษ เรดดิง ชนะ 2-1)
ลิเวอร์พูล ของกุนซือ ราฟาเอล เบนิเตซ มีปัญหาที่ เปเป เรนา นายทวารตัวจริงเจออาการบาดเจ็บก่อนเกมทำให้ต้องส่ง ดิเอโก คาวาเลียรี ลงมาเฝ้าเสาแทน ส่วนตำแหน่งอื่นเต็มร้อยมี อัลแบร์โต อาควิลานี ลงสนามเป็นตัวจริง ส่วนเกมรุกเป็นการประสานกันระหว่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด และ เฟร์นานโด ตอร์เรส ทางฝั่ง เรดดิง ของโค้ช ไบรอัน แม็คเดอร์ม็อตต์ ขาด มาเร็ค มาเตยอฟสกี ซึ่งฟิตไม่ทัน แต่ตำแหน่งอื่นค่อนข้างสมบูรณ์
เริ่มครึ่งแรก เรดดิง ทำเกมได้ดีกว่าเจ้าถิ่นในช่วงแรก เมื่อเกมมาถึงนาที 9 มีโอกาสลุ้นประตูก่อนจากจังหวะฟรีคิกบริเวณริมเขตโทษด้านซ้าย ซิเกิร์ดส์สัน จัดการปั่นด้วยขวา บอลโค้งเกือบเสียบเสาแรก แต่ คาวาเลียรี ตามมาปัดทิ้งออกไปได้ทัน
เกมมาถึงนาที 19 เป็นโอกาสของ ลิเวอร์พูล บ้าง เมื่อ เจอร์ราร์ด เก็บบอลได้ ก่อนไหลต่อไปให้ ตอร์เรส ทางด้านขวา ดาวยิงทีมชาติสเปนลากเข้าไปซัดตรงหน้าเขตโทษหลุดเสาสองออกไป อีก 3 นาทีถัดมา ทีมเยือนเกือบได้ลุ้นอีกครั้ง เมื่อ เชิร์ช ทำเกมขึ้นมาทางริมเขตโทษด้านขวา ก่อนผ่านเข้ากลาง คาร์ราเกอร์ สกัดพลาดจนบอลเลยไปถึง ราเซียก ทางเสาสอง แต่ดันยิงลออกหลังไปเองอย่างน่าเสียดาย
"เดอะ รอยัล" เดินหน้าต่อ มาถึงนาที 26 จากจังหวะโต้กลับเร็ว แม็คอานัฟฟ์ ได้บอลหลุดขึ้นมาจากกลางสนาม ก่อนวางบอลเข้าเขตโทษ เชิร์ช โฉบมาโหม่งทางเสาแรก แต่พลาดไปนิดเดียว อีก 3 นาทีถัดมา "หงส์แดง" เจอข่าวร้ายเมื่อ ตอร์เรส มีอาการเจ็บจนถูกเปลี่ยนตัวออก โดยมี ดาวิด เอ็นก๊อก ลงสนามมาแทน
ทั้งสองทีมผ่อนเกมลงพักใหญ่ ก่อนจะกลับมาสนุกอีกครั้งในช่วงท้ายเกมและเป็น ลิเวอร์พูล ที่ได้ทำเกมบุกอย่างต่อเนื่อง โดยในนาที 39 เคาท์ ไหลบอลต่อให้ เบนายูน ตรงหน้าเขตโทษ ก่อนที่มิดฟิลด์ชาวยิววางเท้าปั่นบอลโค้งหวังให้เสียบเสาไกล แต่บอลเลี้ยวไม่พอหลุดกรอบออกไปนิดเดียว
เกมมาถึงนาที 41 เอ็นก๊อก ได้บอลทางริมเส้นด้านซ้าย ก่อนกระชากขึ้นมาสับไกตรงหน้าเขตโทษ แต่ตรงตัว เฟเดริซี รับเข้าซอง อย่างไรก็ตาม ความพยายามของเจ้าถิ่นมาประสบผลสำเร็จในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากจังหวะเตะมุม กองหลังทีมเยือนเคลียร์ไม่ขาดจนบอลมาเข้าทาง เจอร์ราร์ด บริเวณเส้นหลัง ก่อนที่มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษจะผ่านบอลเข้ากลางแล้วโชคดีบอลแฉลบ เบอร์ทรานด์ จนเข้าประตูตัวเองทำให้ "หงส์แดง" นำ 1-0 พร้อมจบ 45 นาทีแรก
เกมครึ่งหลัง เจอร์ราร์ด มีปัญหาบาดเจ็บเช่นกันทำให้ถูกเปลี่ยนตัวออก โดยมี ไรอัน บาเบล ลงสนามมาแทน แต่รูปเกมของทั้งสองทีมในช่วงแรกไม่มีโอกาสลุ้นประตูแบบชัดเจนนักจนกระทั่งมาถึงนาที 64 ลิเวอร์พูล มาได้ฟรีคิกบริเวณหน้าเขตโทษ อาควิลานี ซัดจังหวะแรกติดกำแพง แต่บอลกระดอนมาเข้าทาง แอกเกอร์ จัดการวอลเลย์ซ้ำอีกครั้งหลุดเสาออกไป
อีก 2 นาทีถัดมา เรดดิง มีลุ้นตีเสมอจากจังหวะลูกเซตพีซ กุนนาร์สสัน วางบอลเข้าเขตโทษ อิงกิมาร์สสัน โฉบมาโหม่งบอลหน้าประตู แต่โดนไม่เต็มศีรษะทำให้ออกหลังไป จากนั้นนาที 70 เบนายูน ทำเกมขึ้นมาทางซ้าย ก่อนวางบอลเข้าเขตโทษให้ อาควิลานี เบียดกองหลังโหม่ง แต่ไม่ตรงกรอบ
เกมเข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย แม็คอานัฟฟ์ เกือบตีเสมอให้ "เดอะรอยัล" ได้เมื่อโชว์ความสามารถเฉพาะตัวลากบอลขึ้นมาจากแดนตัวเองและโยกหนีกองหลังเจ้าถิ่นจนหลุดเข้าไปดวลตัวต่อตัวกับ คาวาเลียรี ในเขตโทษ แต่จังหวะสุดท้ายกลับยิงหลุดเสาสองออกไปเอง
เกมทำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของ ลิเวอร์พูล แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บทีมดันมาพลาดเสียจุดโทษจากการที่ เบนายูน ไปทำฟาวล์ เชน ลอง ตัวสำรองของเรดดิงในเขตโทษ ก่อนที่ ซิเกิร์ดส์สัน รับหน้าที่สังหารไม่พลาดให้สกอร์กลับมาเสมอกัน 1-1 พร้อมจบ 90 นาทีต้องไปดวลกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ
เกมมาถึงนาที 96 อินชัว กระชากบอลขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษไม่ผ่านกองหลัง แต่ บาเบล ยังแย่งบอลคืนมาได้ ก่อนซัดด้วยขวาถูก เฟเดริซี ล้มตัวรับไว้ได้ กระทั่งนาที 99 กุนนาร์สสัน แตะบอลหลอก อินซัว จนหลุดเข้าไปเปิดบอลทางริมเขตโทษด้านขวาให้ เชน ลอง จัดการโหม่งผ่านมือ คาวาเลียรี ให้ทีมเยือนนำ 2-1 หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล ไม่สามารถตีเสมอได้สำเร็จจนครบ 120 นาทีจึงตกรอบไป ส่วน เรดดิง ผ่านเข้าสู่รอบ 4 ไปพบกับ เบิร์นลีย์
สำหรับผลการแข่งขันอีกคู่ ปีเตอร์ โลเวนครานด์ ดาวยิงชาวเดนมาร์กซัดแฮตทริกช่วยให้ นิวคาสเซิล เปิดสนามเซนต์ เจมส์ ปาร์กถล่ม พลีมัธ 3-0 ผ่านเข้ารอบ 4 ไปพบกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : ดิเอโก คาวาเลียรี, เจมี คาร์ราเกอร์, ฟิลิปป์ เดเกน, ดาเนียล แอกเกอร์, เอมิเลียโน อินซัว, สตีเวน เจอร์ราร์ด, อัลแบร์โต อาควิลานี, ยอสซี เบนายูน, ลูคัส, เดิร์ก เคาท์, เฟร์นานโด ตอร์เรส
เรดดิง : อดัม เฟเดริซี, อีวาร์ อิงกิมาร์สสัน, แมทธิว มิลล์ส, ไรอัน เบอร์ทรานด์, บรินยาร์ กุนนาร์สสัน, โจบี แม็คอานัฟฟ์, คาลิฟา ซิสเซ, เจม คาราชาน, กิลฟี ซิเกิร์ดส์สัน, เกอร์เซกอร์ซ ราเซียก, ไซมอน เชิร์ช