นิลมาร์ โหม่งพังประตูในช่วงต้นครึ่งหลัง ช่วยให้ "แซมบ้า" บราซิล เชือด “สิงโตคำราม” อังกฤษ 1-0 ในฟุตบอลแมตช์อุ่นเครื่องทีมชาติ ประจำคืนวันเสาร์ ณ สนาม คาลิฟา สเตเดียม กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์
ศึกฟุตบอลกระชับมิตรทีมชาติ
อังกฤษ 0-1 บราซิล
ฟาบิโอ คาเปลโล กุนซือชาวอิตาเลียนจัดทัพ “สิงโตคำราม” อังกฤษชนิดหนักใจ เนื่องจากเกมอุ่นเครื่องนัดสำคัญนี้ ไร้ผู้เล่นตัวหลักไล่ตั้งแต่ เดวิด เจมส์ นายทวาร รวมถึงกองหลังอย่าง เกล็น จอห์นสัน, ริโอ เฟอร์ดินานด์ หรือว่า จอห์น เทอร์รี ขณะที่แผงกลางขาด สตีเวน เจอร์ราร์ด, อารอน เลนนอน และ แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่ทยอยกันถอนตัว จึงวาง แกเร็ธ แบร์รี่ คุมแผงมิดฟิลด์ และใส่ชื่อ เวย์น รูนีย์ ที่วันนี้รับบทกัปตันทีมยืนเป็นหัวหอกคู่กับ ดาร์เรน เบนท์ ขณะที่ "แซมบ้า" บราซิล นำทัพโดย กาก้า ร่วมประสานงานในแนวรุกร่วมกับ นิลมาร์ และ เอลาโน วางทาง หลุยส์ ฟาเบียโน ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า
เริ่มเกมการแข่งขัน ทั้งสองทีมพยายามหาจังหวะเข้าทำใส่กัน แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่ดีพอ เข้าสู่นาทีที่ 20 เป็นบราซิลหาจังหวะเข้าทำมากขึ้นเรื่อยๆ นาทีที่ 22 มิเชล บาสโตส แบ็คซ้ายจากลียง มีโอกาสสับไกด้วยซ้ายบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ โดยที่บอลหลุดออกเสาสองออกไปอย่างน่าเสียดาย
“สิงโตคำราม” เกือบพังประตูนำได้เช่นกัน จากจังหวะสวนกลับเมื่อ เจมส์ มิลเนอร์ เปิดบอลทางกราบขวาให้ ดาร์เรน เบนท์ เทคตัวขึ้นโหม่งออกข้ามคานนิดเดียวเท่านั้น เกมผ่านครึ่งชั่วโมง บราซิลมีโอกาสสร้างความปั่นป่วนให้อังกฤษมากขึ้น นิลมาร์ ประสานงานกับ กาก้า ก่อนที่มิดฟิลด์รูปหล่อจะมีโอกาสปั่นบอลด้วยขวาแต่ลูกเบาเกินไป ไม่ผ่านมือของ เบน ฟอสเตอร์ นาทีที่ 36 ติอาโก ซิลวา ขวาง รูนี่ย์ ชัดเจน จากจังหวะกระชาก แต่ผู้ตัดสินกลับมองว่าไม่เป็นการฟาล์วแต่อย่างใด เล่นเอาหอกคุณพ่อมือใหม่ โวยวายเป็นการใหญ่ จบ 45 นาทีแรก ทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้
ลงมาลุยต่อครึ่งหลังทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่น เกมผ่านไปเพียงนาทีครึ่ง บราซิลเป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อน 1-0 ในจังหวะที่ เอลาโน เปิดบอลจากแดนกลางให้ นิลมาร์ หลุดวิ่งตัดหลัง เวส บราวน์ และ แม็ทธิว อัพสัน โหม่งผ่านมือ เบน ฟอสเตอร์ เข้าไปอย่างง่ายดาย เล่นเอา คาเปลโล นั่งไม่ติด เปลี่ยนแปลงผู้เล่นในแนวรุก โดยถอน เบนท์ ออกและเอา เจอร์เมน เดโฟ เข้ามาแทน
นาทีที่ 55 อังกฤษเกือบเสียประตูที่สองเมื่อ บราวน์ กะจังหวะบอลพลาดปล่อย นิลมาร์ โฉบหลุดไปดวลกับ ฟอสเตอร์ ก่อนที่ "บิ๊กเบน" จะไปรวบ นิลมาร์ ล้มลงไป ผู้ตัดสินไม่ลังเลที่เป่าจุดโทษ แต่ยังใจดีที่ควักเพียงแค่ใบเหลืองให้โกล "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างไรก็ตาม หลุยส์ ฟาเบียโน ที่รับหน้าที่เป็นผู้ยิง แปบอลข้ามคานออกไปอย่างน่าเหลือเชื่อ ก่อนที่ทีมแชมป์โลก 5 สมัยจะพับสนามบุกหวังทำประตูที่สองให้ได้แต่แผงกองหลังอังกฤษ ยังช่วยกันเคลียร์กันออกไปไว้ได้ทัน
เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย อังกฤษมีจังหวะหวาดเสียวบ้าง เมื่อ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ มีโอกาสเปิดบอลลึกไปให้ มิลเนอร์ แปแบบไม่จับข้ามคานออกไป 5 นาทีถัดมาแซมบ้าวันนี้เล่นได้ดีกว่าอังกฤษ อย่างชัดเจน มีโอกาสหวาดเสียวอีก จาก ลูซิโอ ที่ใช้ความสามารถเฉพาะตัวพาบอลขึ้นมาตามสไตล์ ก่อนกดด้วยซ้ายบอลชนเสาอย่างจัง ช่วงเวลาที่เหลือเป็นบราซิลยังครองเกมอย่างเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดแต่ไม่สามารถทำสกอร์เพิ่มได้ ครบ 90 นาที บราซิลบดเอาชนะสิงโตคำรามไป 1-0
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
บราซิล : ชูลิโอ เซซาร์, ดักลาส ไมคอน, ลูซิโอ (กัปตันทีม), ติอาโก ซิลวา, มิเชล บาสตอส, จิลแบร์โต ซิลวา, ฟิลิปเป เมโล, เอลาโน, กาก้า, นิลมาร์, หลุยส์ ฟาเบียโน
อังกฤษ :เบน ฟอสเตอร์, เวส บราวน์, แม็ทธิว อัพสัน, โจลีออน เลสค็อตต์, เวย์น บริดจ์, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, เจอร์เมน จีนาส, แกเร็ธ แบร์รี, เจมส์ มิลเนอร์, ดาร์เรน เบนท์, เวย์น รูนีย์(กัปตันทีม)
ผลฟุตบอลอุ่นเครื่องทีมชาติประจำคืนวันเสาร์
มาซิโดเนีย ชนะ แคนาดา 3-0
แอฟริกาใต้ เสมอ ญี่ปุ่น 0-0
เวลส์ ชนะ สกอตแลนด์ 3-0
เอสโตเนีย เสมอ แอลเบเนีย 0-0
ซาอุดิอาระเบีย เสมอ เบลารุส 1-1
สโลวาเกีย ชนะ สหรัฐอเมริกา 1-0
โปแลนด์ แพ้ โรมาเนีย 0-1
โครเอเชีย ชนะ ลิกเทนสไตน์ 5-0
สวิตเซอร์แลนด์ แพ้ นอร์เวย์ 0-1
อังกฤษ แพ้ บราซิล 0-1
ไอร์แลนด์เหนือ แพ้ เซอร์เบีย 0-1
ลักเซมเบิร์ก เสมอ ไอซ์แลนด์ 1-1
เดนมาร์ก เสมอ เกาหลีใต้ 0-0
เบลเยียม ชนะ ฮังการี 3-0
สเปน ชนะ อาร์เจนตินา 2-1
อิตาลี เสมอ ฮอลแลนด์ 0-0
ศึกฟุตบอลกระชับมิตรทีมชาติ
อังกฤษ 0-1 บราซิล
ฟาบิโอ คาเปลโล กุนซือชาวอิตาเลียนจัดทัพ “สิงโตคำราม” อังกฤษชนิดหนักใจ เนื่องจากเกมอุ่นเครื่องนัดสำคัญนี้ ไร้ผู้เล่นตัวหลักไล่ตั้งแต่ เดวิด เจมส์ นายทวาร รวมถึงกองหลังอย่าง เกล็น จอห์นสัน, ริโอ เฟอร์ดินานด์ หรือว่า จอห์น เทอร์รี ขณะที่แผงกลางขาด สตีเวน เจอร์ราร์ด, อารอน เลนนอน และ แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่ทยอยกันถอนตัว จึงวาง แกเร็ธ แบร์รี่ คุมแผงมิดฟิลด์ และใส่ชื่อ เวย์น รูนีย์ ที่วันนี้รับบทกัปตันทีมยืนเป็นหัวหอกคู่กับ ดาร์เรน เบนท์ ขณะที่ "แซมบ้า" บราซิล นำทัพโดย กาก้า ร่วมประสานงานในแนวรุกร่วมกับ นิลมาร์ และ เอลาโน วางทาง หลุยส์ ฟาเบียโน ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า
เริ่มเกมการแข่งขัน ทั้งสองทีมพยายามหาจังหวะเข้าทำใส่กัน แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่ดีพอ เข้าสู่นาทีที่ 20 เป็นบราซิลหาจังหวะเข้าทำมากขึ้นเรื่อยๆ นาทีที่ 22 มิเชล บาสโตส แบ็คซ้ายจากลียง มีโอกาสสับไกด้วยซ้ายบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ โดยที่บอลหลุดออกเสาสองออกไปอย่างน่าเสียดาย
“สิงโตคำราม” เกือบพังประตูนำได้เช่นกัน จากจังหวะสวนกลับเมื่อ เจมส์ มิลเนอร์ เปิดบอลทางกราบขวาให้ ดาร์เรน เบนท์ เทคตัวขึ้นโหม่งออกข้ามคานนิดเดียวเท่านั้น เกมผ่านครึ่งชั่วโมง บราซิลมีโอกาสสร้างความปั่นป่วนให้อังกฤษมากขึ้น นิลมาร์ ประสานงานกับ กาก้า ก่อนที่มิดฟิลด์รูปหล่อจะมีโอกาสปั่นบอลด้วยขวาแต่ลูกเบาเกินไป ไม่ผ่านมือของ เบน ฟอสเตอร์ นาทีที่ 36 ติอาโก ซิลวา ขวาง รูนี่ย์ ชัดเจน จากจังหวะกระชาก แต่ผู้ตัดสินกลับมองว่าไม่เป็นการฟาล์วแต่อย่างใด เล่นเอาหอกคุณพ่อมือใหม่ โวยวายเป็นการใหญ่ จบ 45 นาทีแรก ทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้
ลงมาลุยต่อครึ่งหลังทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่น เกมผ่านไปเพียงนาทีครึ่ง บราซิลเป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อน 1-0 ในจังหวะที่ เอลาโน เปิดบอลจากแดนกลางให้ นิลมาร์ หลุดวิ่งตัดหลัง เวส บราวน์ และ แม็ทธิว อัพสัน โหม่งผ่านมือ เบน ฟอสเตอร์ เข้าไปอย่างง่ายดาย เล่นเอา คาเปลโล นั่งไม่ติด เปลี่ยนแปลงผู้เล่นในแนวรุก โดยถอน เบนท์ ออกและเอา เจอร์เมน เดโฟ เข้ามาแทน
นาทีที่ 55 อังกฤษเกือบเสียประตูที่สองเมื่อ บราวน์ กะจังหวะบอลพลาดปล่อย นิลมาร์ โฉบหลุดไปดวลกับ ฟอสเตอร์ ก่อนที่ "บิ๊กเบน" จะไปรวบ นิลมาร์ ล้มลงไป ผู้ตัดสินไม่ลังเลที่เป่าจุดโทษ แต่ยังใจดีที่ควักเพียงแค่ใบเหลืองให้โกล "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างไรก็ตาม หลุยส์ ฟาเบียโน ที่รับหน้าที่เป็นผู้ยิง แปบอลข้ามคานออกไปอย่างน่าเหลือเชื่อ ก่อนที่ทีมแชมป์โลก 5 สมัยจะพับสนามบุกหวังทำประตูที่สองให้ได้แต่แผงกองหลังอังกฤษ ยังช่วยกันเคลียร์กันออกไปไว้ได้ทัน
เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย อังกฤษมีจังหวะหวาดเสียวบ้าง เมื่อ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ มีโอกาสเปิดบอลลึกไปให้ มิลเนอร์ แปแบบไม่จับข้ามคานออกไป 5 นาทีถัดมาแซมบ้าวันนี้เล่นได้ดีกว่าอังกฤษ อย่างชัดเจน มีโอกาสหวาดเสียวอีก จาก ลูซิโอ ที่ใช้ความสามารถเฉพาะตัวพาบอลขึ้นมาตามสไตล์ ก่อนกดด้วยซ้ายบอลชนเสาอย่างจัง ช่วงเวลาที่เหลือเป็นบราซิลยังครองเกมอย่างเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดแต่ไม่สามารถทำสกอร์เพิ่มได้ ครบ 90 นาที บราซิลบดเอาชนะสิงโตคำรามไป 1-0
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
บราซิล : ชูลิโอ เซซาร์, ดักลาส ไมคอน, ลูซิโอ (กัปตันทีม), ติอาโก ซิลวา, มิเชล บาสตอส, จิลแบร์โต ซิลวา, ฟิลิปเป เมโล, เอลาโน, กาก้า, นิลมาร์, หลุยส์ ฟาเบียโน
อังกฤษ :เบน ฟอสเตอร์, เวส บราวน์, แม็ทธิว อัพสัน, โจลีออน เลสค็อตต์, เวย์น บริดจ์, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, เจอร์เมน จีนาส, แกเร็ธ แบร์รี, เจมส์ มิลเนอร์, ดาร์เรน เบนท์, เวย์น รูนีย์(กัปตันทีม)
ผลฟุตบอลอุ่นเครื่องทีมชาติประจำคืนวันเสาร์
มาซิโดเนีย ชนะ แคนาดา 3-0
แอฟริกาใต้ เสมอ ญี่ปุ่น 0-0
เวลส์ ชนะ สกอตแลนด์ 3-0
เอสโตเนีย เสมอ แอลเบเนีย 0-0
ซาอุดิอาระเบีย เสมอ เบลารุส 1-1
สโลวาเกีย ชนะ สหรัฐอเมริกา 1-0
โปแลนด์ แพ้ โรมาเนีย 0-1
โครเอเชีย ชนะ ลิกเทนสไตน์ 5-0
สวิตเซอร์แลนด์ แพ้ นอร์เวย์ 0-1
อังกฤษ แพ้ บราซิล 0-1
ไอร์แลนด์เหนือ แพ้ เซอร์เบีย 0-1
ลักเซมเบิร์ก เสมอ ไอซ์แลนด์ 1-1
เดนมาร์ก เสมอ เกาหลีใต้ 0-0
เบลเยียม ชนะ ฮังการี 3-0
สเปน ชนะ อาร์เจนตินา 2-1
อิตาลี เสมอ ฮอลแลนด์ 0-0