ถึงแม้ว่า แลนซ์ อาร์มสตรอง จะพลาดโอกาสเป็นแชมป์ ตูร์ เดอ ฟรองซ์ สมัยที่ 8 ของตนเองหลังควบสองล้อของทีม แอสทานา ทำเวลารวม 21 สเตจได้เป็นอันดับที่ 3 โดยเป็นรอง อัลเบอรโต คอนทอดอร์ เจ้าของแชมป์ประจำปี 2009 จากทีมเดียวกันถึง 5 นาที 24 วินาที หากแต่การกลับมาลงสนามจักรยานทางไกลที่เก่าแก่ที่สุดในโลกของ "เมลโลว์ จอห์นนี" หลังร้างสนามไปนาน 3 ปีเศษได้สร้างปรากฎการณ์ให้วงการจักรยานกลับมาคึกคักอีกครั้งพิสูจน์ได้จากการถ่ายทอดการแข่งขันของสื่อมวลชนของสหรัฐอเมริกาซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 80 เปอร์เซนต์หากเทียบกับ 4 ปีที่ผ่านมา
หลังผ่านเส้นทางหฤโหด 3,459 กิโลเมตรรวม 21 สเตจตลอด 3 สัปดาห์ของการแข่งขัน ในที่สุดจักรยานทางไกล “ตูร์ เดอ ฟรองซ์” ประจำปี 2009 ปิดฉากเรียบร้อยแล้วเมื่อ มาร์ค คาเวนดิช จอมสปรินท์ชาวอังกฤษปั่นสองล้อคู่ใจเข้าเส้นชัยสเตจ 21 หน้าประตูชัย อาร์ค เดอ ทริออมป์ ถนน ชอง เอลิเซ กรุง ปารีส เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคมเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยแชมป์โอเวอร์ออลประจำปีนี้ตกเป็นของ อัลแบร์โต คอนทาดอร์ น่องเหล็กสเปนจากทีม แอสทานา ซึ่งคว้าชัยเป็นสมัยที่ 2 ต่อจากปี 2007 โดยมีเวลารวมทิ้งห่าง แอนดี ชเล็ค นักปั่นลักเซมเบิร์ก จากทีม แซ็กโซ แบงค์ ถึง 4 นาทีเศษ ส่วน แลนซ์ อาร์มสตรอง น่องเหล็กอเมริกันวัย 37 ปี ได้ขึ้นโพเดียมเมื่อเข้าเป็นที่ 3 ตามหลังแชมป์ 5 นาที 24 วินาที ซึ่งแม้จะพลาดแชมป์สมัยที่ 8 หากการคืนสนามในครั้งนี้ได้ทำให้วงการจักรยานกลับมาเป็นที่สนใจของแฟนกีฬาทั่วโลกอีกครั้ง
โดย สำนักข่าว เอเอฟพี รายงานว่า การกลับมาลงแข่งขัน ตูร์ เดอ ฟรองซ์ ของ อาร์มสตรอง แชมป์เก่า 7 สมัยซ้อนระหว่างปี 1999-2005 มีผลให้ยอดถ่ายทอดในสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้นถึง 80 เปอร์เซนต์หากเทียบกับ 3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังทำให้บริเวณจุดออกสตาร์ทและเส้นชัยของแต่ละสเตจมีความคึกคักขึ้นเมื่อแฟนๆกีฬาสองล้อแห่เข้าไปล่าลายเซ็นตลอดจนสื่อมวลชนต่างมาดักรอสัมภาษณ์ แลนซ์ อย่างไม่ลดละ
ซึ่ง บ็อบ สเตเปิลตัน ผู้จัดการทีม โคลัมเบีย กล่าวถึงกระแส "แลนซ์ ฟีเวอร์" ใน ตูร์ เดอ ฟรองซ์ 2009 ว่า "แลนซ์ อาร์มสตรอง ช่วยให้ควาามนิยมของ ตูร์ เดอ ฟรองซ์ ขยายตัวเป็นสองเท่าทั่วโลก ผู้ชมเพิ่มมากขึ้นถึง 80 เปอร์เซนต์ นอกจากนี้ข่าวการแข่งขันจักรยานยังขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ในสหรัฐอเมริกาตลอด 23 วันของการแข่งขัน การกลับมาของ แลนซ์ ช่วยให้กีฬาชนิดนี้เติบโตขึ้นอย่างชัดเจนที่สุด"
ขณะที่ ธอร์ ฮูชอฟด์ น่องเหล็กนอร์เวย์เจ้าของเสื้อเขียว (เจ้าความเร็ว) จากทีม เซอร์เวโล เทสต์ เผยว่า "การได้ แลนซ์ กลับมาลงแข่งขันอีกครั้งเป็นผลดีต่อทัวร์นาเมนต์ เห็นได้ชัดเลยว่ามีผู้ชมเดินทางมาชมการแข่งขันมากขึ้นและมีสื่อมวลชนให้ความสนใจทำข่าวมากขึ้น ซึ่งเป็นที่น่ายินดีที่ แลนซ์ สามารถกลับมายืนบนโพเดียมได้อีกครั้งหลังหายหน้าไปนาน 3 ปีและผมเชื่อว่าในปีหน้า ตูร์ เดอ ฟรองซ์ จะบูมกว่านี้อีกเมื่อเขาย้ายไปสังกัดทีม เรดิโอ แช็ค"
โดย อาร์มสตรองค์ ได้ออกมายืนยันเรียบร้อยแล้วว่าเขาจะกลับมาล่าแชมป์ ตูร์ เดอ ฟรองซ์ สมัยที่ 8 ของตนเองในปี 2010 โดยจะย้ายไปปั่นให้ทีมใหม่แกะกล่อง "เรดิโอ แช็ค" สัญชาติอเมริกัน ซึ่งกำลังวางแผนเสริมทีมด้วยการดึง โยฮัน บรูยนีล ซึ่งสนิทกับ แลนซ์ มาทำหน้าที่ผู้อำนวยการทีม ยิ่งไปกว่านั้นยังมีข่าวลือว่าพวกเขาอาจได้ แอนดี ชเล็ค รองแชมป์ ตูร์ เดอ ฟรองซ์ ปี 2009 รวมถึง แฟรงค์ ชเล็ค พี่ชายมาร่วมทีมด้วย
สำหรับการย้ายทีมสู่สังกัด เรดิโอ แช็ค ในปี 2010 ของ แลนซ์ จะทำให้ความเป็น "คู่แค้น-คู่แข่ง" ของเขากับ คอนทาดอร์ ชัดเจนมากขึ้นหลังจาก ตูร์ เดอ ฟรองซ์ 2009 ทั้งคู่ต้องอั้นดีกรีความแรงของการให้สัมภาษณ์และการขับเคี่ยวบนถนนเนื่องจากต่างสังกัดทีม แอสทานา ด้วยกัน ซึ่ง คริสติยอง ปรูโฮม ประธาน ตูร์ เดอ ฟรองซ์ เชื่อว่าการแยกตัวของ "แลนซ์ - คอนทาดอร์" ในครั้งนี้จะทำให้ทั้งคู่กลายเป็น "คู่แค้นฟ้าลิขิต" ในแบบเดียวกับ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ และ ราฟาเอล นาดาล ในเกมเทนนิสเลยทีเดียว
ทั้งนี้ แลนซ์ มีแนวโน้มจะกลับมาแข่งขัน ทัวร์ ออฟ แคลิฟอร์เนีย ระหว่างวันที่ 16-23 พฤษภาคมปี 2010 เป็นรายการแรกภายใต้สังกัดใหม่ ก่อนต่อไปลงสนาม ตูร์ เดอ ฟรองซ์ 2010 ในเดือนกรกฎาคม ด้วยเป้าหมายสวมเสื้อเหลืองขึ้นโพเดียมบนถนน ชอง เอลิเซ เป็นสมัยที่ 8 ในวัย 38 ปี