เซเรนา และ วีนัส วิลเลียมส์ สองยอดนักเทนนิสสาวชาวอเมริกันวางแผนซื้อหุ้น "โลมามหาภัย" ไมอามี ดอลฟินส์ ยอดทีมแห่งศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอ็ฟแอล (NFL) เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการลงทุน
หลังโชว์ฟอร์มหรูเอาชนะ ยาโรสลาวา ชเวโดวา จาก คาซักสถาน ผ่านเข้าสู่รอบ 3 เทนนิส "โรเจอร์ส คัพ" ชิงเงินรางวัล 2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 68 ล้านบาท) ที่ โตรอนโต แคนาดา เมื่อคืนวันพุธที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา เซเรนา วิลเลียมส์ หวดสาวมือ 2 ของโลกได้ออกมาเผยผ่านสื่อมวลชนในห้องแถลงข่าวของ ดับเบิลยูทีเอ ทัวร์ ว่า ตัวเธอพร้อมด้วย วีนัส พี่สาวกำลังวางแผนซื้อหุ้นของ ไมอามี ดอลฟินส์ อดีตแชมป์ ซูเปอร์โบวล์ปี 1972 และ 1973
เจ้าของแชมป์แกรนด์สแลม 11 สมัยวัย 27 ปีเผยว่า "ฉันและพี่สาวได้ทำการพูดคุยกับตัวแทนของ ดอลฟินส์ เพื่อขอซื้อหุ้นทีมเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเชื่อว่าอีกไม่นานเกินรอน่าจะได้รับทราบผลกันว่าเราจะต้องใช้เงินจำนวนเท่าไหร่และจะได้หุ้นมาถือครองกี่เปอร์เซนต์"
โดย เซเรนา ซึ่งเกิดที่ มิชิแกน แต่ปัจจุบันย้ายไปอยู่ที่เมือง ปาล์ม บีช รัฐ ฟลอริดา ยอมรับว่าการเข้าไปถือหุ้นทีมกีฬายอดนิยมอย่าง ดอลฟินส์ จะช่วยให้เธอและพี่สาวขยายแบรนด์ธุรกิจของตนเองได้ง่ายขึ้น "เราสองคนพี่น้องมองหาช่องทางขยายแบรนด์ทางการตลาดให้ตนเองเสมอๆ ดังนั้นเมื่อเห็นว่าการถือหุ้น ดอลฟินส์ เป็นโอกาสทอง เราจึงรีบดำเนินการเจรจาอย่างไม่ลังเล"
สำหรับ ไมอามี ดอลฟินส์ ปัจจุบันมี สตีเฟน เอ็ม รอสส์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ถือหุ้นใหญ่ 95 เปอร์เซนต์ โดยเมื่อต้นปี 2009 รอสส์ ได้แบ่งหุ้นจำนวนหนึ่งไปให้ กลอเรีย และ เอมิลิโอ เอสเตฟาน สองพี่น้องนักดนตรี รวมถึง จิมมี บัฟเฟต เจ้าของธุรกิจสุรารายใหญ่ ซึ่งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บัฟเฟต ได้เซ็นสัญญาเปลี่ยนชื่อสนามเหย้าของ ดอลฟินส์ จาก "ดอลฟิน สเตเดียม" เป็น "แลนด์ ชาร์ก สเตเดียม" ตามชื่อยี่ห้อเบียร์ของเขาได้สำเร็จ
ซึ่งสื่อใหญ่ของสหรัฐฯอย่าง เอ็นบีซี วอชิงตัน ดี.ซี. มองว่าการลงทุนอย่างชาญฉลาดของ บัฟเฟต ในครั้งนั้นมีส่วนจุดประกายให้ เซเรนา และ วีนัส ซึ่งปกติไม่ใช่แฟนอเมริกันฟุตบอลตัดสินใจเข้ามาลงทุนกับ ดอลฟินส์ ซึ่งในฤดูกาล 2008 สามารถผ่านเข้าไปถึงรอบเพลย์ออฟรอบแรกของสาย เอเอฟซี ก่อนพ่ายแพ้ให้กับ บัลติมอร์ เรเวนส์ 9-27 คะเเนน